เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 341
“อะ…อ้าวชวาง…” เฟิงอี้เซวียนขยับริมฝีปากอย่างยากลำบาก แต่พูดออกมาได้เพียงแค่ไม่กี่คำเท่านั้น เขายืนอยู่ตรงนั้นอย่างว่างเปล่าและมองไปที่ชีอ้าวชวาง เพราะกลัวว่ามันจะเป็นภาพลวงตาของเขาเองอีก
“อี้เซวียน ข้าเอง” ชีอ้าวชวางยิ้มและพูดเบาๆ
“จริงหรือ เป็นเจ้าจริงๆ หรือ? ไม่ใช่ภาพลวงตาของข้าหรอกหรือ?” เฟิงอี้เซวียนอยากจะยิ้มและก็อยากจะร้องไห้ด้วย จริงหรือ? คนที่คิดถึงตลอดเวลามายืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้วจริงๆ หรือ?
ชีอ้าวชวางมองเฟิงอี้เซวียนด้วยรอยยิ้ม และทั้งสองก็มองกันและกันอย่างเงียบๆ
“ไม่ใช่ภาพลวงตา ถ้าเจ้าไม่เชื่อก็ลองดูสิ” นี่ไม่ใช่สิ่งที่ชีอ้าวชวางพูด แต่เป็นราชาเยว่ที่บ่นออกมา
ต่อมา พายุทอร์นาโดขนาดเล็กที่รุนแรงได้ห่อหุ้มเฟิงอี้เซวียนไว้ จากนั้นก็พาเขาขึ้นไปบนฟ้าแล้วโยนเขาไปที่ทะเลสาบอย่างรุนแรง
“อ๊าก…เยว่ เจ้าตายแน่! ข้าจะฆ่าเจ้า! ข้าจะฆ่าเจ้าและทำให้ศพจะแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเลย!” เสียงของเฟิงอี้เซวียนดังอยู่ในอากาศเป็นเวลานาน แล้วเฟิงอี้เซวียนก็ถูกโยนลงไปในทะเลสาบอย่างงดงาม
ชีอ้าวชวางหยุด มิเชลก็หยุดเช่นกัน ราชาเยว่กระตุกมุมปากเผยให้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
ชีอ้าวชวางมองไปที่เฟิงอี้เซวียนที่กำลังว่ายน้ำจากในทะเลสาบไปที่ฝั่ง นางเคยนึกภาพที่จะได้พบกับเฟิงอี้เซวียนอยู่หลายครั้ง แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นแบบนี้
แต่ดูเหมือนว่าเฟิงอี้เซวียนจะกลับมาแล้วนะ เฟิงอี้เซวียนที่นางคุ้นเคยกลับมาแล้ว
ดีจริงๆ
มันคือเขา นี่แหละคือเขา
เฟิงอี้เซวียนบ่นพึมพำและหันไปมองชีอ้าวชวาง
ชีอ้าวชวางมองเฟิงอี้เซวียนแล้วรอยยิ้มก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า “อี้เซวียน เจ้ายังจำครั้งแรกที่เราพบกันได้หรือไม่?”
เฟิงอี้เซวียนอึ้งแล้วยิ้มอย่างเขินอาย “จำได้สิ ข้าจะจำไม่ได้ได้อย่างไร?”
“ในตอนนั้น ข้ารู้สึกว่าเจ้าโง่มาก” ชีอ้าวชวางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ทำไมถึงโดนข้าหลอกแบบนั้นได้ล่ะ?”
“อ่า เจ้ายังพูดอีก ตอนนั้นเจ้าพูดตั้งมากมาย พูดว่าข้าหล่อและก็หลงใหลในตัวข้า” เฟิงอี้เซวียนกระตุกปากและมองชีอ้าวชวางอย่างเศร้าๆ “จากนั้นก็หลอกลวงหัวใจอันบริสุทธิ์ของข้าอีก ฉลาดแกมโกงเกินไปแล้ว”
“ไม่ได้โกงอะไรเลย สมน้ำหน้าเจ้าแล้ว” ชีอ้าวชวางหัวเราะ เป็นเวลานานมากแล้วที่ไม่ได้ผ่อนคลายเช่นนี้ ชีอ้าวชวางก็รู้สึกว่านางไม่ได้หัวเราะแบบนี้มาเป็นเวลานานมากแล้ว มีเพียงเฟิงอี้เซวียนเท่านั้นที่ทำให้นางหัวเราะได้อย่างอิสระเช่นนี้
“อ้าวชวาง ข้ายังเวลาที่เจ้ายิ้มอยู่เสมอเลย” เฟิงอี้เซวียนพูดประโยคนี้ออกมา สายตาของเขาดูเจ็บปวดเล็กน้อย หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า นางผ่านแต่ความทุกข์ยากมากมายมาโดยตลอด แต่ก็ยังก้าวเดินต่อไปบนเส้นทางที่มีแต่ขวากหนาม เหมือนมีมือคอยผลักดันจากข้างหลัง…เดี๋ยวก่อนนะ! จู่ๆ ก็มีประกายแวบเข้ามาในจิตใจของเฟิงอี้เซวียน และสีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมยิ่งขึ้น คามิลล์ผลักดัน? เมื่อก่อนพูดได้ แต่ตอนนี้ล่ะ? ตอนนี้คามิลล์มีพลังที่น่ากลัวที่ไม่มีใครรู้จักอยู่
“เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่? เจ้าควรจะบอกในสิ่งที่ข้าไม่รู้ได้แล้วหรือไม่?” ชีอ้าวชวางถามด้วยท่าทางงงงวยและมองไปที่ใบหน้าของเฟิงอี้เซวียน
“ไม่มีอะไรหรอก” เฟิงอี้เซวียนยิ้มและไม่ได้คิดจะพูดข้อสงสัยของเขาออกมา จากนั้นก็เปลี่ยนเรื่องเลย “เจ้ารู้หรือไม่ว่าสายเลือดนั้นแสดงถึงอะไร?”
“หมายความว่าอย่างไร” ชีอ้าวชวางยิ่งงงเข้าไปอีก
“เมื่อนานมาแล้วราชาปีศาจได้ไปแผ่นดินลังกาและเกิดความรู้สึกกับหญิงสาวชาวมนุษย์ผู้งดงามที่นั่น พูดอย่างจริงจังก็คือผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็นบรรพบุรุษของตระกูลเฟิง แต่เด็กที่นางให้กำเนิดนั้นไม่มีความสามารถพิเศษใดๆ เลย จนกระทั่งผ่านไปหลายรุ่นก็มีคนที่ทั้งหล่อเหลาและทรงพลังถือกำเนิดขึ้น…” เฟิงอี้เซวียนยิ้มและถูกชีอ้าวชวางขัดจังหวะ
“พอแล้ว อย่ามาชมตัวเอง พูดต่อสิ” ชีอ้าวชวางหรี่ตามองเฟิงอี้เซวียนและส่งเสียงเย็นชา
“อืม ก็ได้ๆ” เฟิงอี้เซวียนหัวเราะอย่างมีความสุข “ใช่ คนๆ นั้นก็คือข้าเอง จากนั้นราชาปีศาจก็ปรากฏตัวและบอกว่าเป็นพ่อของข้า ปฏิกิริยาของข้าคือต่อยเขาด้วยหมัด แต่เขากลับมีความสุขมาก เขาพาข้ากลับไปที่โลกปีศาจแล้วข้าก็ได้รู้ว่าข้าเป็นผู้สืบเชื้อสายของเขา ข้าเป็นปีศาจ สำหรับลาเดียนั่น นางเป็นปีศาจสายเลือดบริสุทธิ์อย่างแท้จริง นางจึงไม่ยอมรับข้า แต่หลังจากถูกข้าทุบตีไปสองสามครั้งก็เชื่อฟังแล้ว”
ชีอ้าวชวางฟังอย่างระมัดระวังและจินตนาการถึงรูปลักษณ์เย็นชาของนายน้อยที่ถูกเฟิงอี้เซวียน ทุบตีอยู่ในใจ มันเป็นภาพแบบไหนกันนะ? ตอนนั้นคงจะวิเศษไม่น้อยเลย การคาดเดาของชีอ้าวชวาง ถูกต้องเลย มันวิเศษมาก ตอนนั้นนายน้อยส่งเสียงโวยวายออกมาจริงๆ นายน้อยเป็นคนพาลที่มีชื่อเสียงในอาณาจักรปีศาจ ไม่มีใครกล้าแตะต้องนาง นอกจากราชาปีศาจแล้วก็ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของนางเลย เพราะมักจะถูกนางทุบตีจนตายและขู่ว่าจะไปฟ้องราชาปีศาจไม่ได้ด้วย มิฉะนั้นจะยิ่งเลวร้ายมากขึ้นอีก พอเฟิงอี้เซวียนปรากฏตัวและไปทุบตีนางอย่างรุนแรง ทุกคนต่างก็ปรบมือเชียร์ ในเวลานั้นโลกปีศาจราวกับจัดเทศกาลฉลองกันทุกวัน
“ผลที่ตามมาก็คือราชาปีศาจเห็นแล้วเขาก็มีความสุขมาก ตอนนั้นเขาก็เลยจะให้ข้าสืบทอดบัลลังก์” เฟิงอี้เซวียนยักไหล่ “ข้าไม่อยากเป็นราชาปีศาจจึงปฏิเสธไปทันที แต่เวลานี้ คนในโลกปีศาจผู้หนึ่งกลับมาบอกว่าข้าถูกสาป วันหนึ่งที่หญิงสาวผมสีดำและตาสีดำปรากฏตัวขึ้น ทุกอย่างจะถูกทำลาย และเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งนี้ ข้าจึงถูกโยนกลับเข้าไปในโลกมนุษย์อีกครั้งและลบความทรงจำทั้งหมดออกไป”
“คำสาป? ผมสีดำและตาสีดำ?” ชีอ้าวชวางตะลึง “นี่ นี่มันคำสาปอะไร?”
“ข้าก็ไม่รู้ เห็นบอกว่าเดิมทีวิญญาณของข้าเป็นสีแดง แต่กลับมีร่องรอยของพลังสีดำ สุดท้ายราชาปีศาจได้รู้จักเจ้าก็คิดว่าเจ้าเป็นศัตรูตัวฉกาจของข้า ก็เลยจะฆ่าเจ้า ข้า…” เฟิงอี้เซวียนขมวดคิ้ว สีหน้าของเขาดูเรียบนิ่ง
“ดังนั้นเจ้าเลยรับปากเขาว่าจะเป็นราชาปีศาจและจะไม่พบข้าอีกตลอดไป” ชีอ้าวชวางเข้าใจแล้วยังเข้าใจด้วยว่าที่เฟิงอี้เซวียนปรากฏตัวในโลกอสูรนั้นก็ทำตามความปรารถนาของนาง นั่นก็คือปกป้องโลกมนุษย์
“ตอนนี้ข้าก็ยังไม่ค่อยสบายเท่าไหร่” เฟิงอี้เซวียนพูดอย่างโกรธเคือง
“แต่เจ้าเกือบจะตายเพราะข้าจริงๆ แล้ว” ใบหน้าของชีอ้าวชวางก็แย่ลงเช่นกัน “ถ้าไม่ใช่เพราะหลิงยวิ๋น…พวกเราคงไม่ได้เจอกันอีกแล้วจริงๆ”
“ใช่แล้ว พูดถึงเรื่องนี้!” สีหน้าของเฟิงอี้เซวียนเปลี่ยนไป “มันน่ารำคาญจริงๆ ข้าเป็นหนี้บุญคุณเจ้านั่นอีกแล้ว แถมยังเป็นหนี้ก้อนใหญ่เลยด้วย! เป็นหนี้คนอื่นยังไม่เท่าไหร่ ทำไมถึงต้องมาเป็นหนี้ศัตรูความรักด้วย? แบบนี้มันทำให้ข้ารู้สึกไม่ดี ถ้าเขาขอให้ข้าถอยห่างล่ะ อ๊าก…” เฟิงอี้เซวียนเป็นบ้าไปแล้ว เขาทึ้งผมตัวเองและส่งเสียงดังออกมา
ชีอ้าวชวางยิ้มออกมาอย่างทนไม่ไหว เฟิงอี้เซวียนตรงหน้านี้คือตัวจริงของเขาเลย คนที่ขมวดคิ้วตลอดเวลานั่นไม่เหมาะกับเขาเลยสักนิด
“ข้าจะไม่ถอย! เจ้าหมอนั่น ข้าจะตอบแทนเขาเอง!” เฟิงอี้เซวียนทึ้งผมของเขาและพูดอย่างลำบากใจ “แต่ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนแล้วล่ะ?”
“ข้า ข้าก็ไม่รู้” รอยยิ้มของชีอ้าวชวางหายไปจากใบหน้าและพูดอย่างเคร่งขรึม “จริงๆ แล้วข้าเคยเจอเขาก่อนหน้านี้…” ชีอ้าวชวางบอกเฟิงอี้เซวียนว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากแยกจากเฟิงอี้เซวียนแล้ว
“ชายชุดขาวก็คือเหลิ่งหลิงยวิ๋นหรือ? แถมตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าไปที่ไหนแล้ว” เฟิงอี้เซวียนขมวดคิ้ว “ไดทันส์กับโจนาธานเป็นอย่างไรบ้าง? จินเหยียนนี่ช่างงุ่มง่ามจริงๆ ผู้ชายคนนี้ ภักดีต่อเจ้าเกินไปหรือไม่ นี่ ติดตามมาไกลขนาดนี้ หรือว่าเขาเองก็สนใจในตัวเจ้า? หรือว่าควรจะแอบพาเขา…”
ชีอ้าวชวางเหลือบมองเฟิงอี้เซวียนด้วยความเย็นชา เฟิงอี้เซวียนก็เงียบทันทีและตระหนักได้ว่าเขาพลั้งปากไป
“ปัญหาคือตอนนี้ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาออยู่ที่ไหน ข้าขอให้มิเชลช่วยข้าตามหา แต่กลับมีแต่ข่าวของเจ้าเท่านั้น แล้วโลกนี้ก็เกิดการกบฏขึ้น” ชีอ้าวชวางพูดอย่างเป็นห่วง “ข้ากลัวพวกเขา กระจัดกระจายไปตามกระแสมิติ”
“เป็นไปได้มากทีเดียว” เฟิงอี้เซวียนพูด แต่เขาพูดในใจว่าไปเถอะ ไปให้ไกลเลย อย่ากลับมาอีก ยิ่งจินเหยียนยิ่งห่างยิ่งดี แต่เจ้าหมอนั่น รอให้เขาตอบแทนบุญคุณก่อนเขาจะเตะเข้ากระแสมิติเอง
“ตอนนี้พบเจ้าช่างดีจริงๆ” ทันใดนั้นชีอ้าวชวางก็หันไปมองใบหน้าของเฟิงอี้เซวียนแล้วยิ้มราวกับดอกไม้ หัวใจของชีอ้าวชวางตัดสินใจไปแล้ว แต่การตัดสินใจนี้ต้องรอจนกว่าจะพบเหลิ่งหลิงยวิ๋นก่อนแล้วจึงจะพูดออกมา เฟิงอี้เซวียนดีกับนาง นางรู้ นางรู้ดี สิ่งที่เหลิ่งหลิงยวิ๋นทำให้นาง นางก็เห็นเช่นกัน
เฟิงอี้เซวียนดูงุนงงและเผยอริมฝีปากเล็กน้อย “อ้าวชวาง ข้า… ”
“เฟิงอี้เซวียน ไอ้โรคจิต ไปตายซะ! กล้าดียังไงมาแตะผู้หญิงของข้า!” ฉางคงตะโกนเสียงดังและปรากฏตัวขึ้นบนหัวของเฟิงอี้เซวียนพร้อมเตรียมจะเตะเฟิงอี้เซวียน
“ฉางคง รนหาที่ตาย! เขาเป็นหนึ่งในผู้สมัครเป็นพ่อของข้านะ เจ้ากล้าแตะต้องเขาหรือ!” มือของดอกบัวสีทองปรากฏขึ้นและจับหางของฉางคงโยนไปอีกทาง
“ดอกบัวสีทอง เจ้าคนตาบอด! เจ้าไม่เห็นหรือว่าข้าต่างหากที่เป็นผู้ชายที่อ่อนโยนและหล่อเหลา ดูเฟิงอี้เซวียนคนนี้สิ ผมสีแดงเหมือนกับก้นลิง มีอะไรดีกัน?” ฉางคงตะโกนใส่ดอกบัวสีทองอย่างไม่พอใจ
“เจ้าดูสิว่าตอนนี้เจ้าเป็นอย่างไร มีสี่ขาและขนเต็มตัว ยังอยากจะมายุ่งกับท่านแม่ของข้าอีก?” ดอกบัวสีทองคว้าหางของฉางกงแล้วเขย่าอย่างแรง จนฉางคงกรีดร้อง
“รอก่อน รอข้าแปลงร่างเป็นมนุษย์ก่อน ข้าเป็นที่หนึ่งแน่” ฉางคงโกรธมาก
“ถึงตอนนั้นค่อยว่ากัน บางทีตอนนั้นท่านแม่ของข้าอาจจะมีลูกแล้ว ถ้าเป็นผู้หญิงก็พิจารณาเจ้านะ” ดอกบัวสีทองคว้าหางของฉางคงมาสะบัดขึ้นไปในอากาศแล้วอุ้มเขาขึ้นไปบนหลัง จากนั้นก็พูดกับเฟิงอี้เซวียนและชีอ้าวชวางพร้อมรอยยิ้ม “พวกท่านต่อเลย รบกวนไปหน่อย”
เฟิงอี้เซวียนและชีอ้าวชวางนิ่งไปครู่หนึ่ง จนกระทั่งแผ่นหลังของดอกบัวสีทองหายวับไปในสายตาของทั้งสองคน ทั้งสองจึงเรียกสติกลับมา เฟิงอี้เซวียนยิ้ม คำพูดของดอกบัวสีทองที่บอกว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้สมัครเป็นพ่อทำให้เขาดีใจ ดอกบัวสีทองยอมรับเขาแล้ว