เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 322
“เป็นอะไร? มีเรื่องอะไรหรือ?” ชีอ้าวชวางถามเบาๆ พร้อมขยี้ผมไปด้วย
“อ้อ คือ คือว่า…” โจนาธานจับกระจกในมือแน่น กำลังคิดว่าจะส่องไปที่ชีอ้าวชวางได้อย่างไรดี
แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูถี่ๆ ดังขึ้น
“ชีอ้าวชวาง! ชีอ้าวชวาง!” เสียงข้างนอกนั้นเป็นเสียงที่พวกเขาคุ้นเคย พาริน่านั่นเอง!
ชีอ้าวชวางยืนขึ้นและเดินตรงไปเปิดประตู ใบหน้าพาริน่าที่อยู่ด้านนอกนั้นเต็มไปด้วยความกังวล
“ชีอ้าวชวาง รีบๆ เร็วเข้า…พี่ชายข้า พี่ชายของข้า…” พาริน่าพูดด้วยเสียงขาดๆหายๆ
“เกิดอะไรขึ้น? ค่อยๆ พูด” ชีอ้าวชวางขมวดคิ้ว มองจากท่าทางของพาริน่าก็รู้ได้ว่าดูเหมือนสิ่งต่างๆ จะเปลี่ยนไปแล้วแ ละมันก็ไม่ใช่ในแง่ที่ดีอย่างแน่นอน
“พี่ชายของข้าเข้าไปในหอคอยดวงดาวแล้ว! ผู้อำนวยการให้เขาเข้าไป! ทำอย่างไรดี? ทำอย่างไรดีล่ะ? พี่ชายของข้ากำลังตกอยู่ในอันตรายแล้ว!” พาริน่าพูดกับชีอ้าวชวางอย่างกังวลใจ
ชีอ้าวชวางขมวดคิ้วและเข้าใจความหมายของผู้อำนวยการทันที เนื่องจากพี่ชายของพาริน่าฟังคำพูดของตนเองแล้วหยุดฝึกฝนมาสักพักแล้วจึงบรรลุไม่ได้ ผู้อำนวยการจึงกังวลเลยให้เขาเข้าไปในหอคอยเพื่ออยากจะให้เขาก้าวหน้าภายในนั้น แต่ถ้าเขาบรรลุไม่ได้ เขาจะออกมาแบบมีชีวิตได้หรือไม่ล่ะ?
“ชีอ้าวชวาง ได้โปรด ขอร้อง เจ้าเข้าไปดูเขาที คนที่ข้ารู้จักก็มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่มีคุณสมบัติเข้าหอคอยดวงดาวได้ตลอดเวลา ข้ากังวลมากเลย…” เสียงของพาริน่าติดขัดและสะอื้น
“เอาละ พาริน่า ไม่ต้องร้องไห้นะ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้เลย” ชีอ้าวชวางเอื้อมมือไปลูบหัวพาริน่าเบาๆ จากนั้นก็พยักหน้าสัญญา “ข้าจะเข้าไปเดี๋ยวนี้ และจะไม่ปล่อยให้เขาเป็นอะไรไปแน่นอน ข้าจะพาเขาออกมาอย่างปลอดภัย”
“ชีอ้าวชวาง ขอบคุณนะ ฮือๆ ขอบคุณ…” พาริน่าเช็ดน้ำตาและยิ้ม
“เอาละ เจ้ากลับไปก่อน ข้าจะเข้าไปเดี๋ยวนี้เลย” ชีอ้าวชวางไม่สนใจเรื่องอื่นแล้ว นางผลักพาริน่าออกอย่างอ่อนโยนและเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
“เจ้าก็ต้องระวังเหมือนกันนะ!” พาริน่าพูดไล่หลังไปอย่างเป็นห่วง
“อืม…” เสียงของชีอ้าวชวางตอบมาไกลๆ
โจนาธานมองแผ่นหลังของชีอ้าวชวางที่ห่างออกไปเรื่อยๆ จากนั้นเขาก็รู้สึกตัวแล้วก็รีบวิ่งตามไป
เวลานี้เอง ประตูห้องของไดทันส์ก็เปิดออก และไดทันส์ก็มองพาริน่าที่ยังคงมีน้ำตาบนใบหน้าอย่างเย็นชา จากนั้นก็มองทั้งสองคนที่เดินออกไปที่ทางเดินนั้น เขาขมวดคิ้วและรีบตามไปโดยไม่พูดอะไร
เวลานี้โจนาธานกำลังตามไปอย่างกระวนกระวายโดยถือกระจกไว้ในมือด้วย เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะเอากระจกส่องไปร่างของชีอ้าวชวาง แต่เมื่อส่องไปก็มองไม่เห็นอีกเพราะว่าชีอ้าวชวางกำลังวิ่งอยู่ข้างหน้าเขา
ในที่สุดเมื่อไปถึงมุมหนึ่ง โจนาธานก็รีบมองหลังของชีอ้าวชวางในกระจกทันที
ในกระจกเงานั้นมีร่างที่งดงาม ผมสีดำสวยนั้นปลิวไสว เห็นเพียงแผ่นหลังเท่านั้น!
แต่ในเวลาสั้นๆ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
โจนาธานยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น ไม่ได้ก้าวต่อไปข้างหน้า แต่จ้องไปที่กระจกในมือของเขาอย่างเหม่อลอย
โจนาธานหยุดยืนและมองกระจกในมือ ใจของเขาสั่นไปหมด เขาสงบสติอารมณ์ไม่ได้เลย แม้ว่าเงาในกระจกจะมีเพียงประกายเล็กน้อย แต่มันฝังลึกอยู่ในใจของโจนาธานแล้ว ไม่ผิดเลย แผ่นหลังของร่างนั้นเป็นผู้หญิงแน่นอน!
เช่นนั้น ชีอ้าวชวางเป็นผู้หญิงจริงๆ หรือ?
ไดทันส์เดินผ่านโจนาธานและเหลือบมองโจนาธานที่ยังคงเหม่อลอยอยู่อย่างสงสัย ท่าทางของโจนาธานแปลกมากเลย
โจนาธานสังเกตได้ว่าไดทันส์กำลังมองเขาอยู่จึงรีบเก็บกระจกไปและรีบวิ่งตามไปข้างหน้า มีเพียงอารมณ์ในส่วนลึกของดวงตาของเขา แต่มันกลับถูกซ่อนไว้ในพริบตา โจนาธานรีบตามหลังไดทันส์ไป ตอนที่พวกเขาไปถึงที่ทางเข้าของหอคอยดวงดาว ชีอ้าวชวางก็เข้าไปแล้ว ทั้งสองคนจึงตามไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ชีอ้าวชวางรีบวิ่งเข้าไปในนั้นอย่างเร่งรีบ นางคุ้นเคยกับแผนผังที่นี่แล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าบริลผู้เป็นพี่ชายของพาริน่าจะรู้ ดังนั้นชีอ้าวชวางจึงรีบตามไปอย่างรวดเร็ว เห็นร่างที่ไม่แยแส ผมสีเกาลัด รูปร่างสูงและใส่เสื้อผ้าสีเข้มอยู่ไกลๆ นั้น
“บริล!” ชีอ้าวชวางซึ่งยังอยู่ห่างไกลส่งเสียงเรียกคนที่อยู่ข้างหน้าเอาไว้
บริลหันไปมองคนที่วิ่งเข้ามาและเรียกชื่อชีอ้าวชวาง “ชีอ้าวชวาง!” น้ำเสียงนั้นไม่ใช่น้ำเสียงที่ตั้งคำถาม แต่เป็นน้ำเสียงที่มั่นใจ นี่คงจะเป็นชายหนุ่มผู้ไม่ธรรมดาที่พาริน่าผู้เป็นน้องสาวพูดถึง คนที่มีผมสีแดงเพลิงและดวงตาที่เฉยเมยแต่มีความมุ่งมั่น
“อืม” ชีอ้าวชวางรีบไปตรงหน้าบริลแล้วพยักหน้า จากนั้นก็มองขึ้นลงเพื่อให้แน่ใจว่าชายที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้รับอันตรายแล้วจึงโล่งใจ
“ขอบคุณ” บริลมองตาของชีอ้าวชวางและพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น เขาเห็นว่าเด็กผมแดงที่อยู่ตรงหน้าเป็นห่วงเขามาก น้องสาวของเขามองไม่ผิดเลย ลมหายใจที่เผยให้เห็นของเด็กหนุ่มตรงหน้าแตกต่างจากคนทั่วไปมาก คนคนนี้จะต้องเข้าสู่มิติสูญสลายได้ไม่ช้าก็เร็ว บริลมองสายตาของชีอ้าวชวางและก็รู้สึกดีมาก ประการแรกคือความเป็นห่วงของชีอ้าวชวางที่มีต่อเขา อีกประการคือเพราะความสัมพันธ์กับน้องสาวของเขา สายตานั้นจึงจับตามองชีอ้าวชวาง แต่ชีอ้าวชวางกลับบอกไม่ได้ว่าสายตานั้นมันหมายถึงอะไร นางไม่ได้คิดหรอกว่าอีกฝ่ายมองนางเป็นน้องเขยไปแล้ว
“พาริน่าเป็นห่วงเจ้ามาก” ชีอ้าวชวางหยุดและมองคนตรงหน้าแล้วพูดช้าๆ “หอคอยหลังนี้ แปดชั้นแรกไม่น่าจะยากสำหรับเจ้า ประเด็นสำคัญอยู่ที่ชั้นเก้า”
“ใช่ ผู้อำนวยการต้องการให้ข้าไปที่ชั้นเก้า” บริลพยักหน้าและตอบ
“ชั้นนั้น…มันอันตรายมาก ข้าก็ขึ้นไปที่นั่นไม่ได้” ชีอ้าวชวางขมวดคิ้วและนึกถึงชายลึกลับในชุดขาวคนนั้น
“ไม่อยากทำ หรือทำไม่ได้?” บริลไม่ใช่คนธรรมดา เขาจึงรีบถามในส่วนที่สำคัญทันที
“ทำไม่ได้ มีคนหยุดข้าไว้” ชีอ้าวชวางหลุบตาลงและพูดเบาๆ
“เขาเป็นผู้ชายในชุดขาวใช่หรือไม่?” บริลถามชีอ้าวชวางอย่างประหลาดใจ
“เจ้ารู้จักเขาหรือ?” ชีอ้าวชวางเงยหน้าขึ้นและถามอย่างประหลาดใจ
“ไม่! ข้าเคยเจอเขา ข้าเจอเขาทันทีที่เข้ามาในหอคอยดวงดาวเลย เขากำชับข้าว่าแม้ว่าข้าจะขึ้นไปชั้นเก้าได้ก็อย่าขึ้นไป” บริลครุ่นคิดแล้วพูดต่อ “ดูเหมือนเขาจะรู้เบื้องหลังบางอย่างที่พวกเราไม่รู้นะ”
“ข้าก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน แต่เขาไม่พูดอะไรเลย แค่บอกให้เรารอต่อไป” ชีอ้าวชวางกัดริมฝีปากเบาๆ และนึกถึงชายลึกลับคนนั้น
“ข้าก็คิดว่า…” บริลกำลังพูดอยู่ แต่เสียงของโจนาธานก็ดังมาจากที่ไกลๆ เสียก่อน
“ชีอ้าวชวาง ชีอ้าวชวาง! รอเราด้วย!” เสียงนั้นใกล้เข้ามาแล้ว โจนาธานและไดทันส์ตามมาทันแล้ว
“ทำไมพวกเจ้าถึงมาที่นี่ด้วยล่ะ?” ชีอ้าวชวางหันกลับไปมองทั้งสองคนที่เดินใกล้เข้ามาและถามด้วยความสงสัย
“เจ้าเป็นอะไรหรือไม่?” โจนาธานมองชีอ้าวชวางด้วยดวงตาเบิกกว้างและถามออกมา
“ไม่เป็นไร เพิ่งเข้ามาจะเป็นอะไรได้อย่างไรกัน?” ชีอ้าวชวางมองโจนาธานอย่างสงสัย นางรู้สึกว่าน้ำเสียงของผู้ชายคนนี้ผิดแปลกไปเล็กน้อย
“อืม ไม่เป็นไรก็ดี” โจนาธานก็ดูเหมือนจะรู้สึกตัวว่าตัวเองดูผิดปกติ เขาจึงตอบด้วยเสียงต่ำและหยุดพูดไป
ไดทันส์เหลือบมองบริลเงียบๆ และมีประกายเย็นวาบอยู่ในแววตาของเขา
“ไดทันส์ ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่ด้วยล่ะ?” ชีอ้าวชวางมองไปที่ไดทันส์อย่างสงสัย
“ไม่มีอะไร มาดูเฉยๆ” ไดทันส์ตอบอย่างเย็นชาและไม่พูดอะไรอีก
ทันใดนั้นบรรยากาศก็นิ่งเงียบ โจนาธานก้มลงเล็กน้อย แต่ยังคงเหลือบมองชีอ้าวชวางจากหางตาของเขา แววตาของเขาดูไม่ปกติ และดูเหมือนลังเลว่าจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่พูด
“เช่นนั้นเจ้าคิดจะทำอย่างไรต่อไป? อยากขึ้นไปดูหรือไม่?” ชีอ้าวชวางหันไปมองบริลแล้วถาม
“ไม่หรอก” บริลส่ายหัวช้าๆ “ข้ารู้สึกมาตลอดว่ามันผิดปกติ ข้ามักจะมีลางสังหรณ์อยู่ตลอดว่าหากข้าก้าวเข้าสู่มิติสูญสลาย สิ่งที่จะเข้ามาต้อนรับข้ามันจะไม่ใช่โลกอีกโลกหนึ่ง แต่จะเป็นความตาย” บริลพูดประโยคนี้ออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบและเป็นธรรมชาติมาก
หลังจากที่บริลพูดแบบนี้ สีหน้าของทุกคนก็แตกต่างกันไป สีหน้าของชีอ้าวชวางดูเรียบเฉย เพราะนางรู้สึกว่าสิ่งที่บริลพูดเป็นความจริง นี่น่าจะเป็นเหตุผลขั้นพื้นฐานที่ว่าทำไมชายลึกลับจึงขวางไม่ให้พวกเขาเข้าไปในชั้นที่เก้าสินะ แต่สถาบันดวงดาวต้องการจะทำอะไรกันแน่?
“ข้าก็สงสัยในเรื่องนี้มาตลอดเหมือนกัน แต่ข้าก็ค้นหาไม่พบเลย ครอบครัวของเราก็หาเบาะแสอะไรไม่ได้เลย” โจนาธานพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
ชีอ้าวชวางตกตะลึง นางไม่คิดว่าจะมีคนสงสัยเช่นนี้มากกว่าหนึ่งหรือสองคน
“เช่นนั้นแล้วอย่างไรล่ะ? ถึงอย่างนั้น ข้าก็จะยังเข้าไปอยู่ดี” ไดทันส์ยังคงมีน้ำเสียงที่เย็นชาและสงบ การสนทนาเมื่อครู่นั้นไม่ได้ส่งผลต่ออารมณ์ของเขาเลยแม้แต่น้อย
“ไดทันส์ เจ้า…” ชีอ้าวชวางขมวดคิ้ว “เจ้าสังเกตเห็นบางอย่างมานานแล้วใช่หรือไม่?”
“หึ!” ไดทันส์ยิ้มเยาะและพูดด้วยเสียงเรียบนิ่ง “คนแรกที่ไปถึงระดับแปดในการเข้าร่วมการทดสอบครั้งแรกนั้น พวกเจ้าคิดว่าเขาไปได้เพียงชั้นแปดจริงๆ หรือ?”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” โจนาธานขมวดคิ้วและถามอย่างระมัดระวัง
บริลก็ตกใจเช่นกัน
“คนคนนั้นไปถึงชั้นที่เก้าแล้ว! แถมเขายังเข้าสู่มิติสูญสลายได้สำเร็จแล้วด้วย จากนั้นเลยได้พบกับความลับที่ไม่มีใครรู้ ดังนั้นเขาจึงคิดทำลายสถาบันและหอคอยดวงดาวไง!” ไดทันส์พูดการคาดเดาของเขาออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ แต่มันกลับเป็นความจริงเสียด้วย!
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปทันที ชีอ้าวชวางก็ยิ่งตกใจมากขึ้นไปอีก หากเป็นเช่นนี้ ชายลึกลับในชุดขาวก็คือคนที่พยายามจะทำลายหอคอยน่ะสิ! เขาเป็นคนที่ผ่านระดับเก้าได้ตั้งแต่เข้าร่วมการทดสอบเป็นครั้งแรก ใช่แล้ว มันต้องเป็นเช่นนั้นแน่ๆ ความคิดในหัวตอนนี้กำลังเชื่อมเข้าด้วยกันและยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
แต่ในเมื่อเขาได้เข้าไปในมิติสูญสลายแล้ว ทำไมเขาถึงยังอยู่ตรงนี้ได้อีกล่ะ แถมยังสู้กับคนของสถาบันดวงดาวได้ด้วย?