เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 358
“ไม่มีอะไร แค่ตกลงในเรื่องหนึ่งที่ข้าทำได้” ชีอ้าวชวางก้มหน้าลงมองเฟิงอี้เซวียนที่อยู่ในอาการสาหัสและยื่นมือออกไปเช็ดเลือดที่มุมปากของเขา จากนั้นก็มองไปที่เหลิ่งหลิงยวิ๋นและพูดเบาๆ
“เรื่องหนึ่งที่เจ้าทำได้? มันคือเรื่องอะไรกัน?” เหลิ่งหลิงยวิ๋นรู้ว่าด้วยนิสัยของคนคนนั้น เรื่องมันจะไม่ง่ายอย่างนั้นแน่นอน ความวิตกกังวลที่รุนแรงค่อยๆ เพิ่มขึ้นในใจและขยายมากขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบจะล้นในใจของเหลิ่งหลิงยวิ๋นอยู่แล้ว
“ไปกันเถอะ หากไปช้าชายผู้นั้นจะตายนะ” เสียงเย็นชาของชิงฮวาดังขึ้น
ชีอ้าวชวางไม่ได้มองชิงฮวาเลย นางยังคงก้มมองใบหน้าของเฟิงอี้เซวียนอยู่ เฟิงอี้เซวียนเองก็ค่อยๆ ฟื้นคืนสติและลืมตาขึ้นช้าๆ สบตาของชีอ้าวชวาง
“อี้เซวียน…” ชีอ้าวชวางมองเฟิงอี้เซวียนอย่างลึกซึ้งและยิ้มเบาๆ
“อ้าวชวาง?” เฟิงอี้เซวียนค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา ทันใดนั้นเขาก็ลุกขึ้นนั่งจับไหล่ของชีอ้าวชวางแล้วมองขึ้นลงอย่างกังวล “เจ้า เป็นอะไรหรือไม่?”
ชีอ้าวชวางส่ายหัวเบาๆ และยิ้มให้เฟิงอี้เซวียน ”แล้วเจ้าเป็นอะไรหรือไม่?”
“ข้าไม่เป็นไร” แม้ว่ามุมปากของเขาจะกระตุกอย่างเจ็บปวด แต่เฟิงอี้เซวียนก็กัดฟันยิ้มและส่ายหัว
“เร็วเข้า ไม่อย่างนั้นเจ้าจะไม่ได้เห็นแม้แต่ขี้เถ้าของชายผู้นั้นนะ!” ชิงฮวามองภาพตรงหน้าอย่างเย็นชา ไฟริษยาผุดขึ้นในใจของนาง
“ไปเถอะ” ชีอ้าวชวางไม่สนใจชิงฮวาแต่พูดเบาๆ กับเฟิงอี้เซวียน จากนั้นก็หันไปมองไดทันส์และโจนาธานแล้วพูดอย่างลังเล ”พวกเจ้ายังอยากตามไปด้วยกันหรือไม่?”
ไดทันส์ไม่ได้พูดอะไรแต่ก้าวไปข้างหน้าเพื่อแสดงท่าทีของเขา ส่วนโจนาธานก็ยักไหล่แล้วพูด ”เจ้าก็เห็นแล้ว ไม่มีทางเลือก ข้าจะตามเจ้าหมอนี่ไป ถ้าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสหรืออะไรก็ตาม ก็ยังมีคนแบกเขากลับมา” ไดทันส์เหลือบมองโจนาธานอย่างเย็นชา แต่โจนาธานกลอกตาใส่เขาอย่างเฉยเมย
ชิงฮวาไม่พูดอะไรอีก แต่เดินไปข้างหน้าคนเดียวและมุ่งหน้าไปทางตะวันออก นางรู้สึกได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่และบริสุทธิ์ไหลที่ไปในทิศทางนั้น ที่แห่งนั้นคงเป็นที่อยู่ของพระบิดาและพระมารดาอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ชีอ้าวชวางและคนอื่นๆ ก็ตามไปเช่นกัน ท่าทีของชีอ้าวชวางดูสงบมาก สงบจนทำให้ความวิตกกังวลในใจของเหลิ่งหลิงยวิ๋นเริ่มเพิ่มขึ้นอีก เขาค่อยๆ เดินข้างชีอ้าวชวางและพูด ”อ้าวชวาง เจ้าตกลงอะไรกับนาง?”
ชีอ้าวชวางหันไปมองเหลิ่งหลิงยวิ๋นที่ดูกังวลและยิ้มอย่างอ่อนโยน ”ถ้าเปลี่ยนเป็นเจ้า ข้าก็จะยังคงตกลงเช่นกัน” หลังจากนั้นชีอ้าวชวางก็หยุดพูดกับเหลิ่งหลิงยวิ๋นและเดินตามไปอย่างรวดเร็ว
เหลิ่งหลิงยวิ๋นยืนอยู่ที่เดิมอย่างว่างเปล่า เขามองแผ่นหลังของชีอ้าวชวางแล้วความรู้สึกที่ซับซ้อนก็ผุดขึ้นในใจของเขา ความโศกเศร้า ซาบซึ้ง เจ็บปวด หวาดกลัว…แววตาของเขายามมองชีอ้าวชวางเต็มไปด้วยความทุกข์และความสับสน แต่แววตาของเขาก็ค่อยๆ มั่นคงขึ้น ดูเหมือนว่าเขาจะตัดสินใจในเรื่องที่ยากลำบากได้แล้ว เหลิ่งหลิงยวิ๋นกัดฟัน ขมวดคิ้วและยังคงเดินตามไปข้างหน้าอย่างแน่วแน่
ทุกอย่างนี้อยู่ในสายตาของเฟิงอี้เซวียน เขาไม่ใช่คนโง่ เขารู้ว่าบางคำถามถามไปชีอ้าวชวางก็คงไม่ตอบ ดังนั้นเขาจึงถามเหลิ่งหลิงยวิ๋น พอเข้าไปใกล้เหลิ่งหลิงยวิ๋น เฟิงอี้เซวียนก็ถาม “นี่ เหลิ่งหลิงยวิ๋น เกิดอะไรขึ้น? ตกลงอะไรหรือ? อ้าวชวางตกลงอะไรกับหญิงปีศาจผู้นั้น? มันร้ายแรงมากใช่หรือไม่?” เฟิงอี้เซวียนรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจปัญหาอย่างละเอียด
เหลิ่งหลิงยวิ๋นเพียงแค่เหลือบมองเฟิงอี้เซวียนแล้วพูดแผ่วเบา ”เฟิงอี้เซวียน ถ้าเจ้ากล้าทำร้ายอ้าวชวาง ข้าจะเป็นคนแรกที่จะฆ่าเจ้า” ในน้ำเสียงนั้นมีความมุ่งมั่นและเผด็จการ ทำเอาเฟิงอี้เซวียนที่ได้ยินนั้นตกตะลึงไป
หลังจากที่เหลิ่งหลิงยวิ๋นพูดจบ เขาก็เดินตามไปไม่หันกลับมาอีก เขาปล่อยให้เฟิงอี้เซวียนอยู่ตรงนั้นคนเดียว เฟิงอี้เซวียนจับหัวตัวเองและมองเหลิ่งหลิงยวิ๋นที่เดินไป จากนั้นก็ด่าออกมา ”ประสาท เจ้าพูดเรื่องอะไร? ต่อให้ข้าต้องทำร้ายตัวเองข้าก็ทำร้ายอ้าวชวางไม่ลงหรอก ไอ้หมอนี่เป็นบ้าอะไร?”
“ถ้าเจ้าทำร้ายอ้าวชวาง ข้าก็จะฆ่าเจ้าเช่นกัน” เสียงดุร้ายของไดทันส์ดังขึ้นข้างหูของเฟิงอี้เซวียน จากนั้นไดทันส์ก็เดินแซงเฟิงอี้เซวียนไป
หมายความว่าอะไร?!” เฟิงอี้เซวียนรู้สึกหงุดหงิด มีคนพูดคำพูดประหลาดกับเขาหนึ่งคนเขาทนได้ แต่ไดทันส์ที่ดูเป็นคนนอกก็เข้ามาพูดเช่นเดียวกัน มันคืออะไร?
ไดทันส์ทำท่าทางเหมือนไม่ได้ยินเฟิงอี้เซวียนและเดินต่อไป ในขณะที่โจนาธานเดินผ่านเฟิงอี้เซวียนและพูดอย่างเรียบเฉย ”ความหมายนั้น เจ้าจะได้เข้าใจในไม่ช้า”
เฟิงอี้เซวียนตกตะลึง จริงๆ แล้วคนเหล่านี้ต้องการจะบอกอะไรกันแน่? งงไปหมด! เฟิงอี้เซวียนมองชีอ้าวชวางที่ไกลออกไปและรีบตามไป คราวนี้เฟิงอี้เซวียนก้มหน้าเงียบไปตลอดทาง ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
เดินทางกันไปเรื่อยๆ ไม่นาน วังที่สวยงามก็ปรากฏขึ้นในสายตาของทุกคน วังนั้นงดงามมาก มันสร้างจากแร่สีขาวบริสุทธิ์ ส่องแสงระยิบระยับท่ามกลางแสงแดดและมีดอกไม้รอบๆ ดอกไม้นานาพันธุ์ที่บานเฉพาะฤดูกาลต่างๆ กำลังแย่งกันบานสะพรั่งจนได้กลิ่นหอมจากที่ไกลๆ
ชิงฮวาเข้าไปใกล้ดอกไม้ด้วยสีหน้าเยาะเย้ย นางยื่นมือออกไปในอากาศ ก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วหลับตา จากนั้นมือของนางก็เกิดแสงสีขาวขึ้น
“มีเขตกั้นอยู่” ไรลี่ย์มองภาพตรงหน้าด้วยดวงตาเบิกกว้าง ในใจของนางเต็มไปด้วยความประหลาดใจ มีเขตกั้นอยู่ แต่นางสัมผัสไม่ได้เลยแม้แต่น้อย สีหน้าของคนอื่นๆ ก็แตกต่างกันไป บางคนตกใจ บางคนประหลาดใจ และบางคนก็ปกติ เหลิ่งหลิงยวิ๋นแค่มองภาพนั้นอย่างว่างเปล่าเท่านั้น แน่นอนว่าเขตกั้นเช่นนี้ไม่อยู่ในสายตาของเขาหรอก
เพล้ง... มีเสียงดังเกิดขึ้น มีเสียงคล้ายแก้วแตกนับไม่ถ้วนดังก้องในหูของทุกคนจนเจ็บแก้วหู
จากนั้น เขตกั้นรอบวังก็ปรากฏขึ้นในสายตาประหลาดใจของทุกคน จากนั้นก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ มันดูราวกับคริสตัลที่งดงามและมีเสน่ห์ที่ส่องประกายระยิบระยับใต้แสงอาทิตย์
ชิงฮวาก้าวไปข้างหน้าและตรงไปที่ประตูวัง หลังจากที่บุตรแห่งบาปได้รับการช่วยเหลือแล้ว ทุกอย่างก็จะจบลง บัวแดง บัวขาว พวกเจ้าเป็นของข้า ตั้งแต่เมื่อก่อนจนถึงตอนนี้ พวกเจ้าล้วนเป็นของข้า ไม่มีใครพรากพวกเจ้าไปได้…แม้ว่าจะเป็นอีกหนึ่งเจตจำนงในตัวเองก็ตาม
ชีอ้าวชวางมองวังที่สูงตระหง่านและสง่างามแล้วตามเข้าไปโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เหลิ่งหลิงยวิ๋นมองแผ่นหลังของชีอ้าวชวาง เขาจะพูดบางอย่างแต่ก็ชะงักไปแล้วอยู่หยุดที่เดิมเป็นเวลานาน จนสุดท้ายทุกคนเดินเข้าไปกันหมดแล้วเขาจึงได้ตามไป
พอเข้าไปในวัง ทุกสิ่งที่เห็นล้วนเป็นสีขาวบริสุทธิ์ ทุกสิ่งรอบๆ ล้วนสะอาดสะอ้าน แต่ไม่มีใครอยู่เลย โซฟาและโต๊ะเต็มไปด้วยดอกไม้สด ทุกที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอม พอเดินต่อไป พลังบริสุทธิ์ก็เริ่มแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเข้าไปก็ยิ่งใกล้
เดินไปตามทางเดินที่ทอดยาวและสะอาดตา ภาพตรงหน้าก็ปรากฏขึ้น
ตอนที่ชีอ้าวชวางเห็นภาพตรงหน้า รูม่านตาของนางก็หดตัวลงอย่างรวดเร็ว ที่ผนังตรงหน้า มีตาข่ายเหมือนผ้าไหมคริสตัลและมีเก้าอี้หรูหราสองตัววางอยู่มุมห้อง ซึ่งบนนั้นมีเด็กชายและเด็กหญิงนั่งอยู่ตามลำดับ ตัวเด็กชายเป็นหยก ตาโตเป็นประกาย ใบหน้ากลม ริมฝีปากเล็กเป็นสีดอกกุหลาบและดวงตาของเขาใสราวกับแอ่งน้ำพุนั้นมองผู้คนอย่างเงียบๆ เด็กหญิงข้างๆ เอนหลังพิงเก้าอี้อย่างนุ่มนวล หลับตาสนิท ขนตายาว แต่ใบหน้าเล็กๆ ที่น่ารักของนางซีดเซียว นางสวมชุดลูกไม้สีขาว ผมเป็นสีดำขลับราวกับหมึก เสื้อผ้าสีขาวและผมสีเข้มนั้นแตกต่างกันอย่างมาก ทำให้ดึงดูดสายตาของผู้คนมาก ผมสีเข้มของนางยาวลงจรดพื้น
เด็กสองคนนี้เป็นใคร? สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปเล็กน้อยและสายตาของพวกเขาก็ดูสับสน แต่ชีอ้าวชวางรู้ตัวตนของเด็กสองคนได้อย่างรวดเร็ว
ตาข่ายคริสตัลที่ยื่นออกมาจากด้านหลังเด็กหญิงตัวเล็กๆ นั้นเชื่อมต่อกับตาข่ายคริสตัลที่ผนังด้านหลัง ชีอ้าวชวางตัวสั่นด้วยความตกใจเมื่อมองไปตามตาข่ายคริสตัลขึ้นไปด้านบน มีคนอยู่ข้างบน เขามีผ้าขาวพันรอบเอวเพื่อปกปิดร่างกายไว้ มือและเท้าของเขาถูกเจาะด้วยคริสตัลแหลมคมตอกเขาไว้ที่ผนังและตรึงเขาเอาไว้ แสงสีขาวส่องเข้ามา มีแสงพุ่งออกมาจากตัวเขาไปที่ตาข่ายคริสตัลอยู่ตลอดเวลา ผมสีทองเรียบลื่นลู่ลงอย่างไร้ชีวิตชีวาและไม่มีสีเลือดบนใบหน้าของเขาเลย ใบหน้างดงามที่ทำให้คนเกือบลืมหายใจนั้น จะเป็นใครไปได้อีกนอกจากคามิลล์?!
เด็กสองคนนั้น คนหนึ่งคือพระบิดาและเด็กหญิงที่หมดสติคือพระมารดา! พวกเขามีรูปลักษณ์ภายนอกแบบนี้ ตอนนี้พระบิดาและพระมารดาดูเหมือนเด็กสองคนที่ไม่เป็นอันตรายเลย
ชีอ้าวชวางมองคามิลล์ที่ถูกตรึงไว้กับผนังด้วยหัวใจเจ็บปวด คามิลล์ ที่แท้ชีวิตของคามิลล์ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง ถึงเขาจะมีอำนาจทุกอย่าง แต่เขาก็ยังโดดเดี่ยว คนแบบนี้ กลับต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายในตอนนี้ ชีอ้าวชวางกัดริมฝีปากเบาๆ และมองไปที่คามิลล์ที่อยู่ไม่ไกล
“นี่ไม่ใช่ที่ที่เจ้าควรอยู่” พระบิดาที่ดูเหมือนเด็กชายค่อยๆ ลุกขึ้นยืน เขามองที่ชิงฮวาและพูดอย่างแผ่วเบา แต่น้ำเสียงชัดเจน
“หากข้าจะไปที่ไหน ไม่มีใครหยุดข้าได้ทั้งนั้น รวมทั้งเจ้าด้วย” ชิงฮวายิ้มเยาะ
“เขาเป็นของข้า ข้ามีสิทธิ์ที่จะจัดการกับเขา เจ้าไม่มีสิทธิ์เข้ามายุ่ง” พระบิดาพระเจ้าขมวดคิ้วมองชิงฮวาแล้วพูดอย่างไร้ความปรานี ”เจ้าไม่ได้อยู่ในโลกแห่งนี้ เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้ามาแทรกแซงในเรื่องของเรา กลับไปในที่ที่เจ้าอยู่ซะ”
“ขอโทษที เขาเป็นเครื่องต่อรองของข้า” ชิงฮวายิ้ม ”ในฐานะพระเจ้าที่สูงที่สุดในโลกนี้ กลับอ่อนแอมากถึงขั้นนี้ มันช่างตลกจริงๆ”