เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 346
ราชาเยว่พยักหน้า เขารู้ว่าการตายของราชาหย่งอาจเกิดจากร่วมมือกันของเหราหยู่และหานชวี
“ราชาสวรรค์จะต้องหาราชาไป๋และราชาหย่งองค์ใหม่อย่างแน่นอน! เราต้องพยายามให้เร็วที่สุด” มิเชลเงยหน้าขึ้นมองไปไกลๆ “ไม่สนใจแล้ว ข้าจะเรียกมันออกมา”
“ก็ได้ แม่ทัพสองในสี่คนจากไปแล้ว” ราชาเยว่พยักหน้า จากนั้นก็มองเฟิงอี้เซวียนที่สงบนิ่งและชีอ้าวชวางที่หลับอยู่ในอ้อมแขนของเขาและเห็นด้วยกับการตัดสินใจของมิเชล
เกิดรอยแปลกๆ ขึ้นบนมือของมิเชล หลังจากที่แสงสีขาวปรากฏขึ้นในที่โล่งตรงหน้าแล้ว สัตว์ประหลาดตัวใหญ่ก็ปรากฏตัวขึ้น มันเกือบจะเหมือนกับพาหนะที่ชีอ้าวชวางเคยขี่มาก่อน แต่มันใหญ่กว่ามากประมาณสิบเท่า พื้นที่บนหลังกว้างขวางและแบนราบกว่าด้วย
“ขึ้นมาสิ” มิเชลบินนำขึ้นไปก่อน เฟิงอี้เซวียนกระชับอ้อมแขนกอดชีอ้าวชวางแล้วบินขึ้นไป ราชาเยว่เองก็ตามหลังมา
หลังจากที่ทุกคนนั่งลงแล้ว มิเชลก็ตบหลังสัตว์ประหลาดเบาๆ “ไปกันเถอะ ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ ไปหาาราชาเจิน”
สัตว์ประหลาดส่งเสียงร้องยาว จากนั้นมันก็บินขึ้นอย่างมั่นคงแล้วมุ่งหน้าไปทางตะวันตกเฉียงใต้
ราชาเยว่สร้างเขตกั้นปกคลุมทุกคนไว้ในนั้นและปิดกั้นแสงแดด ลม และทรายไว้ เฟิงอี้เซวียนมองใบหน้าหลับใหลของชีอ้าวชวางโดยไม่พูดหรือเคลื่อนไหวอะไรเลย
“เฟิงอี้เซวียน เจ้าคิดว่าอย่างไร?” ราชาเยว่ถามทันที
“อะไร?” เฟิงอี้เซวียนรู้สึกตัวเมื่อได้ยินคนเรียกชื่อเขาและหันไปมองราชาเยว่
ราชาเยว่มองไปที่ชีอ้าวชวางแล้วมองเฟิงอี้เซวียน ”เจ้าคิดอย่างไร?”
ดวงตาของเฟิงอี้เซวียนมืดมนลงและเขาก็ส่ายหน้า ”ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ข้ารู้สึกว่าอ้าวชวางไม่ใช่คนเดียวกับก่อนหน้านี้ แต่จะเป็นใครได้ล่ะถ้าไม่ใช่นาง เมื่อกี้เป็นนาง แต่จากนั่นก็ไม่ใช่นาง” หัวใจของเฟิงอี้เซวียนเต็มไปด้วยความหงุดหงิด ”ข้าก็คิดไม่ออกเหมือนกัน”
“ที่จริงแล้ว ชีอ้าวชวางสองคนที่มีบุคลิกแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ก็น่าจะเป็นนางทั้งคู่เลยนะ” ราชาเยว่คาดเดาและลูบคางตัวเอง “บางทีนางอาจจะมีสองบุคลิก? บุคลิกที่กดขี่ข่มเหงและมีแรงสังหารนี้อาจซ่อนลึกอยู่ในใจของนาง?”
“คนแบบนี้ไม่ใช่ว่าเราจะไม่เคยเจอมาก่อน” มิเชลพยักหน้าเห็นด้วย
เฟิงอี้เซวียนขมวดคิ้ว คำพูดของราชาเยว่และมิเชลทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจมาก แต่เขาหาคำอื่นที่จะมาหักล้างไม่ได้ พฤติกรรมที่ผิดปกติของชีอ้าวชวางก่อนหน้านี้เต็มไปด้วยการนองเลือดและน่ากลัวจริงๆ
“แต่สถานการณ์ของชีอ้าวชวางค่อนข้างแตกต่างจากคนเหล่านั้น แต่ข้าบอกความแตกต่างแบบจำเพาะไม่ได้” ราชาเยว่ขมวดคิ้ว
“ข้ามักจะรู้สึกว่า…” มิเชลเงยหน้าขึ้นมองไปในไกลๆ และถอนหายใจยาว “ดูเหมือนว่าสิ่งต่างๆ จะเริ่มยากขึ้นเรื่อยๆ เลย”
อาณาเขตของราชาเจินเป็นทิวเขาที่ต่อเนื่องกัน ลำธารบนภูเขา ไหลเอื่อยอยู่ภายใต้เงาของดวงอาทิตย์ เป็นเหมือนกับสร้อยคอเงินที่สวมอยู่บนภูเขา มีนกและสัตว์มากมายในหุบเขาและมีบรรยากาศที่กลมกลืนกันอย่างดี
ปราสาทของราชาเจินอยู่ระหว่างหน้าผาสองแห่ง หลังจากที่มิเชลบอกให้สัตว์พาหนะของเขาลงบนพื้น ทุกคนก็หยุดอยู่ระหว่างหน้าผาสูงแห่งหนึ่ง ข้างหน้าพวกเขาเป็นทางมืดมิด มิเชลเดินนำไปข้างหน้า เฟิงอี้เซวียนก็ตามไปโดยที่มีชีอ้าวชวางหลับอยู่ในอ้อมแขน หน้าผาสูงชันทั้งสองข้างดูเหมือนจะพังทลาย เมื่อมองขึ้นไปก็จะเห็นท้องฟ้ามืดสนิทอยู่เหนือศีรษะ ราชาเยว่หยิบหยกขาวรูปพระจันทร์เสี้ยวออกมา และหยกขาวก็เปล่งแสงจ้าส่องแสงสว่างให้บริเวณโดยรอบ
ในขณะนี้เสียงกรอบแกรบก็ดังขึ้นรอบตัว เฟิงอี้เซวียนอยากจะมองย้อนกลับไป แต่มิเชลหยุดเขาไว้ ”อย่ามองนะ พวกนั้นคือสัตว์อสูรที่ประตูของราชาเจิน” เฟิงอี้เซวียนพยักหน้าและไม่มอง เสียงกรอบแกรบก็ดังขึ้นอยู่ข้างหลังพวกเขาไปตามทางทอดยาว ในที่สุดก็ไปถึงสุดทางแล้วก็ถอยกลับไป ในตอนท้ายมีกำแพงหินขนาดใหญ่อยู่ ที่กำแพงมีลวดลายแปลกๆ นับไม่ถ้วน ทั้งเรียบง่ายและประหลาด
ราชาเยว่ก้าวไปข้างหน้าแล้วเอื้อมมือออกไปและกดวงกลมตรงกลางรูปแบบต่างๆ บนนั้น ทันใดนั้นก็มีเสียงกึกก้อง กำแพงหินก็ส่งเสียง แต่มันไม่ได้เปิดออก
“แปลก?” ราชาเยว่ขมวดคิ้วอย่างสงสัย “ทำไมประตูไม่เปิด?”
ทันทีที่ราชาเยว่พูดเช่นนี้ มิเชลก็ได้สร้างเขตกั้นสองอันอย่างขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากเขตกั้นปิดบังราชาเยว่ไว้ข้างในแล้ว อีกอันก็ปิดตัวเองและเฟิงอี้เซวียนไว้ด้วย
มีแรงกระแทกอย่างแรง…เขตกั้นทั้งหมดที่ถูกกระแทกก็สั่นสะเทือนจนเกือบจะโปร่งใสราวกับมัน เกือบจะถูกทำลายไปแล้ว พลังอันน่าพรั่นพรึงจากวงกลมนั้นกระทบเขตกั้นของพวกเขาโดยไม่ทันคาดคิด
สีหน้าของราชาเยว่และมิเชลเปลี่ยนไปในทันที ทั้งสองมองหน้ากันก่อนจะพูดด้วยความยากลำบาก “เป็นไปได้หรือไม่ว่าราชาเจินก็ถูกฆ่าด้วย?”
“เกิดอะไรขึ้น?” เฟิงอี้เซวียนถามด้วยสีหน้างุนงง
“ตราประทับบนประตูหินนี้ระบุตัวตนของเราได้ นอกจากนี้ยังสื่อถึงราชาเจินได้ด้วย แต่เราถูกโจมตีในตอนนี้ หรือว่าราชาเจินจะถูกฆ่าตายแล้ว?” สีหน้าของราชาเยว่ดูไม่ดีมากๆ
“ไม่นะ” สีหน้าของมิเชลย่ำแย่ลงทันที เขาครุ่นคิดและพูด “ประตูหินนี้ หากแม่ทัพอีกสองคนต้องการจะเข้าไป พวกเขาเปิดประตูนี้ไม่ได้หรอก จะต้องมีการสู้รบที่นี่อย่างแน่นอน และประตูก็ถูกทำลาย แต่กำแผงหินนี้ไม่บุบสลาย”
ทันทีที่ราชาเยว่ได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของเขาก็นิ่งแล้วถามอย่างเป็นห่วง “แต่ทำไมมันถึงจำตราประทับไม่ได้?”
“ผนึกนี้จำราชาทั้งหมดได้? เช่นนั้นราชาไป๋องค์ก่อนล่ะ?” เฟิงอี้เซวียนถามอย่างสงสัย
“ราชาไป๋ไม่ใช่ราชาไป๋อีกต่อไปแล้ว หลังจากที่เขาเป็นราชาสวรรค์แล้ว ผนึกจะไม่จำอีก และราชาเจินก็น่าจะได้รับข่าวแล้วใช้มาตรการแล้วอย่างแน่นอน” มิเชลตอบคำถามของเฟิงอี้เซวียน
“ราชาเจิน เปิดประตู!” ราชาเยว่ตะโกนใส่กำแพงหิน
มีเพียงเสียงสะท้อน แต่ไม่มีปฏิกิริยาอื่นใดเลย
ราชาเยว่และมิเชลมองหน้ากัน เมื่อพวกเขากำลังจะใช้มาตรการ เสียงที่เย็นชาก็ดังขึ้น ”เจ้า เจ้าคือราชาเยว่และมิเชลหรือ?”
ราชาเยว่และมิเชลตะลึงเพราะเสียงประหลาดนั้น แต่มันมาจากผนึกของประตูหิน มีเพียงราชาเจินเท่านั้นที่ใช้พลังของผนึกนี้ได้! จะเป็นเสียงของชายแปลกหน้าได้อย่างไร?
แต่เฟิงอี้เซวียนกลับตะลึงเมื่อได้ยินเสียงนี้และเขาก็เรียกออกมา “จินเหยียนๆ นั่นเจ้าหรือ?”
“คุณหนู?” น้ำเสียงเย็นชานั้นดูตื่นเต้น
“ไม่ใช่ ข้าเฟิงอี้เซวียน ชีอ้าวชวางและข้าได้เปลี่ยนร่างกลับมาแล้ว ตอนนี้นางก็อยู่ข้างๆ ข้า” เฟิงอี้เซวียนมั่นใจว่าผู้พูดคือจินเหยียน เขารู้สึกตื่นเต้นมาก เขาไม่คาดคิดเลยว่าจะได้พบกับจินเหยียนที่นี่
“คุณหนูอยู่ที่ไหน? เกิดอะไรขึ้นกับคุณหนู่?” เสียงของจินเหยียนไม่เย็นชาเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว แต่เขารีบถามอย่างกระตือรือร้น
“อ้าวชวางไม่เป็นไร แค่หลับไป” เฟิงอี้เซวียนตอบและมองประตูหินที่ค่อยๆ เปลี่ยนไป ลวดลายทั้งหมดบนประตูหินค่อยๆ ปล่อยแสงสีขาวออกมาเต็มเส้นเหล่านั้นแล้วค่อยๆ ล้นออก
เกิดเสียงดังขึ้นอีกครั้ง และประตูหินก็ค่อยๆ เปิดออก
ราชาเยว่และมิเชลทั้งประหลาดใจและสงสัย เห็นได้ชัดว่าชายที่พูดนั้นใช้ผนึกของราชาเจินได้ และเขากับเฟิงอี้เซวียนก็รู้จักกัน นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
ในไม่ช้า ร่างสูงก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้ากำแพงหิน คนคนนี้คือจินเหยียน จินเหยียนสวมชุดสีฟ้าอ่อนพลิ้วไหว และแขนขวาของเขาก็มีเกราะโลหะอยู่ ลวดลายเรียบง่ายบนนั้นค่อนข้างคล้ายกับบนประตูหิน แต่เขากลับมีดาบขนาดใหญ่อยู่ด้านหลัง ดาบใหญ่นั้นทำให้ราชาเยว่และมิเชลตกตะลึงมากขึ้นอีก มันคืออาวุธของราชาเจิน ลวดลายและรูปลักษณ์ที่เจิดจรัสของมัน แค่เพียงพวกเขาเห็นก็รู้ได้ทันที แต่ดูเหมือนจะมีบางอย่างที่แตกต่างกัน แต่ต่างกันตรงไหนพวกเขาบอกไม่ได้เช่นกัน
หลังจากที่จินเหยียนออกมา เขาก็ตรงไปที่ข้างๆ ของเฟิงอี้เซวียนทันที หลังจากเห็นใบหน้าที่สงบของชีอ้าวชวางในอ้อมแขนของเฟิงอี้เซวียน เขาก็ผ่อนคลายลง ชีอ้าวชวางนอนหลับอย่างสงบและไม่มีเหตุร้ายแรงอะไร
“นายน้อยเฟิง เกิดอะไรขึ้นกับคุณหนู?” จินเหยียนไม่สนใจราชาเยว่และมิเชลที่มองมาที่เขาเลย แต่หันไปถามเฟิงอี้เซวียนด้วยใบหน้าที่จริงจัง
“ข้าก็ไม่รู้ เราถูกซุ่มโจมตี…” เฟิงอี้เซวียนบอกกับจินเหยียนว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้
หลังจากได้ยินเรื่องนี้ สีหน้าของจินเหยียนก็หนักอึ้งทันที เพราะเขารู้ดีว่าชีอ้าวชวางไม่ใช่คุณหนูใหญ่ที่บ้าผู้ชายในอดีตแล้ว นางมาจากอีกโลกหนึ่ง ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดน่าจะเกี่ยวข้องกับสิ่งนี้? จินเหยียนครุ่นคิด แต่ราชาเยว่และมิเชลกลับร้อนใจ
“เฮ้ๆ เจ้า คือว่า…” ราชาเยว่ไม่รู้จะเรียกอะไร เขาจึงส่งเสียงไปอย่างเขินอาย
จากนั้นจินเหยียนก็รู้สึกตัวอีกครั้ง เขามองราชาเยว่และมิเชลที่อยู่ด้านข้างและยิ้มอย่างขอโทษ “ราชาทั้งสอง ข้าขอโทษด้วย ข้าลืมแนะนำตัวเองไป ข้าชื่อจินเหยียน ข้าเป็นราชาเจินคนใหม่”
ทุกคนตกใจทันทีที่จินเหยียนบอก
“แล้วชายชราคนนั้นล่ะ?” ราชาเยว่รีบถาม
“เขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมาก มีความสุขมากจนเลือดกำเดาไหลทุกวัน…” จินเหยียนพูดพร้อมกับกระตุกริมฝีปาก
ราชาเยว่และมิเชลมองหน้ากันและถาม ”ทำไม? เกิดอะไรขึ้น?”
“พวกท่านจะรู้เมื่อไปเห็นเอง” จินเหยียนพูดอย่างดูแคลนและหันไปมองชีอ้าวชวางในอ้อมแขนของนายน้อยเฟิง ดวงตาของเขาอ่อนโยนขึ้นทันที “เข้าไปข้างในก่อนเถอะ ให้คุณหนูได้พักผ่อนให้เพียงพอก่อน”
เมื่อเดินเข้าไปข้างใน ก็ค่อยๆ มีสว่างมากขึ้น
“อืม จินเหยียน อาวุธของเจ้านั่นคือชายชราคนนั้นส่งต่อให้เจ้าหรือ ทำไมมันดูแตกต่างไปจากเดิมนิดหน่อย?” มิเชลจ้องไปที่ดาบขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างหลังจินเหยียน ด้ามดาบอยู่ข้างหลังจินเหยียน และปลายฝักของมันยาวไปถึงส้นเท้าของจินเหยียนเลย
“ชายชราให้มา แต่ข้าได้รวมกับอาวุธของข้าเองแล้ว” จินเหยียนพูดและมองที่ใบหน้าของชีอ้าวชวาง เขายิ้มเล็กน้อยและไม่พูดอะไรต่อ อาวุธอันนั้นของเขา ชีอ้าวชวางเป็นคนมอบให้ เขาพกมันติดตัวตลอดเวลา และตอนนี้ก็ได้รวมเข้ากับอาวุธบนหลังของเขาแล้ว
ราชาเยว่และมิเชลเต็มไปด้วยความสงสัย พวกเขาเดินตามจินเหยียนไป ขณะที่พวกเขาเดินเข้าไป ปราสาทก็ยังคงเป็นปราสาทเดิม ระหว่างทางก็ดูเหมือนไม่มีอะไรแตกต่าง แต่เมื่อเดินเข้าไปในปราสาทก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ เสียงหัวเราะแผ่วเบาออกมา ยิ่งเขาเข้าไปยิ่ง