เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 64
ไม่ทันที่แคลร์จะได้สติรับรู้ว่าใครกำลังพูดอยู่และที่พูดมามันหมายความว่าอย่างไร
ทันใดนั้นความรู้สึกของแรงกดดันอันน่ากลัวที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้น
รอยยิ้มอันบ้าคลั่งบนใบหน้าของมังกรทองที่บินอยู่ในอากาศก็นิ่งค้างไป แรงกดดันที่เขาไม่สามารถทนได้ปรากฏขึ้นทำให้หัวใจของเขาแทบลุกเป็นไฟ ความรู้สึกอันเลวร้ายค่อยๆ ปรากฏขึ้นช้าๆ ลำแสงที่ควรจะทะลุผ่านร่างของแคลร์และหลอมวิญญาณของนางในชั่วพริบตานั้น กลับหยุดอยู่ตรงหน้าหน้าอกของแคลร์โดยไม่ขยับเลยสักนิด
ทุกคนต่างตะลึง มีเพียงคลิฟและเฟิงอี้เซวียนเท่านั้นที่เข้าใจว่าแรงกดดันที่คุ้นเคยนี้คืออะไร
แรงกดดันที่น่ากลัวปรากฏขึ้น บริเวณรอบก็ค่อยๆ ถูกกลืนกินไปด้วยความมืด ตอนนี้เป็นเวลากลางวัน แต่บริเวณโดยรอบกลับมืดจนมองไม่เห็นนิ้วมือเลย
กระแสน้ำวนค่อยๆ ปรากฏขึ้นในความมืดและจากนั้นแสงสีแดงเลือดก็ปรากฏขึ้นในกระแสน้ำวนนั้น
มีรอยยิ้มอย่างดูถูกเสียดสีเกิดขึ้นที่มุมปากของแคลร์
ไม่คาดคิดมาก่อนว่าเขาจะมาช่วยนาง!
เทพเจ้าแห่งความมืด!
แคลร์ยิ้มอย่างประชดประชันที่มุมปากของนาง ไม่คาดคิดเลยจริงๆ ว่าในวินาทีสุดท้าย เทพเจ้าแห่งความมืดจะมาช่วยนาง!
ร่างของมังกรทองสั่นเล็กน้อย ความกลัวในใจของเขาขยายออกไปเรื่อยๆ …
แรงกดดันนี้เป็นของเทพเจ้า
ทำไมเทพเจ้าถึงมาที่นี่?
แถมยังเป็นเทพเจ้าแห่งความมืดที่ชั่วร้ายและโหดร้ายที่สุดด้วย!
เขาไม่คิดว่าเทพเจ้าแห่งความมืดจะมาเพื่อสนทนากับเขาที่เป็นราชามังกรหรอก
ขาของมังกรทองเริ่มอ่อนแรง เขาอยากจะวิ่งแต่ดูเหมือนว่าเท้าของเขาจะหยั่งรากลงไปแล้ว ตอนนี้เขาขยับไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
แรงกดดันที่รุนแรงทำให้ทุกคนอึดอัดมาก
เวลานี้ซัมเมอร์ที่อ่อนแอที่สุดหน้าซีดและเป็นลมไปแล้ว
“ถอนแรงกดดันของท่านเถอะ ข้ารู้สึกไม่สบายเลย! ” แคลร์พยายามอย่างเต็มที่เพื่อเปล่งคำเหล่านั้นออกมา
หัวใจของมังกรทองสั่นอย่างรุนแรง มนุษย์ผู้ต่ำต้อยผู้นี้กำลังทำอะไร? นางพูดหยาบคายกับเทพเจ้าแห่งความมืดงั้นหรือ! นางอยากจะตกอยู่ในความมืดมิดแห่งความทุกข์ทรมานชั่วนิรันดร์งั้นหรือ? วิธีการของเทพเจ้าแห่งความมืดใครๆ ก็ต่างรู้จักนี่? ถ้าทำให้เขาโกรธ คนผู้นั้นจะต้องเสียใจที่เกิดมาในโลกนี้ ในบรรดาเทพเจ้าทั้งหมด เทพเจ้าที่น่ากลัวที่สุดคือเทพเจ้าแห่งความมืดนี่แหละ
แต่ในช่วงเวลาถัดมา สมองของมังกรทองก็แทบระเบิด แรงกดดันหายไปในทันที แต่ไม่ใช่แรงกดดันตรงที่เขา แต่กลับเป็นแรงกดดันตรงที่มนุษย์ต่ำต้อยเหล่านั้นต่างหากที่หายไป! ความมืดรอบตัวจางลงไปมาก แต่มังกรทองยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันที่น่ากลัวอยู่
ทำไมกัน? นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
ทำไมเทพเจ้าแห่งความมืดถึงยอมฟังมนุษย์ที่ต่ำต้อยผู้นั้นล่ะ?
เป็นไปได้อย่างไร?!
“เจ้าสัตว์เลื้อยคลานสี่ขา เจ้าต้องการจะทำลายเครื่องสังเวยของข้างั้นหรือ? ” เสียงทุ้มต่ำและชั่วร้ายที่แคลร์คุ้นเคยดังขึ้นอย่างช้าๆ น้ำเสียงความโกรธแค้นที่ทำให้คนกลัวจนสั่นเทา
เครื่องสังเวย? มังกรทองมองแคลร์ด้วยความหวาดกลัว มนุษย์ผู้นี้เป็นเครื่องสังเวยแด่เทพเจ้าแห่งความมืดงั้นหรือ? ใช่หรือ? เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?
เป็นไปได้อย่างไร?
ทุกคนนอกจากเฟิงอี้เซวียนและคลิฟสีหน้าเปลี่ยนไปเช่นกัน เครื่องสังเวย? มันหมายถึงอะไร? เครื่องสังเวยอะไร? คนที่มังกรทองกำลังจะฆ่าเมื่อกี้คือแคลร์ หรือว่าแคลร์จะเป็นเครื่องสังเวยเทพเจ้าแห่งความมืดหรือ?! มีเรื่องเช่นนี้ด้วยอย่างนั้นหรือ?
หลังจากที่เทพเจ้าแห่งความมืดปลดแรงกดดันของแคลร์และพวกแล้ว สุ่ยเหวินโม่พุ่งเข้าไปที่ข้างกายซัมเมอร์ที่สลบไป เขานั่งยองๆ อุ้มซัมเมอร์อย่างเป็นห่วงและโน้มตัวซัมเมอร์ให้มาพิงอยู่ในอ้อมแขนของเขา
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวนางก็ตื่น” คลิฟก้าวไปข้างหน้าเพื่อตรวจสอบซัมเมอร์
แคลร์ถอนหายใจ นางนั่งลงเอียงหัวดูการแสดงที่ยิ่งใหญ่ที่กำลังจะเกิดตรงหน้า แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือตนเองปลอดภัยแล้ว และก็ปลอดภัยมากด้วย
“เทพเจ้าแห่งความมืดที่เคารพ ข้า… ข้าไม่รู้ว่านางเป็นเครื่องสังเวยของท่าน ข้าไม่มีเจตนาที่จะทำลายเครื่องสังเวยของท่านอย่างแน่นอน ข้าสาบานเลย” มังกรทองพูดตะกุกตะกักต่อแรงกดดันนั้น เขามองท่าทางแคลร์อย่างตกตะลึง นางนั่งมองอยู่ตรงนั้นแบบสบายๆ เลย
“เจ้าสัตว์เลื้อยคลานสี่ขาที่โง่เขลา เทพเจ้ามังกรไม่ได้สอนเรื่องมารยาทพื้นฐานแก่เจ้าหรือ?” น้ำเสียงที่ชั่วร้ายนั้นเยือกเย็นอย่างมากทำให้หัวใจของมังกรทองเดือดพล่าน
“เทพเจ้าแห่งความมืดผู้มีเกียรติ ข้าไม่รู้จริงๆ ว่านางเป็นเครื่องสังเวยของท่าน ถ้าข้ารู้ ข้าจะไม่ทำเด็ดขาด โปรดเชื่อข้าและยกโทษให้กับพฤติกรรมโง่ๆ ของข้าด้วย” มังกรทองตัวสั่นพูดอย่างระมัดระวัง เขารู้ดีว่าเทพเจ้าแห่งความมืดอาจจะเห็นแก่หน้าของเทพเจ้ามังกรแล้วปล่อยตนเองไป แต่ถ้าเขาทำให้เทพเจ้าแห่งความมืดโกรธ เทพเจ้ามังกรก็ไม่สนใจเรื่องนี้หรอก ถ้าเทพเจ้าแห่งความมืดฆ่าเขาจริงๆ แน่นอนว่าเทพเจ้ามังกรก็จะไม่ต่อสู้กับเทพเจ้าแห่งความมืดเพื่อราชามังกรที่ทำให้เทพเจ้าแห่งความมืดขุ่นเคืองหรอก อย่างมากที่สุดก็เขาคงพยายามเอาใจเทพเจ้าแห่งความมืดและหามังกรตัวอื่นขึ้นเป็นราชามังกรแทน
“ออกไปจากที่นี่ซะ ครั้งต่อไปถ้าข้ารู้ว่าเจ้าจะทำอะไรกับเครื่องสังเวยของข้าอีก ข้าจะทำให้เจ้าแย่ยิ่งกว่าความตาย” น้ำเสียงเย็นชาของเทพเจ้าแห่งความมืดค่อยๆ พูดประโยคเหล่านี้ออกมา
เมื่อมังกรทองได้ยินสิ่งที่เทพเจ้าแห่งความมืดพูด เขาก็รู้สึกโล่งใจ เทพเจ้าแห่งความมืดปล่อยเขาไป! เยี่ยมมาก! มังกรทองรีบดิ้นรนเพื่อจะบินหนีไปทันที
แต่ในขณะที่มังกรทองกำลังดิ้นรนเพื่อจะบินขึ้นไปในอากาศ เสียงต่ำที่ชั่วร้ายก็ส่งเสียงแผ่วเบาและเย็นชา จากนั้นมังกรทองก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงจนเกือบจะเป็นลม จากนั้นพอมังกรทองมองกลับมาก็ตกใจอย่างมาก หางใหญ่ของเขาถูกตัดจนเลือดพุ่งออกมาจากแผลอย่างต่อเนื่อง
“นี่เป็นบทเรียนสำหรับเจ้า ครั้งต่อไปจะไม่ใช่เพียงเท่านี้แค่นั้น” เทพเจ้าแห่งความมืดตะคอกด้วยความเหยียดหยาม น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความกระหายเลือดและดูถูก
มังกรทองตกใจกลัวและไม่กล้าที่จะทำอะไรแม้แต่นิดเดียว เขารีบกระพือปีกบินขึ้นไปบนท้องฟ้า แต่ไม่สามารถหยุดเลือดที่หางของเขาได้เลย
มังกรทองหนีไปด้วยความยากลำบากและไม่กล้ามองกลับไปอีก เลือดของเขาสาดกระเซ็นไปทั่วพื้นอย่างน่าตกใจ เขากลายเป็นราชามังกรคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ไม่มีหางไปเสียแล้ว
แต่เทพเจ้าแห่งความมืดไม่ได้จากไปในทันที เขากลับปล่อยเสียงหัวเราะที่น่าสยดสยองออกมา จากนั้นก็ถามอย่างประชดประชัน “เจ้าจะไปหาเทพเจ้าเอลฟ์เพื่อปลดตราของข้าใช่หรือไม่? “
“ใช่ ใครจะอยากนอนรอความตายแบบนี้บ้างล่ะ” แคลร์พูดอย่างไม่เป็นปิดบัง
สีหน้าของทุกคนดูเป็นกังวล แคลร์พูดกับเทพเจ้าแห่งความมืดอย่างไม่ปิดบังเลย! แม้ว่าแคลร์จะเป็นเครื่องสังเวยของเขา และเขาก็คงไม่ฆ่าแคลร์ในตอนนี้ นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ทำแคลร์ทนทุกข์ทรมาน ตอนนี้มังกรทองเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนมากแล้ว
แต่ผิดคาด เทพเจ้าแห่งความมืดไม่ได้ทำอะไรแคลร์ แต่เขากลับหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยชัยชนะ “เรื่องเล็กน้อยเท่านี้ เจ้าไม่จำเป็นต้องไปหรอก เมื่อวานนี้เทพเจ้าเอลฟ์เล่นพนันกับข้าแล้วแพ้ สภาพก็เป็นไปตามนั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เขาจะไม่ปลดตราของข้าหรอก ฮ่าๆๆ …” น้ำเสียงที่ชั่วร้ายเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและเห็นได้ชัดว่าวันนี้เทพเจ้าแห่งความมืดอารมณ์ดีมาก
อะไรนะ? เทพเจ้าแห่งความมืดและเทพเจ้าแห่งเอลฟ์เล่นพนันกัน?
ได้ยินผิดไปหรือเปล่า?
การพนันในหมู่เทพเจ้างั้นหรือ? อีกทั้งเป็นการพนันระหว่างเทพเจ้าแห่งความมืดซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้ายและเทพเจ้าแห่งเอลฟ์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์และไร้การต่อสู้น่ะหรือ?
ครู่หนึ่ง ทุกคนคิดว่าพวกเขาได้ยินผิด แต่มีเสียงในใจบอกพวกเขาว่านี่คือเรื่องจริง นี่คือเรื่องจริง เป็นเรื่องจริง มันเป็นความจริง
“รีบเติบโตขึ้นเร็วๆ นะ เครื่องสังเวยที่สวยงามของข้า” เทพเจ้าแห่งความมืดหัวเราะและจากนั้นก็หายไปอย่างช้าๆ
แล้วความมืดรอบๆ ก็หายไปอย่างช้าๆ
แคลร์เงียบลง
“คุณหนู… นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับ? ” จินเหยียนเดินมาช้าๆ และถามอย่างลังเลเล็กน้อย หัวใจของคนอื่นๆ ก็เต็มไปด้วยความสงสัยเช่นกัน เฟิงอี้เซวียนเงียบ สีหน้าของเขาดูแย่ผิดปกติไปเลย
แคลร์ถอนหายใจยาว นางลุกขึ้นยืนมองสุ่ยเหวินโม่และจินเหยียนแล้วพูด “เอาไว้เดี๋ยวข้าจะบอกพวกเจ้า สิ่งที่พวกเจ้าควรทำตอนนี้คือแช่อาวุธของพวกเจ้าในเลือดมังกร อย่าให้เสียเปล่า ถ้าเก็บได้ก็ใส่ขวดไว้ หลังจากนั้นก็สร้างชุดเกราะแล้วแช่เลือดมังกรซะ”
ทุกคนอึ้งไป นี่คือสิ่งที่แคลร์นึกถึงเป็นสิ่งแรกในเวลานี้!
แต่สุ่ยเหวินโม่และจินเหยียนก็ไปแช่อาวุธด้วยเลือดมังกรอย่างเชื่อฟัง คนอื่นๆ ช่วยกันเก็บเลือดมังกร เบนกระตุกมุมปากและยืนอยู่อย่างพูดไม่ออก หางตาของเขามองไปที่หัวขโมยตัวน้อยซัมเมอร์ที่หมดสติอยู่ที่พื้น
หลังจากนั้นไม่นาน ทุกคนก็นั่งลง จินเหยียนและสุ่ยเหวินโม่มองอาวุธในมือของพวกเขาและทั้งคู่ก็รู้สึกมีความสุขมาก อาวุธที่แช่เลือดมังกรจะแข็งแกร่งกว่าเดิมหลายเท่า แต่เลือดมังกรนั้นมีค่ามากทีเดียว จะมีกี่คนที่มีความสามารถในการสังหารมังกรและได้รับเลือดมังกรล่ะ? เวลานี้ซัมเมอร์ก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว
แคลร์มองตาทุกคนแล้วถอนหายใจเบาๆ เพราะรู้ว่าพวกเขาต้องการถามอะไรในตอนนี้
แคลร์ถอดถุงมือที่มือขวาแล้วยกมือขึ้นเผยให้เห็นตราดาวหกแฉกสีดำแปลกตา
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป ทุกคนที่นี่ไม่ใช่คนธรรมดา พวกเขาต้องเคยได้ยินว่าตราดาวหกแฉกสีดำนี้สื่อถึงอะไร แต่ในความทรงจำของพวกเขามันเป็นเพียงตำนานที่น่าเหลือเชื่อเท่านั้น
แต่พอได้เห็นตราด้วยตาของตัวเองที่มือของแคลร์วันนี้ รวมทั้งการปรากฏตัวของเทพเจ้าแห่งความมืดก่อนหน้านี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่านี่ไม่ใช่ตำนาน แต่เป็นความจริง
“คุณหนู!” จินเหยียนมองแคลร์ด้วยท่าทางที่ซับซ้อน แต่ไม่สามารถพูดอะไรได้
คลิฟและเฟิงอี้เซวียนเงียบไป สีหน้าของพวกเขาดูไม่ดีเลย
“ไม่แปลกใจเลยที่เทพเจ้าแห่งความมืดจะออกมาช่วยเจ้า” มังกรดำเบนเอ่ยขึ้นอย่างกะทันหัน
“นั่นหมายความว่าเทพเจ้าแห่งความมืดจะออกมาช่วยเจ้าในอนาคตอีกหรือไม่?” ซัมเมอร์ถามด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย ถ้าเป็นอย่างนี้ แคลร์จะไม่ดุร้ายเกินไปหรือ?
“ก็อาจจะ” แคลร์ตอบเรียบๆ
“แล้วเช่นนี้เจ้าจะไม่อยู่ยงคงกระพันเลยหรือ?” ซัมเมอร์เริ่มตื่นเต้นเล็กน้อย
“ไม่หรอก” รอยยิ้มแปลกๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของแคลร์
“ทำไมล่ะ?” ซัมเมอร์ขมวดคิ้ว
“เพราะเทพเจ้าแห่งความมืดจะมาเอาชีวิตแคลร์ไปไม่ช้าก็เร็วไงเล่า” สุ่ยเหวินโม่พูดกับซัมเมอร์ด้วยน้ำเสียงตำหนิ
……………………………………………………………………………..