เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 339
“ทำไมเจ้าถึงยอมช่วยข้า?” ชีอ้าวชวางรู้สึกแปลกใจ เป็นครั้งแรกที่ได้พบกับราชาหมี่ซิ่วไม่ได้มีมิตรภาพใดๆ ต่อกันมาก่อน แต่อีกฝ่ายกลับเต็มใจที่จะช่วยนาง
ราชาหมี่ซิ่วกลอกตาและพูดในใจ คงจะบอกนางไม่ได้ว่าเพราะคามิลล์จะชงชาให้นางใช่หรือไม่?
“ไม่ทำไม ข้าคิดแล้ว” ราชาหมี่ซิวบอกเหตุผลที่ดูไม่เหมือนเหตุผลเท่าไหร่
ชีอ้าวชวางไม่ได้ลงรายละเอียด แต่บอกเกี่ยวกับเฟิงอี้เซวียน เหลิ่งหลิงยวิ๋น จินเหยียน โจนาธาน ไดทันส์ และบริล ให้ราชาหมี่ซิวฟัง สำหรับรูปลักษณ์ของเหลิ่งหลิงยวิ๋น ชีอ้าวชวางอธิบายลักษณะไปทั้งสองแบบ แบบแรกคือชายที่ปรากฏตัวในชุดสีขาว และอีกแบบคือลักษณะที่มีผมสีเงินและดวงตาสีม่วง ราชาหมี่ซิวเองก็จดจำอย่างตั้งใจมาก
“โลกแห่งนี้กว้างใหญ่มาก ข้าต้องออกคำสั่งให้ตรวจสอบและขอความช่วยเหลือจากราชาอีกหกองค์ด้วย ซึ่งอาจใช้เวลานาน ในช่วงนี้ เจ้าอยู่ที่นี่กับข้าก่อนได้เลย” ราชาหมี่ซิวพูดและยิ้ม “แน่นอนว่าข้าไม่จัดให้เจ้าอยู่กับพวกสาวๆ ของข้าหรอก”
ชีอ้าวชวางก็ยิ้มและไม่พูดอะไร ราชาหมี่ซิวมองรอยยิ้มของชีอ้าวชวางแต่ไม่ได้รู้สึกสวยงามและหลงใหลอีกต่อไป ล้อเล่นน่า ก็เป็นคนของคามิลล์ ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ แค่คิดก็ไม่กล้าด้วยซ้ำ!
สิ่งที่ชีอ้าวชวางเป็นห่วงก็คือหวังว่าจะได้พบทุกคนที่ตามหาและให้พวกเขาออกมาเจอกันที่โลกแห่งนี้ แม้ว่านางจะรู้ว่าความเป็นไปได้ที่ทุกคนจะมาอยู่บนโลกแห่งนี้จะน้อย แต่นางก็ยังหวังเช่นนั้นอยู่ในใจ
ในปราสาทของราชาหมี่ซิว ชีอ้าวชวางอยู่อย่างเบื่อหน่ายและรอคอยข่าวจากราชาหมี่ซิว แต่แทนที่จะได้ข่าวเกี่ยวกับที่อยู่ของคนอื่นๆ นางกลับได้ข่าวที่ทำให้ประหลาดใจแทน
“เจ้าบอกว่าราชาไป๋ที่เป็นหนึ่งในเจ็ดราชาก่อกบฏและสังหารราชาสวรรค์หรือ?” ชีอ้าวชวางมองใบหน้าที่เคร่งเครียกของราชาหมี่ซิว
“ใช่ ราชาไป๋ก่อกบฏ เขาไปที่ปราสาทของราชาสวรรค์โดยไม่มีการนัดหมายและฆ่าราชาสวรรค์ ข้าไม่รู้ว่าเขาใช้อะไรดูดซับพลังทั้งหมดของราชาสวรรค์ไปได้ ตอนนี้เขาต้องการจะปกครองทุกสิ่งในโลกแห่งนี้” ราชาหมี่ซิวพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ใบหน้าของเขาก็จริงจังขึ้นเรื่อยๆ
“ตอนนี้เขาให้เจ้าเลือกว่าจะยอมแพ้หรือต่อต้านหรือ?” ชีอ้าวชวางถามอย่างสงสัย
“ไม่ใช่ เขาฆ่าเลย” ราชาหมี่ซิวยิ้มอย่างขมขื่นและพูดต่อ “เป็นไปไม่ได้ที่จะรอให้พวกเรายอมแพ้แล้วราชาไป๋ได้ขึ้นเป็นราชาสวรรค์องค์ใหม่ เขาต้องสร้างอำนาจของเขาเองเสียใหม่ ยิ่งกว่านั้น หากราชาไป๋กลายเป็นราชาสวรรค์ ราชาไป๋คนใหม่ก็จะปรากฏขึ้นอีกเช่นกัน จากนั้นราชาอีกหกองค์ที่เหลือก็ต้องอยู่ร่วมกันกับราชาไป๋องค์ใหม่ ซึ่งอาจจะมีการเปิดตราเพื่อทำลายราชาสวรรค์องค์ใหม่ได้”
“เช่นนั้นเมื่อก่อนพวกเจ้าก็ก่อกบฏได้ ในอดีตราชาทั้งเจ็ดอย่างพวกเจ้าทำลายราชาสวรรค์ได้อย่างนั้นสิ” ชีอ้าวชวางถามเรียบๆ
“ใช่ แต่เราไม่ทำ” มีรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้าของราชาหมี่ซิวและพูดอย่างอ่อนโยน “ราชาสวรรค์องค์นั้นแสนดีมาก”
ชีอ้าวชวางไม่ได้พูดอะไรเพราะเห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างราชาหมี่ซิวและราชาสวรรค์นั้นคงดีมากจริงๆ เพราะสายตาของราชาหมี่ซิวดูล่องลอย ความโศกเศร้าค่อยๆ ปรากฏขึ้นและกลายเป็นความโกรธ “ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าราชาไป๋จะฆ่าราชาสวรรค์ได้จริงๆ! เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับราชาสวรรค์ ในงานเลี้ยงประจำปีทุกปีทั้งสองก็จะเมาอยู่ด้วยกัน บางครั้งถึงกับโอบกอดกันและหัวเราะอยู่อย่างนั้น ทำไมราชาไป๋ถึงทำเช่นนี้นะ?! ทำไม ทำไม?!” ในตอนท้ายราชาหมี่ซิวโกรธจนควบคุมตัวเองไม่ได้ มือของเขาทุบลงที่โต๊ะอย่างรุนแรงจนทุกอย่างบนโต๊ะกระเด็นไปหมด
“เจ้าไปถามเขาเป็นการส่วนตัวไม่ดีกว่าหรือ?” ชีอ้าวชวางพูดอย่างเคร่งขรึม
“ข้าจะไปถามเขาเป็นการส่วนตัวและข้าจะฆ่าเขาเอง” สีหน้าของราชาหมี่ซิวเย็นชามากและเขาก็ยืนขึ้นแล้วพูด “คุณหนูอ้าวชวาง ข้าจะออกเดินทางไปร่วมกับราชาองค์อื่นๆ เราต้องตามหาราชาไป๋คนใหม่เพื่อเปิดตราและสังหารราชาสวรรค์องค์ปัจจุบัน” พอราชาหมี่ซิวพูดเช่นนี้ ความเจ็บปวดก็ฉายแววในดวงตาของเขา
“ดังนั้น?” ชีอ้าวชวางเงียบคิด
“ดังนั้นข้าจะไล่ทุกคนที่นี่ ข้าคิดว่าราชาสวรรค์จะโจมตีคนธรรมดาที่ไม่เกี่ยวข้องเหล่านี้ เจ้าล่ะ เจ้าจะเดินทางไปกับข้าหรือมีแผนของเจ้าเองอยู่แล้ว?” ราชาหมี่ซิวถามเสียงเข้ม
“แน่นอนว่าข้าจะไปกับเจ้า ถึงพลังของข้าตอนนี้จะเสื่อมลง แต่เป้าหมายของข้าก็คือปราสาทของราชาสวรรค์ เจ้าคิดว่าราชาสวรรค์คนปัจจุบันจะเชิญข้าเข้าไปอย่างเป็นมิตรหรือไม่?” ชีอ้าวชวางตอบอย่างมั่นใจ “ข้าไปกับเจ้าก็จะได้มีเจ้าปกป้องข้า เช่นนั้นทำไมข้าจะไม่ตามเจ้ากับองครักษ์ของเจ้าไปล่ะ?”
ราชาหมี่ซิวชะงักเล็กน้อยแล้วพยักหน้า “ดี เช่นนั้นก็เตรียมพร้อมออกเดินทาง นอกจากนี้ เราต้องระวังในการซ่อนที่อยู่ของเราด้วย ตอนนี้ราชาสวรรค์กำลังส่งคนไล่ล่าพวกเราอยู่”
“เข้าใจแล้ว” ชีอ้าวชวางพยักหน้า ตัวตนในตอนนี้ของนางไม่ได้มีอะไรนัก แล้วนางจะเสนออะไรได้อีกล่ะ?
“เช่นนั้นก็เตรียมตัวเลย” ราชาหมี่ซิวพูดอย่างเหนื่อยหน่าย
“ได้ตลอดเวลาเลย ข้าเก็บของไว้ในแหวนมิติเสมอ” ชีอ้าวชวางตอบแล้วถามอย่างสงสัย “แล้วพวกคนของเจ้าล่ะ เจ้าจะจัดการอย่างไร?”
“จะจัดการอย่างไรได้ ข้าแค่บอกพวกเขาว่าถ้าคนของราชาแห่งสวรรค์มา วิธีที่ดีที่สุดคือการพูดคุยอย่างสันติและเชื่อฟังพวกเขา” ราชาหมี่ซิวถอนหายใจ “ข้าไม่อยากให้พวกเขาได้รับอันตราย แต่พวกเขาดูแลดินแดนต่างๆ ของข้า หากพวกเขาเซ็นสัญญาและสาบานว่าจะจงรักภักดี ราชาสวรรค์ก็คงจะไม่ทำอะไรพวกเขา มีแต่จะตามฆ่าพวกเราเท่านั้น”
“เจ้าเป็นผู้นำที่ดีนะ” ชีอ้าวชวางพูดจากก้นบึ้งของหัวใจและมองไปที่ใบหน้าเศร้าหมองของราชาหมี่ซิว แม้ว่าคนคนนี้จะพูดจาหยาบโลนและเจ้าชู้ แต่ใจของเขาอ่อนโยนและใจดีมาก
“เหอะๆ ราชาสวรรค์ของเราเป็นคนที่ดีกว่ามาก…” พูดจบ ราชาหมี่ซิวก็ไม่พูดอะไรมาก แต่หันกลับมาโบกมือ “คืนนี้ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่ทางเข้าห้องโถง ข้ายังมีเรื่องจะต้องจัดการอีก”
“อืม อย่าคิดมาก สักวันทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม” ชีอ้าวชวางพูดกับแผ่นหลังของราชาหมี่ซิวอย่างปลอบโยน
ราชาหมี่ซิวก็โบกมือและไม่พูดอะไรอีก
ในไม่ช้าก็เกิดเสียงดังในปราสาท มีทั้งเสียงร้องไห้ เสียงดัง และฝีเท้าเร็วๆ ชีอ้าวชวางเอนพิงเสามองการเปลี่ยนแปลงในปราสาท ในขณะนี้มองจิตใจของแต่ละคนออกได้ทันที คนเราจะเห็นรักแท้ในยามยาก มีผู้หญิงหลายคนที่ร้องไห้อย่างขมขื่นและไม่อยากทิ้งราชาหมี่ซิวไป และบางคนก็หนีไปหลังจากที่ได้ทรัพย์สินมาแล้ว ก็เป็นธรรมชาติของมนุษย์นี่นะ ชีอ้าวชวางส่ายหัวและถอนหายใจเบาๆ
“ท่านแม่ ราชาหมี่ซิวนี่จริงๆ เขาก็ดีนะ” ดอกบัวสีทองปรากฏตัวข้างๆ ชีอ้าวชวางและถอนหายใจเบาๆ
“ใช่ ตอนแรกข้าก็เกลียดเขา คิดว่าเขาน่าขยะแขยง ข้าไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนใจดีและชอบธรรมแบบนี้” หินหมึกแก้วหลากสีก็ออกมาเช่นกัน นางนอนอยู่บนหลังของดอกบัวสีทองและมองสิ่งที่เกิดขึ้นในปราสาทเวลานี้
“ข้าอยากรู้มากว่าราชาสวรรค์คนเดิมเป็นคนแบบไหน” ชีอ้าวชวางพูด คนที่ทำให้ราชาหมี่ซิวที่มีนิสัยแบบนี้ชื่นชมมากขนาดนั้น น่าจะเป็นคนที่อ่อนโยนและใจดีมากทีเดียว
“ท่านแม่ รีบไปฟื้นฟูพลังกันเถอะ หากเป็นเช่นนี้ข้ารู้สึกไม่ปลอดภัยนัก” ดอกบัวสีทองขมวดคิ้วและพูดท้วง
“เจ้าเป็นผู้ชายนะ พูดแบบนี้ได้หรือ” หินหมึกแก้วหลากสีเอื้อมมือออกไปจับปากของดอกบัวสีทองซึ่งทำให้ดอกบัวสีทองยิ้มออกมา
“ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่าเข้าเป็นผู้ชายหรือไม่” ดอกบัวสีทองพูดจบก็หายตัวไปพร้อมกับหินหมึกแก้วหลากสีเลย ส่วนชีอ้าวชวางก็ส่ายหัวอย่างขบขัน
ค่ำคืนค่อยๆ ล่วงพ้นไป ปราสาทก็ค่อยๆ ว่างเปล่า มีเพียงเสียงลมที่ก้องอยู่เท่านั้น ชีอ้าวชวางยืนอยู่ข้างเสา มองราชาหมี่ซิวที่ดูค่อนข้างแย่และถอนหายใจเบาๆ
“ราชาหมี่ซิว ทุกอย่างจะผ่านไป ของของเจ้ามันก็จะเป็นของเจ้า จะต้องได้กลับมาแน่นอน หากมันไม่ใช่ของเจ้า ต่อให้เจ้ายื้อไว้มันก็ต้องจากเจ้าไปสักวัน ตอนนี้โอกาสปรากฏขึ้นแล้ว และเจ้าก็จะแยกแยะได้อย่างชัดเจนว่าอะไรคือของเจ้า แม้มันอาจไม่ใช่เรื่องดีนัก” ชีอ้าวชวางปลอบโยน
“ของของข้าก็ต้องเป็นของข้า ของที่ไม่ใช่ของข้ามันจะจากไป…” ราชาหมี่ซิวทวนคำพูดของชีอ้าวชวางเบาๆ ดวงตาของเขาดูสับสนเล็กน้อย
“ทุกสิ่งที่เจ้ามีก่อนหน้านี้ทำให้ตาของเจ้ามืดบอด ตอนนี้เจ้าเห็นอะไรหลายๆ อย่างชัดเจนแล้วไม่ใช่หรือ?” ชีอ้าวชวางถามด้วยรอยยิ้ม
ดวงตาของราชาหมี่ซิวค่อยๆ สว่างขึ้น เขาเข้าใจคำพูดของชีอ้าวชวางและค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองชีอ้าวชวางแล้วพูด “ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณเจ้านะ”
“ไม่เป็นไร ไปเถอะ ออกเดินทาง ข้ายังอยากให้เจ้าช่วยข้าหาคนอยู่ ช่วยคุ้มครองข้าตลอดทางแล้วหาทางเข้ามิติด้วย” ชีอ้าวชวางหัวเราะ “ถ้าเจ้ามัวแต่หมกมุ่นอยู่กับการฟุ้งซ่าน คนที่จะเป็นอันตรายก็คือข้านะ”
ราชาหมี่ซิวยิ้ม “ชีอ้าวชวาง ไม่ว่าอย่างไรก็ขอบคุณเจ้านะ ชื่อของข้าไม่ใช่ราชาหมี่ซิวหรอก ชื่อของข้าคือมิเชล”
“อืม มิเชล ไปกันเถอะ” ชีอ้าวชวางยิ้มให้มิเชลและทั้งสองก็เดินออกจากห้องโถงไป
มิเชลยืนอยู่นอกห้องโถงใหญ่และมองที่ห้องโถงไม่ขยับไปไหน ชีอ้าวชวางคิดว่ามิเชลกำลังหวงแหนสิ่งที่กำลังจะจากไป ดังนั้นจึงยืนนิ่งรอ แต่ก็ต้องเบิกตากว้างมองมิเชลที่ร่ายคาถาและทำสัญญาณมือแปลกๆ จากนั้นทั้งสองด้านของปราสาทก็ค่อยๆ ยืดสิ่งที่โปร่งใสออกแล้วคลุมปราสาทไว้ตรงกลาง และมีเสียงดังก้องขึ้น แล้วปราสาทก็ค่อยๆ ทรุดตัวลงจมลงไปในดิน
ชีอ้าวชวางตะลึงจนกระทั่งมิเชลหันกลับมายิ้ม “ปราสาทของข้าได้รับการออกแบบเช่นนี้ มันเปลี่ยนเป็นปราสาทใต้ดินได้ ปราสาทของราชาว่านก็เคลื่อนที่ในอากาศได้ แม้ว่ามันจะช้ามากก็ตาม”
“ปราสาทของราชาแต่ละแห่งมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองหรือ?” ชีอ้าวชวางประหลาดใจ
“อืม” มิเชลพยักหน้า “ไปกันเถอะ ข้าลืมบอกเจ้าตลอดเลยว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏตัวในที่ของราชาเยว่ เขามีลักษณะคล้ายกับคนที่เจ้าบอกข้าเลย เขามีผมสีแดงและชำนาญธาตุลม ราชาเยว่คิดว่าเขาจะมีอนาคตที่สดใสและอยากให้เขามาอยู่ด้วยเลย”
“นั่นเฟิงอี้เซวียน!” ชีอ้าวชวางตะโกนอย่างตื่นเต้น