เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 323
“แต่มีสิ่งหนึ่งที่ข้าไม่เข้าใจ ก็คือเขาได้เข้าไปในมิติสูญสลายแล้ว แต่เขากลับเดินทางผ่านโลกนี้ได้อย่างอิสระ” ไดทันส์ขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดข้อสงสัยเช่นเดียวกับชีอ้าวชวาง
“สิ่งนี้ไม่มีทางจะรู้ได้เลยจริงๆ แต่มีสิ่งหนึ่งที่แน่นอนนั่นก็คือสถาบันดวงดาวมีเครือข่ายเบื้องหลังที่เราไม่รู้อยู่” การแสดงออกของชีอ้าวชวางเริ่มจริงจังขึ้น และก่อนที่ทุกคนจะพูดอะไร ชีอ้าวชวางก็เงยหน้าขึ้นพร้อมดวงตาที่แน่วแน่ “แต่แม้ว่าจะเป็นแบบนี้ข้าก็จะเข้าสู่มิติสูญสลายให้ได้ ข้าต้องเข้าไปให้ได้”
“อ้าวชวาง! เจ้ารู้ดีอยู่แล้วว่ามันอันตราย เจ้ายังจะเข้าไปอีกหรือ?” โจนาธานไม่ได้สังเกตเลยว่าเขาเปลี่ยนการเรียกชื่อแล้ว ก่อนหน้านี้เขาเรียกชีอ้าวชวางตรงๆ มาตลอด แต่ตอนนี้เรียกอ้าวชวาง แถมน้ำเสียงยังดูเป็นกังวลผิดปกติอีกด้วย
“ใช่ ข้าจะไป ข้าต้องไปให้ได้” ชีอ้าวชวางพยักหน้าเบาๆ แต่หนักแน่น
รอยยิ้มพึงพอใจปรากฏขึ้นในแววตาของไดทันส์ แต่เขาไม่ได้พูดอะไร
“เจ้าอย่าไปเลย มันอันตรายมากขนาดนั้นนะ!” โจนาธานพูดอย่างกังวล ไดทันส์มองท่าทางกังวลของโจนาธาน และในสายตาของเขาก็ปรากฏความสงสัยขึ้น แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น ท่าทีของโจนาธานนั้นค่อนข้างแปลกไปจริงๆ แต่ดูเหมือนพูดไปก็เท่านั้น โจนาธานรู้จักนิสัยของไดทันส์ดี เมื่อตัดสินใจอะไรแล้วจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลงเด็ดขาด โจนาธานจึงไม่พูดเกลี้ยกล่อมไดทันส์ แต่ท่าทีที่เขามีต่อชีอ้าวชวางดูเหมือนจะผิดปกติไปเล็กน้อย และดูเหมือนมีเหตุผลบางอย่างอยู่ในนั้น
“เอาเถอะ อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลย ตอนนี้เราจะทำอะไรกัน?” ชีอ้าวชวางเงยหน้าขึ้นและถามอย่างเฉยเมย
“ข้าจะทำให้หอคอยนี้มันวุ่นวายก่อน รอให้ชายชุดขาวปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งและข้าจะยังไม่ไปที่ชั้นเก้า” บริลพูดอย่างเคร่งขรึม
“อืม ก็ดี เจ้าไปหาที่เหมาะสมปักหลักในหอคอยดวงดาวก่อน” ชีอ้าวชวางพยักหน้าเห็นด้วย
“ไปเถอะ แต่อีกไม่นานเราจะต้องกลับมาที่นี่อีก” ไดทันส์หันหลังและทิ้งคำพูดนี้ไว้
ชีอ้าวชวางพยักหน้าให้บริลและเดินตามไป ตอนนี้โจนาธานยังไม่ได้สติเต็มที่ ดวงตาของเขายังพร่ามัวเล็กน้อยและยืนนิ่งไม่ขยับไปไหนเลย
บริลมองโจนาธานอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้เรียกแล้วเดินต่อไปข้างหน้า สิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้คือหาที่ปักหลักก่อน
โจนาธานใช้เวลาอยู่นานกว่าจะเรียกสติคืนได้เต็มที่ เขามองแผ่นหลังของชีอ้าวชวางค่อยๆ ห่างไปไกล หัวใจของเขาก็จมดิ่งลงทันที จากนั้นดวงตาของเขาเป็นประกายราวกับว่าเขาได้ตัดสินใจบางอย่างแล้ว และรีบตามไป
หลังจากออกจากหอคอยดวงดาวแล้ว ไดทันส์ก็แยกตัวออกไป ชีอ้าวชวางก้มหน้าลงราวกับว่ากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ส่วนโจนาธานพอออกมาแล้วก็มองแผ่นหลังของชีอ้าวชวางแล้วเดินไปที่ด้านหน้าของชีอ้าวชวาง จากนั้นก็ยื่นมือออกมาขวางชีอ้าวชวางไว้
“โจนาธาน?” ชีอ้าวชวางมองโจนาธานที่ท่าทางเคร่งขรึมตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจแล้วถาม
“อ้าวชวาง เจ้าไปชั้นเก้าไม่ได้นะ! ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าไป!” โจนาธานพูดประโยคนี้ออกมาอย่างชัดเจน!
ชีอ้าวชวางขมวดคิ้วมองโจนาธานที่ยังคงสีหน้าเคร่งขรึมอยู่และพูด “โจนาธาน เจ้าพูดอะไรของเจ้า?”
“ข้าบอกว่าข้าไม่ให้เจ้าไป!” โจนาธานพูดออกมาอย่างชัดเจนอีกครั้ง
“ข้าบอกแล้วว่าข้ามีเหตุผลที่จำเป็นต้องไป” ชีอ้าวชวางพูดเรียบๆ “ข้าเข้าใจความพยายามของเจ้า และข้าก็น้อมรับมันด้วยหัวใจ แต่เจ้าก็ควรจำสิ่งที่ข้าเคยพูดไว้ ข้ามีเหตุผลที่จำเป็นต้องไป ต่อให้ข้าไปแล้วไม่มีทางได้กลับมาอีก ข้าก็ต้องไป”
“ทำไม? ทำไมจะต้องไปด้วย? ต่อให้เอาชีวิตไปทิ้งก็ต้องไปงั้นหรือ? มันเรื่องอะไรกัน?” โจนาธานร้อนใจจึงถามไปเป็นชุด
ชีอ้าวชวางมองโจนาธานที่กำลังบ้าคลั่งตรงหน้าอย่างเงียบๆ ทันใดนั้นรอยยิ้มจางๆ ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า และดวงตาก็ดูสับสนเล็กน้อย ราวกับว่านางมองผ่านโจนาธานไปให้ที่ที่อยู่แสนไกล
โจนาธานอึ้งไปและมองชีอ้าวชวางที่กำลังยิ้มอยู่ตรงหน้า ทำไมถึงมีความรู้สึกแปลกๆ นะ ชีอ้าวชวางที่อยู่ตรงหน้านี้กำลังยิ้มอยู่ แต่ทำไมถึงทำให้คนมองรู้สึกเศร้าอย่างไม่มีที่สิ้นสุดได้ล่ะ ความทุกข์ของนางคืออะไร นางเจ็บปวดอะไรนะ? ในช่วงเวลานั้น โจนาธานอยากรู้ว่าทำไมชีอ้าวชวางถึงได้เป็นแบบนี้แล้วในใจก็เกิดความทุกข์มากขึ้น
“โจนาธาน ทุกคนมีจุดยืนของตัวเองนะ” ชีอ้าวชวางยื่นมือออกมาตบไหล่โจนาธานเบาๆ แล้วยิ้ม “จุดยืนของแต่ละคนไม่อาจสั่นคลอนได้ ข้าเองก็เช่นกัน”
พูดจบแล้ว ชีอ้าวชวางก็เดินผ่านโจนาธานไปข้างหน้าคนเดียว ทิ้งให้โจนาธานอยู่คนเดียวเงียบๆ ไม่ขยับไปไหน
ทุกคนมีจุดยืนเป็นของตัวเอง…
โจนาธานค่อยๆ หันไปมองที่ไหล่ของเขา ที่ตรงนั้น ดูเหมือนว่าความอบอุ่นจากมือของชีอ้าวชวางยังคงอยู่เลย
ชีอ้าวชวาง ทำไมกันนะ ทั้งๆ ที่รู้ว่าอาจจะตายก็ยังเลือกที่จะไปที่นั่นหรือ? เหตุผลที่ต้องไปคืออะไร? มีใครรอนางอยู่ที่นั่นหรือ? ความหึงหวงจางๆ ผุดขึ้นในหัวใจของโจนาธานทันที ใครกันที่ทำให้ชีอ้าวชวางต้องไปในที่อันตรายเช่นนั้น?
“ชีอ้าวชวาง!” ทันใดนั้น ชีอ้าวชวางที่กำลังเดินอยู่บนถนนก็ได้ยินเสียงของฉางคง
“หืม? ทำไมเจ้ายังอยู่ล่ะ?” ชีอ้าวชวางถามติดตลก
“ให้ตายสิ! พูดอย่างกับข้าตายแล้ว ข้าก็แค่นอนอยู่ในร่างเจ้าแล้วถือโอกาสพัฒนาตัวเองไปด้วย เมื่อกี้ข้าได้ยินทุกอย่างแล้วนะ” น้ำเสียงของฉางคงค่อยๆ จริงจังมากขึ้น “ข้าเองก็อยากรู้ ทำไมเจ้าถึงยังอยากไปในเมื่อเจ้ารู้ว่าตัวเองอาจตายได้ล่ะ?”
“ฮ่าๆ ต้นกำเนิดเป็นพวกชอบซุบซิบแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” ชีอ้าวชวางไม่ตอบตรงๆ แต่หัวเราะเบี่ยงประเด็นแทน
“เฮ้! ข้ากำลังถามเจ้าอย่างจริงจังอยู่นะ!” ฉางคงรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
ชีอ้าวชวางเงยหน้ามองไปไกลๆ และเงียบไป
“เฮ้ ชีอ้าวชวาง พูดมาสิว่าทำไม? มันเรื่องอะไรกันที่เป็นเหตุผลให้เจ้าไปหาเรื่องตายน่ะ? ข้าไม่อยากให้เจ้าตายหรอกนะ เฮ้อ อย่าเข้าใจข้าผิดล่ะ ข้าไม่ได้เป็นห่วงเจ้านะ ข้าก็แค่กลัวเจ้าตาย มันยากที่ข้าจะหาคนอย่างเจ้ามาเป็นบ้านให้ข้าอาศัยร่างอยู่ด้วย ถ้าเป็นแบบนั้นข้าก็จะต้องกลับไปอยู่ในที่น่าเบื่ออีก เจ้าฟังอยู่หรือไม่ ข้าถามเจ้าอยู่นะ!” ฉางคงพูด
ชีอ้าวชวางยกมุมปากและพูดเบาๆ “ฉางคง ในที่แห่งนั้นมีคนสองคนรอข้าอยู่ ข้าต้องไปหาพวกเขา เพราะแบบนี้ข้าเลยจะทำทุกอย่างที่ข้าทำได้” ชีอ้าวชวางเข้าใจว่าถึงแม้ฉางคงจะโวยวายแบบนี้ แต่ใจจริงแล้วเขาเป็นห่วงนาง
“คนสองคน? ใครกัน? พวกเขากำลังรอเจ้าอยู่หรือ? พวกเขาเข้าไปในมิติสูญสลายและไปอีกที่หนึ่งก่อนหน้าเจ้าแล้วหรือ? ดังนั้นเจ้าเลยจะไปหาพวกเขาหรือ? แต่ชีอ้าวชวาง คำพูดที่พวกเจ้าคุยกันก่อนหน้านี้ข้าก็พอจะได้ยินมาบ้างนะ เจ้าแน่ใจจริงๆ หรือว่าเจ้าจะไปยังที่ที่เจ้าคิดได้อย่างปลอดภัย?” ครั้งนี้เสียงของฉางคงดูกังวลอย่างปิดไม่มิดเลย
“ข้าจะต้องไปถึงได้แน่นอน ฉางคง ไม่ต้องกังวลนะ ข้าจะไม่ทำให้เจ้าตกอยู่ในอันตราย” ชีอ้าวชวางยิ้มจางๆ และปลอบโยนฉางคง
“เฮ้ย! ข้าดูเป็นคนรักตัวกลัวตายหรือ! เจ้ามองข้าแบบนี้ ข้าโกรธแล้วนะ ไปนอนต่อดีกว่า” ฉางคงพูกด้วยความโกรธแล้วเสียงของเขาก็หายไป
ชีอ้าวชวางยิ้มและส่ายหัวเบาๆ แล้วก็เดินต่อไปข้างหน้า เมื่อกลับมาถึงหน้าหอพักก็เห็นพาริน่าพิงต้นไม้ใหญ่อยู่ด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
“พาริน่า?” ชีอ้าวชวางเรียก
“ชีอ้าวชวาง! ชีอ้าวชวาง!” ทันทีที่พาริน่าได้ยินเสียงของชีอ้าวชวางก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าชีอ้าวชวางแล้ววิ่งไปหาด้วยดีใจ จากนั้นก็พุ่งตัวเข้าไปในอ้อมแขนของชีอ้าวชวาง
“ชีอ้าวชวาง ข้า…” พาริน่าเพิ่งจะเอ่ยปากแต่ก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงกระซิบของชีอ้าวชวางเสียก่อน
“ชู่ พี่ชายของเจ้าไม่เป็นไร ข้าให้เขาหาที่ที่เหมาะสมปักหลักอยู่ก่อน ข้าจะรีบจัดการเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด” ชีอ้าวชวางก้มหน้าลงพูดกับพาริน่า
“อืม ข้าเชื่อเจ้า ข้าเชื่อในตัวเจ้า…” พาริน่าเงยหน้าขึ้นมองชีอ้าวชวางและพยักหน้าอย่างแน่วแน่ “ข้าเชื่อในตัวเจ้า”
“เด็กโง่ พอแล้ว ถ้ามีคนมาเห็นแบบนี้มันจะดูไม่ดีนะ” ชีอ้าวชวางจับไหล่ของพาริน่าแล้วดันออกจากอ้อมกอดเบาๆ
“มีอะไรไม่ดีล่ะ? หึ! แบบนี้ก็ดีสิ ศิษย์พี่ของเจ้าจะได้ไม่คิดเกินเลยกับเจ้า!” ครั้งนี้พาริน่าไม่ปิดบังความคิดของนางแล้ว นางพูดประโยคนั้นออกมาตรงๆ จนทำให้ชีอ้าวชวางประหลาดใจ
“พาริน่า!?” การแสดงออกของชีอ้าวชวางเปลี่ยนไปทันทีและมองคนตรงหน้าอย่างตกใจ
“ชีอ้าวชวาง เจ้าแตกต่าง เจ้าแตกต่างจากผู้ชายงี่เง่าพวกนั้น! เจ้าเป็นคนดี! ข้าชอบเจ้า ข้าชอบเจ้านะ! เจ้าแตกต่าง เจ้าเป็นคนพิเศษ!” พาริน่ามองตาของชีอ้าวชวางอย่างจริงจังและพูดสิ่งเหล่านี้ออกมาอย่างรวดเร็วและหนักแน่น หลังจากพูดจบก็พุ่งตัวเข้าไปในอ้อมแขนของชีอ้าวชวางอีกครั้งแล้วกอดเอวของ ชีอ้าวชวางไว้แน่น
ชีอ้าวชวางแทบจะเป็นลม! ทั้งตกใจและหงุดหงิด สิ่งที่กลัวที่สุดเกิดขึ้นแล้ว! พาริน่าหวั่นไหวกับตนเอง!
“ฟังข้านะ พาริน่า เจ้าชอบข้าไม่ได้ ข้ากับเจ้าอยู่ด้วยกันไม่ได้” ชีอ้าวชวางดันพาริน่าที่กอดแน่นราวกับปลาหมึกออกจากอ้อมแขนอีกครั้งและพูดเกลี้ยกล่อมนางอย่างจริงใจ
“ข้ารู้ ข้ารู้ทั้งหมด ข้ากับเจ้าไม่ได้อยู่ระดับเดียวกัน ความแข็งแกร่งของเจ้าอยู่เหนือข้ามาก เมื่อเรื่องนี้คลี่คลาย วันหนึ่งเจ้าก็จะทิ้งข้าและไปจากที่นี่ แต่ข้าแค่หวังว่าก่อนที่เจ้าจะจากไป ข้าจะได้อยู่กับเจ้า ได้อยู่เคียงข้างเจ้า เท่านั้นก็พอแล้ว!” พาริน่ามองชีอ้าวชวางแล้วพูดอย่างจริงจังด้วยดวงตาที่เป็นประกาย
ชีอ้าวชวางพูดอย่างอดทน “พาริน่า ฟังข้านะ เรื่องระหว่างข้ากับเจ้ามันเป็นไปไม่ได้”
“ทำไม? เจ้าไม่ชอบข้าหรือ? ข้าไม่สวยพองั้นหรือ? หรือว่าข้าไม่เชื่อฟัง? เจ้ามีอะไรที่ไม่พอใจข้าจะเปลี่ยนให้เลย!” พาริน่าร้อนใจ
“ไม่ใช่ปัญหาพวกนี้หรอก แต่มันคือ…” ชีอ้าวชวางครุ่นคิดและมองสายตาของพาริน่า หลังจากผ่านไปสักพักจึงพูด “พาริน่า ข้าก็ชอบเจ้านะ…”