เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 37
ในห้องโถง ดยุกกอร์ตั้นกำลังพูดคุยกับชายชราอีกคนอย่างยิ้มแย้ม ส่วนอลิซยืนก้มหน้านิ่งเงียบอยู่
“ท่านกอร์ตั้น ข้าต้องขอโทษจริงๆ เด็กสองคนมีการพนันกัน แต่เด็กผู้นี้ของข้ากลับเพิกเฉยจนสูญเสียดาบเวทย์ไฟไปจริงๆ ท่านก็รู้ว่านั่นคือสมบัติที่เป็นมรดกตกทอดของตระกูลเรา เห้อ เด็กคนนี้นี่จริงๆ เลย…” ชายชรายิ้มและพูดอย่างรู้สึกผิด
เมื่อวัลโดได้ยินดังนั้น เขาก็พูดออกมา “มีคนที่ไร้ยางอายมากกว่าข้าอีก!” ไม่สิ วัลโดเสริมตัวเองในใจ ควรจะพูดว่ามีคนที่ไร้ยางอายมากกว่าปีศาจน้อยอีก!
คำพูดนี้ช่างหอมยิ่งกว่าไก่ย่างจริงๆ เด็กทั้งสองพนันกันเล่นๆ แต่สุดท้ายก็แพ้จนเสียดาบไปจริงๆ แล้วยังไงล่ะ? ตอนนี้เจ้าต้องการมาทวงดาบคืนใช่หรือไม่?!
“คนหน้าด้านต้องการเอาดาบเล่มนี้คืนให้กับคนหน้าด้านอีกคน! ” ราเซียโกรธเมื่อได้ยินคำพูดนั้น นางจึงพยายามระงับความโกรธและพูดกับแคลร์ที่ยืนอยู่ข้างๆ อย่างไม่แยแส
“หน้าด้านจริงๆ ” แคลร์พูดเบาๆ นางไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างตระกูลมากเกินไปนัก นางจึงปล่อยให้ท่านปู่จัดการ แต่หากพวกเขาคิดว่าอลิซถูกแกล้ง แน่นอนว่าพวกเขาคิดผิดมาก
“จินเหยียน มานี่” รอยยิ้มเยาะเย้ยปรากฏขึ้นจางๆ ที่มุมปากของแคลร์ นางหันไปกระดิกนิ้วเบาๆ เรียกจินเหยียนที่ยืนอยู่ข้างหลังนาง
“ครับคุณหนู?” แม้ว่าจินเหยียนจะถามด้วยน้ำเสียงสงสัย แต่สิ่งที่ชัดเจนในใจของเขาคือทุกครั้งที่รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของคุณหนู เวลานั้นจะต้องมีใครบางคนโชคร้ายอย่างแน่นอน
“เจ้าทำแบบนี้นะ… อืม ใช่ แบบนี้แหละ” หลังจากที่แคลร์พูดเสียงเบา คิ้วของจินเหยียนก็เลิกขึ้น เขาอยากจะหัวเราะออกมา แต่ต้องอดกลั้นไว้ก่อนที่คนในห้องโถงจะสังเกตเห็น วัลโดไม่กังวลเรื่องนี้อีกต่อไป เขาร้องว้าวและหัวเราะอยู่ในหัวของแคลร์ แคลร์ร้ายเกินไปจริงๆ ในอนาคตเขาจะต้องรวบรวมเรื่องทั้งหมดทำเป็นหนังสือแล้วตั้งชื่อว่ากลวิธีของปีศาจน้อย
“ราเซีย มากับข้า เราไปที่สนามฝึกซ้อมกันเถอะ” แคลร์หันไปแล้วพูดกับราเซีย
ใบหน้าของราเซียปรากฎรอยยิ้มขึ้น นางคิดในใจว่าทำไมตนเองถึงไม่เคยคิดวิธีที่ดีเช่นนี้ได้มาก่อน
แคลร์และราเซียไม่ได้เดินผ่านห้องโถง แต่กลับไปทางประตูหลังแล้วตรงไปที่สนามฝึกซ้อมเลย
เมื่อทั้งสองคนหายไป สีหน้าของจินเหยียนก็เปลี่ยนเป็นเศร้าและโกรธในทันที จินเหยียนต้องยอมรับว่าการแสดงนี้ทำให้เขาลำบากใจจริงๆ เขาต้องฝึกซ้อมที่ประตูเป็นเวลาสองนาทีเต็ม จนในที่สุดเขาก็แสดงความเศร้าโศกและความโกรธออกมาได้
จินเหยียนเดินเข้ามาในห้องโถงแล้วรีบตรงไปที่ข้างๆ ดยุกกอร์ตั้นที่นั่งอยู่ด้านบนสุดของห้องโถง เขากล่าวด้วยสีหน้ากังวลและไม่สบายใจ “ท่านดยุก เกิดเรื่องแล้วครับ! คุณหนูใหญ่กับคุณหนูรอง…”
“อะไร? เกิดอะไรขึ้น? แคลร์กับราเซียเป็นอะไรไปหรือ? ” ดยุกกอร์ตั้นลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ ถ้าเป็นคนอื่นกอร์ตั้นคงโวยวายไปนานแล้ว แต่กอร์ตั้นไม่เคยเห็นจินเหยียนดูเศร้าและกังวลขนาดนี้จึงจินตนาการได้ว่าคงจะเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ! ในตอนนี้แคลร์คือคนสำคัญมากในใจของกอร์ตั้น จะให้มีอะไรเกิดขึ้นกับไม่ได้เด็ดขาด ราเซียเป็นเด็กหยิ่งยโสแต่ก็มีพลังมาก! เป็นไปได้ไหมว่าจะเกิดความขัดแย้งขึ้นระหว่างสองพี่น้อง?
“ท่านดยุก วันนี้คุณหนูใหญ่ถูกท้าดวล หญิงผู้นั้นดูถูกตระกูลฮิลล์อย่างถึงที่สุด คุณหนูใหญ่โกรธมากจึงตอบรับคำท้าดวล แม้ว่าคุณหนูจะชนะการดวลแต่ก็โกรธมากที่หญิงคนนั้นดูถูกว่าคุณหนูไม่มีพลัง ดังนั้นตอนนี้คุณหนูจึงคลั่งและซ้อมกับคุณหนูรองในสนามฝึกอย่างไร้การควบคุม ข้ากลัวว่าร่างกายของคุณหนูจะไม่สามารถทนได้ครับ” น้ำเสียงของจินเหยียนทั้งร้อนใจและกังวล เขาไม่เคยพูดด้วยน้ำเสียงเช่นนี้มาก่อนเลย ถ้าวัลโดอยู่ที่นี่ เขาคงจะถอนหายใจที่อัศวินรูปหล่อนิสัยตรงไปตรงมาถูกปีศาจน้อยแคลร์ครอบงำไปแล้ว
“อะไรนะ?! ” ใบหน้าของดยุกกอร์ตั้นจริงจังขึ้นมาทันที เขาลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจคนจากตระกูลโรมที่อยู่ข้างๆ เขารีบวิ่งไปที่สวนหลังบ้านอย่างเร่งรีบ จินเหยียนก็รีบตามไปติดๆ เช่นกัน
คนจากตระกูลโรมใบหน้าหมองคล้ำลงเมื่อได้ยินคำพูดของจินเหยียน ตอนนี้คนจากตระกูลโรมรู้แล้วว่าพวกเขาคงไม่ได้รับดาบคืน อีกทั้งเขายังรู้สึกว่าถูกดักทางไว้แล้ว! ตนเองประเมินหญิงบ้าผู้ชายผู้นี้ต่ำเกินไป ตอนแรกเขาคิดเอาไว้ว่าจะชิงมาบอกเรื่องที่เกิดขึ้นก่อน เขาจึงมาที่คฤหาสน์ท่านดยุกเพื่อทำให้เรื่องนี้ดูเล็กน้อยที่สุดแล้วจะมอบของขวัญให้เพื่อแลกเอามรดกของตระกูลขึ้นมา ในอนาคต ถึงแม้ท่านดยุกจะได้รู้เรื่องอย่างละเอียด เขาก็คงจะไม่กลับมาตามเอาดาบคืนหรอก แต่ว่าตอนนี้จบสิ้นแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะไม่ได้ดาบคืนเลย ครั้งนี้อาจจะถูกท่านดยุกโกรธเป็นอย่างมากเลยอีกด้วย
“ท่านปู่ คือ…” อลิซพูดอย่างโกรธๆ ทำไมนางจะไม่รู้ว่านี่เป็นกลอุบายของแคลร์!
“หุบปาก! ” ท่านโรมตะคอกด้วยความโกรธ “กลับไปกับข้า ต่อไปนี้เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้มายุ่งกับตระกูลฮิลล์อีก! ” ท่านโรมรีบไปโดยไม่ลา คิดว่าจะมาขอโทษในวันหลัง ใบหน้าของอลิซซีดลงทันที
ในรถม้า อลิซก้มหน้าไม่พูดอะไร ท่านโรมมองอลิซพร้อมกับก้มหัวลงถอนหายใจแล้วค่อยๆ พูด “เจ้ากำลังตำหนิปู่อยู่หรือไม่? “
“ไม่ค่ะ ท่านปู่ ข้าไม่ได้คิดตำหนิท่านปู่เลย” อลิซเงยหน้าขึ้นพูดด้วยความกลัว
“อลิซ เจ้าเป็นความหวังของตระกูลโรมในอนาคต แต่เจ้าใจร้อนเกินไป เจ้าเข้าใจหรือไม่ว่าทำไมปู่ถึงดุเจ้า” ท่านโรมพูด
“ข้าไม่ควรไปยุ่งกับตระกูลฮิลล์” อลิซก้มหัวลงช้าๆ และพูดเรียบๆ
“ไม่ใช่!” ท่านโรมคัดค้านอย่างหนักแน่น
“ถ้าเช่นนั้น? ” อลิซถามอย่างสงสัยพลางเงยหน้าขึ้นมองชายชราตรงหน้านาง
“ข้ากำลังดุ เพราะเจ้าว่าไม่ควรไปหาเรื่องกับคนที่เจ้าไม่สามารถไปหาเรื่องได้ในตอนนี้” ดวงตาของท่านโรมแปรเปลี่ยนเป็นความเย็นชา
ดวงตาของอลิซเป็นประกาย นางเข้าใจทันทีว่าท่านปู่หมายถึงอะไร ตระกูลฮิลล์ไม่ใช่คนที่พวกเขาสามารถยั่วยุได้ นางทำผิดพลาดที่ไปยั่วยุใครบางคนที่ไม่สามารถยั่วยุได้ในตอนนี้ แต่สักวันหนึ่ง… จะต้องมีวันหนึ่งที่นางสามารถยั่วยุตระกูลฮิลล์ได้!
ท่านโรมเฝ้าดูการแสดงออกของอลิซด้วยความพึงพอใจ เขามั่นใจว่าหลานสาวคนนี้เข้าใจสิ่งที่เขาต้องการสื่อ เขาลูบหัวของอลิซเบาๆ แล้วพูด “เจ้าต้องฝึกหนักให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ก้าวข้ามตัวเองให้ได้ แล้ววันนั้นจะมาถึงเอง”
“ค่ะ ข้าจะทำให้ได้ค่ะท่านปู่” อลิซพยักหน้า นางตัดสินใจแล้ว ใช่ วันหนึ่ง นางจะเหยียบย่ำคนงี่เง่าอย่างแคลร์ และนางจะเหยีบยย่ำตระกูลฮิลล์อีกด้วย! นางจะล้มล้างตระกูลฮิลล์! เมื่อคิดถึงเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ เลือดของอลิซก็เดือดพล่าน
ท่านโรมหลับตาลงช้าๆ รอยยิ้มเย็นชาปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา ไม่มีทางที่ธงกุหลาบป่าจะปลิวไสวอยู่ในอันพาแกรนด์ได้ตลอดไปอย่างแน่นอน!
ที่สนามฝึกซ้อมในสวนหลังบ้านของตระกูลฮิลล์เวลานี้
กอร์ตั้นเห็นฉากที่ทำให้เขาตกใจ หลานสาวทั้งสองของเขากำลังต่อสู้กันด้วยเวทมนตร์ ท้องฟ้าเต็มไปด้วยฝุ่นละอองและลมกระโชกแรงพัดอย่างหนัก
“หยุดเดี๋ยวนี้! หยุด! ” ดยุกกอร์ตั้นตะโกนอย่างกังวล เขากังวลมากเพราะไม่คาดคิดว่าหลานทั้งสองนี้จะไม่ถูกกันขนาดนี้ ถ้ามีใครบาดเจ็บไป ต้องแย่แน่ๆ
แคลร์และราเซียหยุด ทั้งสองคนมองไปที่ด้านข้างของดยุกกอร์ตั้นอย่างพร้อมเพรียงกัน ชายชราไร้ยางอายผู้นั้นไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย
“ท่านปู่ ท่านโรมไปแล้วหรือ? ” ราเซียถามอย่างร่าเริง
“อะไรนะ? ” ดยุกกอร์ตั้นผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นปากของเขาก็เปิดกว้าง เขาไม่ใช่คนธรรมดา เขาเข้าใจทุกอย่างได้ในทันทีจากคำพูดของราเซียและการแสดงออกที่ไม่แยแสของแคลร์
“ว้าว พวกเจ้า! ” ดยุกกอร์ตั้นหัวเราะแล้วมองกลับไปที่จินเหยียนที่ยืนอยู่ข้างหลัง “จินเหยียน ข้าไม่คิดเลยว่าตัวเจ้าเองก็……”
“ข้าถูกคุณหนูใหญ่บังคับครับ” จินเหยียนพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย ท่านดยุกคงไม่ตำหนิแคลร์ แต่จะตำหนิเขาไหมก็ไม่รู้
“ท่านปู่ ชายชราผู้นั้นไร้ยางอายจริงๆ เห็นได้ชัดว่าอลิซดูถูกตระกูลฮิลล์ของเราก่อน ท่านพี่จึงตกลงรับคำท้าดวลกับนาง อีกทั้งนางก็ขอเดิมพันดาบด้วยตัวนางเอง” ราเซียพูด
“ฮ่าๆ …. ปู่ก็พอจะเดาออก แต่พวกเจ้ายังไม่ได้กลับมา ปู่เลยต้องจัดการไปก่อน” ดยุกกอร์ตั้นยิ้มเจ้าเล่ห์ราวกับสุนัขจิ้งจอก “ตอนนี้เรียบร้อยแล้ว พวกเขาไปกันแล้ว ดาบอยู่ไหนล่ะ? ขอปู่ดูหน่อยสิ”
“อยู่นี่ค่ะ อยู่นี่” ราเซียวิ่งเหยาะๆ แล้วหยิบดาบวิเศษส่งให้ดยุกกอร์ตั้น
“ดาบดี เป็นดาบที่ดีจริงๆ ” ดยุกกอร์ตั้นอุทานขณะที่มองดาบในมือของเขา
“ท่านพี่ให้ข้า” ราเซียพูดอย่างภาคภูมิใจ
“เจ้าเป็นนักเวทย์จะเอาดาบไปทำอะไรล่ะ? ” ดยุกกอร์ตั้นพึมพำ จากนั้นเขาก็ถือดาบไว้ในมือ นี่มันเรื่องล้อเล่นอะไร มรดกตกทอดของคนอื่นเชียวนะ?
วัลโดหน้ามุ่ย กลายเป็นว่าคนที่ไร้ยางอายที่สุดคือชายชราผู้นี้ต่างหาก!
“อ๊ะ! นี่ท่านพี่ให้ข้า ไม่ได้นะคะ” ราเซียตะโกนและกำลังจะคว้าดาบจากกอร์ตั้น
“เจ้าเป็นนักเวทย์จะใช้ดาบทำไม? ” กอร์ตั้นถือดาบไว้
แคลร์มองทั้งสองแย่งกันและในที่สุดก็พูด “เอาล่ะ ราเซีย ข้าจะให้สิ่งที่เหมาะกับเจ้าในอนาคต ดังนั้นข้าขอมอบสิ่งนี้ให้กับท่านปู่แล้วกัน”
หลังจากคำพูดนั้นราเซียก็หน้ามุ่ย นางมองกอร์ตั้นที่ถือดาบอยู่แล้วพูดอย่างไม่เต็มใจ “ก็ได้ค่ะ ท่านปู่นี่จริงๆ เลยนะ”
ดาบวิเศษเล่มนี้หายากมาก กอร์ตั้นเดินถือดาบเวทย์ไฟเล่มนี้ออกไป เตรียมที่จะให้เป็นรางวัลแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา เขาอารมณ์ดีมากเมื่อเห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องทั้งสองดีมากจนตอนนี้หวานยิ่งกว่าน้ำผึ้งเสียอีก อีกทั้งยังได้มรดกที่หายากและล้ำค่ามากอย่างดาบเล่มนี้มาด้วย คราวนี้เขาได้รับโชคจากความเขลาของตระกูลโรมและยังได้อาวุธที่ดีเช่นนี้มาครองด้วย
……………………………………………………………………………..