เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 34
“คุณหนู! ระวังครับ! ” จินเหยียนรู้สึกประหม่าอย่างมาก แม้ว่าสัตว์ตัวเล็กๆ นี้จะดูไม่เป็นอันตราย แต่ใครจะรับประกันได้ว่ามันไม่มีพิษ นี่ดูแปลกเกินไป!
แคลร์ขมวดคิ้ว นี่มันสัตว์ชนิดไหนกันนะ? ทั้งในหนังสือสัตว์เวทย์และหนังสือสัตว์ประหลาด นางก็ไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อนเลย
“จิ๊บๆ …” เมื่อแคลร์พยายามเอื้อมมือไปคว้าสัตว์ตัวนั้น คอของนางก็เกิดอาการจั๊กจี้ทันที เจ้าตัวเล็กอ้าปากเลียแผลที่คอของแคลร์เบาๆ
ขณะที่ทุกคนคิดว่าสัตว์ประหลาดตัวน้อยตัวนี้ไม่เป็นอันตราย แคลร์กลับรู้สึกเวียนหัวจนแทบจะยืนไม่ไหว และต้องปักดาบลงบนพื้นทันทีเพื่อพยุงร่างของนางเอาไว้
“แคลร์?!” วัลโดร้องออกมาอย่างประหม่า
“คุณหนู!” จินเหยียนรู้สึกตื่นตระหนก เป็นไปได้ไหมว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้กำลังทำอะไรบางอย่างกับแคลร์
“อย่ามาแตะต้องตัวข้า ให้ข้าได้พักผ่อนก่อน” ดวงตาของแคลร์ฝ้าฟางไปเล็กน้อย ให้ตายเถอะ พลังที่พุ่งออกมาจากแผลที่เจ้าตัวนั้นเลียมันรุนแรงมาก! แล้วมันก็กระหน่ำเหมือนพายุ แม้ว่าพลังจิตของนางจะมีพลังมาก แต่ตอนนี้นางรู้สึกว่าพลังมากเกินจะทนไหว หากเป็นคนธรรมดาก็คงจะกระอักเลือดออกมาจากทวารทั้งเจ็ดตายไปแล้ว
เจ้าขนปุยตัวนี้กำลังบังคับสร้างพันธะกับนาง! เป็นพันธะแบบนายกับบ่าว
แม้ว่าแคลร์คิดที่จะตามหาสัตว์เวทย์หรือสัตว์ประหลาดขั้นสูงเพื่อสร้างพันธะให้มาเป็นผู้ช่วยของนาง แต่นางก็ไม่เคยคิดที่จะสร้างพันธะกับสัตว์เวทย์ลึกลับเช่นนี้ อีกทั้งนางยังไม่รู้ว่ามันคือตัวอะไรด้วย! เนื่องจากคนๆ หนึ่งสามารถสร้างพันธะกับสัตว์เวทย์ได้เพียงตัวเดียวเท่านั้น และสัตว์เวทย์ตัวอื่นจะสามารถสร้างพันธะได้หลังจากที่พันธะเดิมถูกยกเลิกเท่านั้น ตอนนี้ พันธะของแคลร์ถูกบังคับเอาไปโดยเจ้าลูกชิ้นนี่แล้ว!
ทั้งวัลโดและจินเหยียนมองไปที่แคลร์ซึ่งกำลังยืนนิ่งอย่างประหม่า แต่พวกเขาไม่กล้าที่จะส่งเสียงหรือขยับตัว เพราะกลัวว่าจะทำให้แคลร์ตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายมากขึ้น
“ข้าชื่อว่าไป๋ตี้” เสียงเคร่งขรึมดังขึ้นในความคิดของแคลร์แล้วจากนั้นก็หายไป
ไป๋ตี้?!
แคลร์ตะลึง เสียงนี้เป็นเสียงของเจ้าขนปุยตัวนี้หรือ?
ไม่มีทาง…
ไม่รู้ว่าเป็นเวลานานแค่ไหน ในที่สุดแคลร์ก็สามารถขยับนิ้วเล็กน้อย นางเหงื่อไหลออกมาเป็นอย่างมาก นางใช้พลังงานมากเกินไปเพื่อต้านทานพลังที่แกร่งกล้าในตอนนี้
“แคลร์ เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ดีจังเลยที่เจ้าไม่เป็นไร” วัลโดร้องอย่างตื่นตระหนก
“คุณหนู เกิดอะไรขึ้นครับ?” จินเหยียนขมวดคิ้วแล้วถามพลางมองไปที่เจ้าขนปุยที่หมอบอยู่บนไหล่ของแคลร์
“มันสร้างพันธะกับข้า เป็นพันธะแบบนายกับบ่าว” แคลร์โอบเจ้าขนปุยตัวน้อยไว้ที่ไหล่ เจ้าขนปุยตัวน้อยเลียแผลบนมือของแคลร์ แต่นางไม่ได้บอกพวกเขาว่านางถูกสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่น่ารักและไม่มีอันตรายตัวนี้บังคับทำพันธะอยู่เพียงฝ่ายเดียว!
จินเหยียนและวัลโดตกตะลึง สร้างพันธะ?! พันธะของนายกับบ่าว?!
แคลร์มีสัตว์เวทย์เป็นของตัวเองแล้วหรือ?
สัตว์เวทย์นั้นก็คือเจ้าขนปุยตัวเล็กๆ อ้วนๆ ตัวนี้? มองยังไงก็ดูน่ารัก มองยังไงก็ดูไม่เป็นอันตราย สิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ ที่ดูไร้ประโยชน์ตัวนี้น่ะหรือ? เพียงแค่ดีดนิ้วใส่ก็กระเด็นแล้ว
นอกจากนี้ ถ้าคนอื่นรู้ว่าแคลร์ผู้สร้างปาฏิหาริย์ที่โด่งดังในสนามประลอง มีสัตว์เวทย์ตัวน้อยที่น่ารักและไม่เป็นอันตรายเช่นนี้ คง……
วัลโดอึ้งและเริ่มคิด แคลร์ผู้มีใบหน้าเย็นชาและสร้างความตกใจให้กับผู้คนในโลกใบนี้ หญิงสาวผู้ดึงดูดความสนใจจากผู้คนนี่นะ เจ้าขนปุยตัวน้อยค่อยๆ ไต่ขึ้นไปบนหัวของแคลร์และเหวี่ยงอุ้งเท้าที่มีขนปุยขึ้นไปบนฟ้า ฮ่าๆ ….. ตลกเกินไปแล้ว
“ข้าจะไปถามอาจารย์ว่านี่เป็นสัตว์เวทย์ชนิดใด” แคลร์สะบัดหัวที่ยังคงเวียนหัวอยู่เล็กน้อยแล้วเดินออกไปพร้อมดึงไป๋ตี้เข้าไปในอ้อมแขนของนาง
แคลร์พบกับอูมาริในห้องทดลองของเขา
อูมาริเบิกตากว้าง มองเจ้าขนปุยตัวเล็กที่เกาะแขนของแคลร์เป็นเวลานาน จากนั้นก็โบกมืออย่างอ่อนแรง หาคำตอบไม่ได้
“แคลร์ เจ้าไปถามอาจารย์คลิฟสิ เขาน่าจะรู้” อูมารินึกถึงคลิฟขึ้นมาทันที
“ได้” แคลร์พยักหน้า ในใจนางยังคงคิดว่าชายชราตัวแสบนั่นดูเหมือนจะยังโกรธอยู่ เขาโกรธที่นางแอบเรียนพลังยุทธ์แล้วไม่ได้บอกเขา คราวนี้ไปหาเขาจะได้คุยกันสักหน่อย ไป๋ตี้ออกจากอ้อมแขนของแคลร์แล้วปีนขึ้นไปนั่งอยู่บนไหล่ของนาง เจ้าขนปุยนี่น่ารักจริงๆ
“อ้อ แคลร์ อย่าบอกใครเกี่ยวกับพันธะของเจ้ากับเจ้าตัวน้อยนี้” อูมาริกำชับอย่างเคร่งขรึม
“อืม” แคลร์พยักหน้า เข้าใจว่าอูมาริคงจะมีเหตุผลของเขา
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว แคลร์กับจินเหยียนก็ขึ้นรถม้าและออกไปที่สภาเวทมนตร์
หลังจากออกจากคฤหาสน์ดยุก รถม้าก็เลี้ยวผ่านถนนหลายสาย แคลร์ที่เอนกายหลับตาอยู่บนรถม้าอยู่ๆ ก็ลืมตาขึ้นพบกับสีหน้าที่เย็นชาของจินเหยียน
“ดูเหมือนว่าพวกเขาจะร้อนใจมาก พอคุณหนูออกจากบ้านก็อดไม่ไหวจะรีบลงมือเลย” จินเหยียนหัวเราะเยาะ สายตาของเขาเย็นชา
“ใช่เด็กผู้ชายที่แพ้ให้กับเจ้าหรือไม่?” วัลโดรู้สึกแปลกๆ
“ไม่ใช่เลย” แคลร์ส่ายหัวเบาๆ
“คงจะเป็นนักฆ่าที่อัครราขทูตส่งมา ด้วยนิสัยที่ระมัดระวังตัวมากเกินไป เขาคงไม่ยอมปล่อยให้คุณหนูเติบโตขึ้นต่อไปแน่ การต่อสู้ของคุณหนูในวันนั้นทำให้คนๆ นั้นกลัว” จินเหยียนหัวเราะเบาๆ เป็นเรื่องยากที่จะได้ยินคำพูดเช่นนี้จากปากของเขา
แคลร์ถอนหายใจเบาๆ ชัยชนะในวันนั้นมันเป็นความบังเอิญจริงๆ คนอย่างพระสันตปาปาคงจะเข้าใจว่าทำไมตนเองถึงชนะ ดังนั้นพระสันตปาปาเลยมีท่าทางไม่สนใจ แต่ดูเหมือนอัครราชทูตจะคิดว่านางมีความแข็งแกร่งแบบนั้น เห้อ… แคลร์รู้สึกผิดนิดหน่อย
เมื่อวัลโดได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ ของแคลร์ เขาก็รู้สิ่งที่อยู่ในใจของนางในทันที เขาก็อยากจะหัวเราะอีกครั้ง แต่ก็ไม่กล้า
“แต่ว่าดูเหมือนว่าเจ้าไม่ต้องออกแรงนะ” แคลร์เหล่ตาสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวภายนอก มีคนสองกลุ่ม กลุ่มด้านหลังพุ่งเป้ายังกลุ่มข้างหน้า แคลร์เข้าใจทันทีว่าท่านปู่คงส่งคนมาปกป้องนาง ท่านปู่ได้คาดการณ์สถานการณ์นี้ไว้นานแล้ว
“ครับ งั้นเดินทางต่อกันเถอะ” จินเหยียนพูดด้วยรอยยิ้มเมื่อรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวด้านนอก ผู้คนเหล่านั้นกำลังรอที่จะลงมือในที่ที่เงียบกว่านี้ แต่ว่าเมื่อไปถึงสถานที่นั้นๆ ก็ไม่รู้ว่าใครจะใครทำร้ายกันแน่
รถม้าเดินทางมาถึงประตูของสภาเวทย์มนตร์โดยสวัสดิภาพ เมื่อผู้ฝึกเวทย์ที่ประตูเห็นคนที่ลงจากรถม้าก็เข้ามาทักทายทันที แคลร์ ฮิลล์ชื่อนี้ดังก้องไปทั่วเมืองในชั่วข้ามคืน
ผู้ฝึกเวทย์ของสภาเวทมนตร์เดินนำแคลร์และจินเหยียนขึ้นลิฟต์เวทย์ไปที่หน้าห้องทดลองของคลิฟที่ชั้นบนสุด แล้วผู้ฝึกเวทย์ก็กล่าวลา
แคลร์เอื้อมมือไปเคาะประตู “ท่านอาจารย์”
“ไม่อยู่” เสียงของคลิฟดังมาจากข้างในด้วยความโกรธ
วัลโดกลั้นยิ้ม ชายชรานี่ทำตัวเป็นเด็กจริงๆ ตัวอยู่ข้างในแต่บอกไม่อยู่ เห็นได้ชัดว่าเขายังคงโกรธที่แคลร์เรียนพลังยุทธ์แล้วไม่ได้บอกเขา มันก็เป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าจะเป็นนักรบที่ไปเรียนเวทมนตร์หรือนักเวทย์ที่ไปเรียนพลังยุทธ์ คนที่เป็นอาจารย์ของพวกเขาจะต้องรู้สึกอับอายและโกรธอย่างแน่นอน
“อาจารย์ ข้าจะยอมชดเชยให้ ข้าจะยอมทำตามทุกคำขอของท่านเลย” รอยยิ้มจางๆ ปรากฏบนใบหน้าของแคลร์ นางพูดประโยคนี้ช้าๆ ชัดๆ
“จริงหรือ?! ” ทันใดนั้นประตูก็เปิดออก เผยให้เห็นใบหน้าของคลิฟที่เบิกตากว้างแล้วยิ้ม
วัลโดนิ่ง ปีศาจน้อยตัวนี้ อื้ม ปีศาจน้อย… นางกล้าที่จะพูดสิ่งนั้น… วัลโดมองคลิฟอย่างเห็นอกเห็นใจ เพื่อนที่น่าสงสารคนนี้จะต้องโดนหลอกอย่างแน่นอน! เขาสาบานได้เลย!
“จริงสิ! ” แคลร์พยักหน้าและพูดอย่างแน่วแน่ “แค่อาจารย์ไม่โกรธก็พอแล้ว ข้าแค่เรียนพลังยุทธ์เพื่อป้องกันตัวเองเท่านั้น ในสถานการณ์คับขันข้าจะได้สามารถเอาตัวรอดได้ได้โดยไม่ต้องเสียเวลาร่ายคาถาไง”
คลิฟทำหน้ามุ่ยและไม่พูดอะไร
“ข้าพบกับนักฆ่าระหว่างที่ข้าเดินทางมาที่นี่ ด้วยตัวตนของข้า ในอนาคตข้าอาจจะเจอเรื่องแบบนี้บ่อยๆ เวทมนตร์ที่อาจารย์สอนคือทองคำแท้ ส่วนพลังยุทธ์นั้นใช้เพื่อหลบหนีเท่านั้น อาจารย์… อาจารย์คงไม่อยากให้มีคนเอาดาบมาแทงข้าตอนที่ข้ากำลังร่ายคาถาอยู่หรอกใช่หรือไม่?” ในตอนนี้แคลร์เปลี่ยนน้ำเสียงแล้วถามอย่างน่าสงสาร
คลิฟทึ้งผมอย่างแรงแล้วพูดด้วยความโกรธ “ใครจะฆ่าเจ้า ใครกล้าแตะต้องตัวเจ้า ข้าจะสาปแช่งให้ครอบครัวของมันพินาศไป! “
จินเหยียนและวัลโดกระตุกยิ้มที่มุมปาก จะสาปแช่งให้ครอบครัวพินาศ? พวกเขากลัวว่าจะไม่ใช่แค่ครอบครัว แต่จะเป็นทั้งเมืองน่ะสิ?
“อาจารย์ไม่โกรธแล้วหรือ?” แคลร์หัวเราะ
“ข้าไม่โกรธหากเจ้าทำตามที่สัญญาไว้เมื่อกี้” คลิฟให้พวกเขาเดินเข้าไปแล้วพูด
“อื้ม แต่ได้เพียงแค่ข้อเดียวนะ” ความเจ้าเล่ห์ซ่อนเร้นฉายผ่านดวงตาของแคลร์
“ได้ ข้อเดียวก็ข้อเดียว” คลิฟก้มลงมองชุดลูกไม้แสนสวยของแคลร์ ดวงตาของเขากลอกไปมา
วัลโดและจินเหยียนเข้าใจทันทีว่าตาเฒ่าเจ้าชู้ต้องการจะทำอะไร เขาต้องการทำบางสิ่งที่เขายังไม่ประสบความสำเร็จ นั่นก็คือการเปิดกระโปรงของแคลร์!
“คือ คือว่า…… ข้าอยากจะเปิดกระโปรงของเจ้า แล้วเจ้าห้ามเตะหน้าข้านะ” คลิฟพูดพร้อมกับบิดตัว
“ได้” แคลร์ตกลงทันที ทำเอาทั้งจินเหยียนและวัลโดต่างประหลาดใจ
ในอีกไม่กี่อึดใจ วัลโดก็มั่นใจได้อีกครั้งว่าปีศาจน้อยก็คือปีศาจน้อย! อย่ายุ่งกับนางและอย่าเอาเปรียบนางเด็ดขาด
คลิฟเปิดกระโปรงของแคลร์ด้วยความตื่นเต้น จากนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็นิ่งค้างไป แคลร์สวมกางเกงสำหรับฝึกซ้อมอยู่! ขาของแคลร์ถูกพันไว้อย่างแน่นหนาจนแทบไม่มีอากาศถ่ายเทเลย
แคลร์เอาชายกระโปรงของนางลงด้วยใบหน้านิ่งและพูดกับคลิฟที่ขบกรามเบาๆ “อาจารย์ ตอนนี้คำขอของท่านเป็นที่พอใจแล้วใช่หรือไม่ ไม่โกรธแล้วใช่ไหมล่ะ? “
คลิฟทำหน้าจะร้องไห้ มุมปากของเขากระตุก “อืมๆ …”
……………………………………………………………………………..