เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 349
“ฮ่าๆ เหอะ! พวกเจ้ามีคนที่คอยสอดส่องแล้วคิดว่าพวกข้าจะใช้พวกนั้นมาสอดแนมไม่ได้หรือ?” แม่ทัพชื่อแลนดอนถูกราชาเยว่คุมตัวอยู่จนขยับตัวไม่ได้ แม้ว่าร่างกายของเขาจะอ่อนล้า แต่ดวงตาแดงก่ำของเขาก็มองไปทางไรลี่ย์อยู่
“เป็นไปไม่ได้! คนของข้าจะไปช่วยพวกทรยศอย่างพวกเจ้าได้อย่างไร!” ไรลี่ย์ได้ยินดังนั้นก็ตะคอกออกมา และมองแลนดอนอย่างโกรธจัด
“พวกเจ้ามันงี่เง่า เด็กๆ ทุกคนต่างแย่งชิงกันใช้ทักษะลับกัน” แลนดอนหัวเราะและประชดประชัน “แต่มันสายเกินไปแล้ว ข้าหมดความอดทนแล้ว พอได้ข่าวมาข้าก็ถือโอกาสจัดการ เจ้าควรจะขอบคุณข้านะ ตอนนี้เจ้าเป็นทายาทคนเดียวของตระกูลแล้ว ไม่รู้ว่ามูลค่าของเจ้าเพิ่มขึ้นเท่าไหร่!” แลนดอนพูดพร้อมกับหัวเราะ
จู่ๆ ไรลี่ย์ก็รู้สึกว่าเลือดทั่วร่างกายแข็งตัว และแน่นอนว่านางเข้าใจความหมายคำสุดท้ายของแลงดอน เผ่าของนางถูกทำลาย! นางคือคนเดียวที่เหลือในเผ่า!
“ไอ้สารเลว ไปตายซะ! ไปตายซะ!” ไรลี่ย์ตะโกนและดึงแส้ออกมาฟาดไปที่หัวแลนดอนอย่างดุร้าย จนแลนดอนถูกแยกออกเป็นสองส่วนตั้งแต่หัวถึงเอว เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วพื้นจนเป็นสีแดง ไรลี่ย์ยังคงสับสนและยังคงฟาดศพของแลนดอนต่อไป เลือดกระเด็นไปทั่วสถานที่นั้น “บัดซบ! ไอ้สัตว์เดรัจฉาน!” ไรลี่ย์ตะโกนจนเสียงแหบ แต่น้ำตายังคงไหลออกจากดวงตาของนาง นางร้องไห้อย่างควบคุมไม่ได้ และสะบัดแส้ในมือของนางอย่างสิ้นหวัง คนในเผ่าทั้งหมดถูกกำจัดทิ้งในชั่วข้ามคืน เหลือเพียงไรลี่ย์เพียงคนเดียว เรียกได้ว่าไม่มีใครควบคุมอารมณ์ได้หรอก
“พอแล้ว ไรลี่ย์!” จินเหยียนมองไรลี่ย์ที่กำลังจะล้มลงและก้าวไปข้างหน้าแล้วจับมือนางไว้
“ปล่อยข้า พี่จินเหยียน ข้าอยากทุบมันให้เละเป็นชิ้นๆ!” ไรลี่ย์ร้องออกมาอย่างลำบาก
“ไรลี่ย์ พอแล้ว เขาตายแล้ว เจ้าทำแบบนี้ต่อไปก็มีแต่จะทำให้มือของเจ้าสกปรกนะ” จินเหยียนเกลี้ยกล่อมอย่างอดทน เมื่อเห็นไรลี่ย์ร้องไห้อย่างหนักอยู่ตรงหน้า เขาก็รู้สึกลำบากใจและทนไม่ได้
“พี่จินเหยียน…” แส้ในมือของไรลี่ย์ลงไปกองกับพื้นอย่างอ่อนแรง จากนั้นนางก็โถมตัวเข้าไปในอ้อมแขนของจินเหยียนและร้องไห้เสียงดัง “พี่จินเหยียน ข้าโง่มาก ข้าน่าจะคิดได้ว่าราชาสวรรค์จะหาคนของเผ่าข้าเจอ ข้ามันโง่จริงๆ…ฮือๆๆๆ ท่านปู่ ท่านพ่อ ทุกคนตายกันหมดแล้ว”
จินเหยียนทำได้เพียงลูบหลังไรลี่ย์เบาๆ และปลอบโยนอย่างเงียบๆ ตอนนี้หัวใจของทุกคนต่างหนักอึ้ง
แม่ทัพอีกคนหนึ่งถูกกักตัวไว้ชั่วคราว เรื่องราวนี้ได้รับการแก้ไขชั่วคราว และราชาอี้ก็ขอให้ผู้ใต้บังคับบัญชาที่เหลืออยู่ในปราสาทเริ่มทำความสะอาดปราสาท อีกทั้งทักษะทางการแพทย์อันยอดเยี่ยมของราชาอี้ ทำให้อาการบาดเจ็บของราชาอี้และชายชุดขาวไม่เกินกำลัง ไรลี่ย์ผล็อยหลับไป และจินเหยียนก็พานางไปพักผ่อนที่ห้องรับแขกและคอยอยู่ข้างๆ นาง หลังจากทุกอย่างสงบลง ราชาอี้ก็นั่งลงสุดห้องโถงใหญ่และพูดอย่างหนักแน่น “ก่อนหน้านี้ราชาสวรรค์ส่งคนมาเกลี้ยกล่อมให้ยอมจำนน ข้าไม่เห็นด้วย ความตั้งใจเดิมของข้าคือจะไม่เข้าไปแทรกแซง ข้าไม่คิดเลยว่าเขาจะลงมืออย่างรวดเร็วเช่นนี้”
“เขาเกลี้ยกล่อมให้เจ้ายอมจำนน เพราะเจ้ามีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม และเขาต้องการให้เขาอยู่ฝ่ายเขา เขาไม่สุภาพกับราชาองค์อื่นแบบนี้หรอก” ราชาเยว่พูด
“ข้าไม่อยากแทรกแซงในเรื่องนี้ ข้าแค่ต้องการซ่อนตัวอยู่กับชายชุดขาว ไม่อยากยุ่งเรื่องทางโลกอีก” ราชาอี้พูดและหันไปที่ชายชุดขาว ดวงตานั้นฉายความอ่อนโยนออกมา
“แล้วตอนนี้ล่ะ?” มิเชลถามอย่างเย็นชา
“ตอนนี้ ข้าอยากจะถามชายชุดขาว” ราชาอี้ยิ้มให้ชายชุดขาวอย่างนุ่มนวล “ชายชุดขาว เจ้าคิดว่าเราจะทำอย่างไรต่อไปดี?”
ใบหน้าของชายชุดขาวเย็นชา ดวงตาของเขานิ่งสงบพลางพูด ”ข้าคิดว่ามีเพียงแค่ต้องต่อสู้กับราชาสวรรค์เท่านั้น เราถึงจะยุติเรื่องนี้ได้อย่างสมบูรณ์” ชายชุดขาวไม่ได้มองไปทางชีอ้าวชวางเลย
“อืม ข้าก็คิดเช่นนั้น ราชาสวรรค์จะไม่ปล่อยพวกเราไปแน่ๆ” ราชาอี้พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ถ้าอย่างนั้น ราชาเยว่ บอกข้ามาสิว่าในตอนนี้เจ้ามีสิ่งใดอยู่ในมือบ้าง”
ราชาเยว่ มิเชล และราชาอี้พูดคุยกันอย่างดุเดือด ชีอ้าวชวางยังคงนิ่งเงียบและครุ่นคิดอยู่ เฟิงอี้เซวียนก็เงียบเช่นกัน ใบหน้าของเขาเคร่งขรึม ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
ในตอนกลางคืน บริเวณโดยรอบเงียบงัน ชีอ้าวชวางยืนอยู่ที่สวนของปราสาทมองทะเลสีฟ้าที่ไม่มีที่สิ้นสุดอย่างเงียบๆ ลมทะเลพัดเรือนผมยาวสีเข้มของนางปลิวไปตามลมเบาๆ
“อ้าวชวาง...” ไม่รู้ว่าเฟิงอี้เซวียนมายืนอยู่ข้างหลังนางเมื่อไหร่
“อืม” ชีอ้าวชวางไม่หันกลับไป แต่ตอบเพียงเบาๆ
“เหลิ่งหลิงยวิ๋นแค่ยังไม่ฟื้นความทรงจำเท่านั้นเอง ไม่ต้องสนใจมากหรอก แค่รอให้เขาจำทุกอย่างได้” เสียงของเฟิงอี้เซวียนพูดขึ้นเบาๆ อยู่ข้างหลังชีอ้าวชวาง
ชีอ้าวชวางยิ้มเล็กน้อยและหันกลับไปมองเฟิงอี้เซวียนอย่างมั่นคงและเอ่ยเบาๆ ”อี้เซวียน เจ้ากำลังช่วยพูดให้หลิงยวิ๋นหรือ?”
“ไม่ ข้าแค่ไม่อยากเห็นเจ้าอารมณ์ไม่ดีเพราะเรื่องนี้” เฟิงอี้เซวียนยิ้มจางๆ และส่ายหัวน้อยๆ แล้วก้าวไปข้างหน้า พิงรั้วสูงครึ่งตัวมองทะเลเงียบๆ
ชีอ้าวชวางสะดุ้งเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มและกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็มีเสียงฝีเท้ามาจากด้านหลังก่อน
ทั้งสองหันไปและก็เห็นราชาอี้ยืนอยู่ข้างหลังพวกเขา
“ราชาอี้” ชีอ้าวชวางและเฟิงอี้เซวียนต่างก็ทักทาย
แต่ราชาอี้ไม่ได้พูดอะไร และมองไปยังทั้งสองคนด้วยสีหน้ามืดมน
“มีอะไรหรือ?” เฟิงอี้เซวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย เขายังไม่ชอบผู้หญิงคนนี้มากนัก ผู้หญิงคนนี้มักจะแสดงท่าทางอ่อนโยนและอ่อนแอต่อหน้าเหลิ่งหลิงยวิ๋น นางอยู่ในฐานะราชาที่เป็นผู้นำ นางจะอ่อนแอขนาดนั้นจริงหรือ?
“เจ้าคือชีอ้าวชวาง” นั่นไม่ใช่ในน้ำเสียงคำถาม แต่มั่นใจแล้ว
“ใช่” ชีอ้าวชวางเลิกคิ้วขึ้นและมองความเศร้าโศกบนใบหน้าของราชาอี้
“เหอะๆ เจ้านี่เองที่เป็นผู้หญิงที่ชายชุดขาวคิดถึง ก็ไม่เท่าไหร่นี่นา” ราชาอี้พูดพร้อมกับยืดอกและมองไปที่ชีอ้าวชวางอย่างดูถูก
ใบหน้าของเฟิงอี้เซวียนดูไม่ดีทันที แต่ก็อดทนอยู่ ผู้หญิงคนนี้ต้องการจะทำอะไร?
ชีอ้าวชวางยิ้มจางๆ ผู้หญิงคนนี้มาที่นี่เพื่อแสดงอะไรแบบนี้หรือ? มาอวดรูปร่างของนางหรือ? ข้าเกรงว่าจะไม่ใช่…
สายตาของราชาอี้เปลี่ยนไป นางมองไปที่ชีอ้าวชวางอย่างเย็นชาและพูดอย่างเคร่งขรึม ”ชีอ้าวชวาง ข้าเตือนเจ้านะว่าชายชุดขาวเป็นของข้า ถ้าเจ้าต้องการให้ข้าช่วยเจ้าปลดผนึกทำลายราชาสวรรค์ ก็อยู่ให้ห่างจากข้ากับชายชุดขาวเสีย”
“ราชาอี้ เจ้านี่ไม่เคารพตัวเองเลยนะ! ชายชุดขาวไม่ใช่สิ่งของของใคร เขาไม่ได้เป็นของใคร เขาเป็นตัวเขาเอง ถ้าเขาเลือกเจ้า เราก็ไม่มีอะไรจะไปพูด แต่เจ้ามาขู่แบบนี้ ยิ่งทำให้ตัวตนที่เป็นราชาอี้ของเจ้าดูเสียหาย!” ยังไม่ทันที่ชีอ้าวชวางจะตอบโต้ เฟิงอี้เซวียนก็โกรธและตำหนิก่อนแล้ว
“หึ! ขอแค่พวกเจ้าอยู่ห่างจากชายชุดขาว และหากบรรลุเป้าหมายแล้วก็หายไปจากสายตาของพวกเรา ข้าก็มั่นใจว่าชายชุดขาวจะเป็นของข้าคนเดียว” ราชาอี้เงยหน้าขึ้นและมองไปยังชีอ้าวชวางพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ราชาอี้! เจ้ามันไร้ยางอาย!” เฟิงอี้เซวียนโกรธมาก
“ระวังคำพูดของเจ้าด้วย…อา…อึก…” ราชาอี้พูดอย่างเย่อหยิ่งไปครึ่งทาง แต่คำพูดที่เหลือกลับเงียบหายไป
คอของนางถูกบีบด้วยมือขวาของชีอ้าวชวาง ชีอ้าวชวางค่อยๆ ยกมือขึ้นและดึงร่างของราชาอี้ขึ้นจากพื้น ราชาอี้ใช้มือทั้งสองข้างจับมือขวาของชีอ้าวชวางและพยายามดิ้นรนอย่างเต็มที่ แต่ก็หลุดไปไม่ได้ ขาของนางเริ่มเตะไปมา และการหายใจก็เริ่มแผ่วลงเรื่อยๆ ใบหน้าที่สวยงามของนางก็แดงขึ้น และในที่สุดความตื่นตระหนกก็เริ่มปรากฏขึ้นในแววตา เพราะนางค้นพบว่านางต้านทานความแข็งแกร่งของชีอ้าวชวางไม่ได้เลย ผู้หญิงคนนี้มีรูปร่างหน้าตาอ่อนแอแต่ช่างแข็งแกร่งเหลือเกิน
“เจ้า คิดว่าตัวเองเป็นอะไรถึงกล้ามาขู่ข้า…” เสียงของชีอ้าวชวางดูเหมือนไม่แยแส แต่ในน้ำเสียงมีความดูถูกอยู่
ราชาอี้มองไปที่ชีอ้าวชวางอย่างหวาดกลัว ทำไมนางถึงรู้สึกหายใจไม่ออกตอนถูกจ้องมองแบบนี้นะ หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเย็นชาและน่ากลัวมาก ต่างจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิงเลย นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
“อ้าวชวางๆ!” แน่นอนว่าเฟิงอี้เซวียนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ชีอ้าวชวางอีกคนออกมาอีกครั้งแล้ว ความกระหายเลือด ครอบงำ และเย็นชา ชีอ้าวชวางคนนั้นออกมาอีกครั้งแล้ว!
“เจ้ากล้ายุ่งเกี่ยวกับของของข้าหรือ?” ชีอ้าวชวางยิ้มอย่างเย็นชา เกือบจะทำให้วิญญาณของราชาอี้แหลกลาญ แรงกดดันที่ไม่เคยเจอมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่ราชาอี้ได้สัมผัสสิ่งนี้ในชีวิตของนาง
“อ้าวชวาง อย่าฆ่านาง” เฟิงอี้เซวียนขมวดคิ้วและหยุดพฤติกรรมของชีอ้าวชวางอย่างกระวนกระวาย ถ้าราชาอี้ถูกฆ่าตายที่นี่ เรื่องต่อจากนี้คงจะลำบากมากแน่ๆ
“เจ้าชอบนางหรือ?” ชีอ้าวชวางหันไปมองเฟิงอี้เซวียนด้วยดวงตาที่เริ่มเย็นชา
“จะเป็นไปได้อย่างไร แต่นางตายตอนนี้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นมันจะยุ่งยากมาก หากฆ่านาง เราจะต้องไปหาราชาอี้องค์ใหม่อีก” เฟิงอี้เซวียนส่ายหัวและอธิบาย
ชีอ้าวชวางหลับตาและโบกมือเบาๆ จากนั้นราชาอี้ก็กระแทกลงกับพื้นอย่างแรง กระดูกของนางเกือบจะหักและพื้นดินก็ยุบลงไป เสียงนี้ก้องไปทั่วปราสาท และราชาอี้ก็ตกอยู่ในอาการบาดเจ็บและอับอาย ชีอ้าวชวางหันไปมองปราสาทด้วยสายตาว่างเปล่า เสียงฝีเท้าค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนในปราสาทต่างก็ได้ยินเสียงและค้นหาที่มาของเสียง
เฟิงอี้เซวียนมองราชาอี้ที่ได้รับบาดเจ็บอยู่บนพื้นอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย ราชาอี้ผู้นี้หาเรื่องใส่ตัวจริงๆ แต่ตอนนี้สถานการณ์เป็นเช่นนี้จะอธิบายอย่างไรดีล่ะ?
ไม่นานก็มีคนมา คนที่มาแรกๆ เลยก็คือราชาเยว่ มิเชล และชายชุดขาว ตามมาด้วยจินเหยียนและไรลี่ย์ที่อยู่ด้านหลังไม่ไกล
“เกิดอะไรขึ้น? คนของราชาสวรรค์มาอีกแล้วหรือ?” ราชาเยว่เห็นราชาอี้บาดเจ็บนอนหมดสติอยู่บนพื้นก็รีบก้าวเข้าไปดูทันที
ใบหน้าของเฟิงอี้เซวียนมืดมนและไม่พูดอะไรเลย
ดวงตาของชีอ้าวชวางเย็นชา และสายตาของนางก็เคลื่อนไปที่ร่างของชายชุดขาว
“เกิดอะไรขึ้น?” มิเชลขมวดคิ้วเล็กน้อย เขารู้สึกว่าสิ่งต่างๆ ดูผิดปกติและการแสดงออกของเฟิงอี้เซวียนก็แปลกด้วย
ชีอ้าวชวางค่อยๆ เดินไปหาเหลิ่งหลิงยวิ๋น หัวใจของเหลิ่งหลิงยวิ๋นสับสนอย่างอธิบายไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงสบตากับชีอ้าวชวาง จากนั้นชีอ้าวชวางก็ยื่นมือออกมาและค่อยๆ จับที่คางของชายชุดขาวเบาๆ