เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 68
แคลร์รู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย กลายเป็นว่าคามิลล์ผู้นี้เป็นหมาป่าในคราบลูกแกะ
“อาจารย์ ท่านพูดไม่สุภาพเลยนะ” แคลร์รู้สึกไม่ดีเล็กน้อยและไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้ชายที่สุภาพ มีน้ำใจ และอ่อนโยนผู้ซึ่งมีรอยยิ้มที่อบอุ่นเสมอจะพูดจาหยาบคายออกมา
“คำพูดของข้าผิดตรงไหน ข้าแทบรอไม่ไหวที่จะบีบคอเจ้าในตอนนี้! วันนี้เจ้าจะไปวังเพื่ออะไร จะไปช่วยองค์ชายสองทำไม ข้าคิดไม่ออกเลยว่าเจ้าสังเกตเห็นข้าได้อย่างไร” คามิลล์พูด ความโกรธในดวงตาของเขาราวกับจะแผดเผาแคลร์ให้ตายไปเลย
แคลร์กระตุกมุมปากมองคนตรงหน้าและทำหน้ามุ่ย คามิลล์จิบชาด้วยท่าทางสง่างามและนั่งบนโซฟาที่ดูสูงส่งของเขา การกระทำของเขาดูสง่างามมาก แต่คำพูดที่ออกมาจากปากของเขานั้นช่างแตกต่าง แถมพอพูดเสร็จเขาก็ยังคงดื่มชาด้วยท่าทางสง่างามต่อไป
“เรามาคุยกันเถอะ สาวน้อยผู้น่ารำคาญ ทำไมเจ้าถึงสังเกตเห็นข้าได้ในเมื่อเจ้าบอกว่าลมหายใจของข้าถูกซ่อนไว้อย่างดีแล้ว ครั้งที่แล้วหัวหน้าอัศวินโชคดีที่เขาใช้เวทย์นำทางพอดีจึงพบข้าเข้า แต่เจ้า ทำไมเจ้าถึงพบข้าได้? ” คามิลล์พูดจบก็ลุกขึ้นไปหยิบกาน้ำชามาเติมลงในถ้วยของแคลร์ จากนั้นเขาก็วางกาน้ำชาแล้วนั่งกลับลงไป
วัลโดกระตุก เขาสงสัยว่าผู้ชายตรงหน้ามีหลายบุคลิกหรือไม่? เขาสามารถสร้างภาพลักษณ์อีกแบบและปากก็พูดอีกแบบหนึ่งได้ เขาสงสัยว่าถ้าหญิงสาวและเด็กผู้หญิงในเมืองหลวงที่หลงใหลในตัวคามิลล์ได้มาเห็นนักวิชาการที่อ่อนโยนและมีน้ำใจเป็นเช่นนี้จริงๆ พวกนางจะสบายใจหรือไม่
“ท่านช่วยตอบคำถามข้าก่อนที่ข้าจะตอบท่านได้หรือไม่? ” แคลร์ยังมีข้อสงสัยในใจและต้องการยืนยันสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง
“มีอะไรที่อยากจะพูด ก็เชิญพูดออกมาได้เลย! ” คามิลล์พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนจนแคลร์ก็รู้สึกหนาวสั่นเล็กน้อย มันรู้สึกแปลกเกินไป
“ใครคือนายจ้างของท่าน? ” แคลร์ขมวดคิ้วและถาม “องค์ชายใหญ่หรือ? “
คามิลล์เหล่ตาเล็กน้อย แต่คำตอบของเขาทำให้แคลร์ประหลาดใจ
“ที่จริงเราต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบทางธุรกิจและไม่สามารถเปิดเผยได้ว่านายจ้างคือใคร” ในเวลานี้คามิลล์ดูสุภาพอีกครั้งพลางจิบชาไปด้วย “ความจริงแล้วอีกฝ่ายไม่อยากให้ข้ารู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร แต่ข้าอยากรู้จึงไปสืบดูเอง”
แคลร์มองชายตรงหน้านาง ทันใดนั้นนางก็เข้าใจว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านางเป็นผู้ชายที่มีนิสัยแย่อย่างแน่นอน นักฆ่าไปสืบหาข้อมูลของนายจ้างเนี่ยนะ โดยปกติแล้วนักฆ่าทำงานเพื่อเงินโดยไม่ถามอะไร แต่ผู้ชายคนนี้กลับไปหาว่านายจ้างคือใครกันแน่
“ไม่ใช่องค์ชายใหญ่หรือ? ” แคลร์ถามอย่างไม่แน่ใจพลางมองคามิลล์ที่กำลังยิ้ม
“คนปกติก็คิดเช่นนั้น องค์ชายสองถูกลอบสังหาร ดังนั้นองค์ชายอีกคนต้องเป็นคนทำเช่นนั้น” คามิลล์ยิ้มอย่างสุภาพอีกครั้ง เขาดูสง่างามและมีเสน่ห์
แต่แคลร์คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย นี่มันหมาป่าในคราบลูกแกะ!
“แสดงว่าไม่ใช่องค์ชายใหญ่” แคลร์ถามยืนยัน
“ถูกต้องแล้วไม่ใช่องค์ชายใหญ่” คามิลล์เหล่ไปที่แคลร์และพูดเบาๆ “เจ้าบอกข้ามาก่อนว่าเจอข้าได้อย่างไร แล้วข้าจะบอกเจ้าว่านายจ้างของข้าคือใคร ข่าวนี้จะไม่ทำให้เจ้าเสียเปรียบแน่นอน”
“ท่านอย่ายิ้มอย่างสุภาพและสง่างามแล้วพ่นพิษออกมาเหมือนงูพิษเช่นนี้ได้หรือไม่? ” แคลร์ทักท้วง ชายผู้นี้แปลกมากจนนางทนไม่ได้
“ไม่ ถ้าเจ้าไม่ได้ไปที่วังแล้วทำลายงานของข้า ชื่อเสียงนักฆ่าอันดับหนึ่งของข้าก็คงจะไม่ถูกทำลายเช่นนี้ เจ้ามันแย่” ใบหน้าของคามิลล์ยังคงมีรอยยิ้มอ่อนโยนที่มีเสน่ห์ แต่คำพูดที่ออกจากปากช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
วัลโดทรุดลงเล็กน้อย คนผู้นี้สุดๆ ไปเลยจริงๆ! สามารถพูดคำที่ร้ายกาจที่สุดในโลกด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลที่สุดได้ คนแบบนี้คือสุดๆ ไปเลยไม่ใช่หรือ? ใครจะเป็นศัตรูกับเขาได้ล่ะ? ใครจะหยุดเขาได้?
แคลร์มองคามิลล์ที่กำลังยิ้มอย่างอ่อนโยนและกระตุกมุมปากเล็กน้อยแล้วพูด “งั้นข้าขอบอกว่าในบรรดานักฆ่านั้น ท่านยอดเยี่ยมมาก ท่านคือราชาแห่งนักฆ่า ซ่อนลมหายใจไว้อย่างสมบูรณ์ เชี่ยวชาญการเคลื่อนไหวของอากาศร่างกายสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการปกปิดตัวตนของนักฆ่าแล้ว จนถึงตอนนี้ข้าเคยเห็นท่านคนเดียวเท่านั้นที่ทำได้สมบูรณ์แบบเช่นนี้”
“ฮ่าๆ ขอบคุณสำหรับคำชมเชยข้า ข้าชอบฟังสิ่งนี้” คามิลล์ประคองใบหน้าของเขาด้วยมือและพิงพนักแขนโซฟาข้างๆ แล้วพูดด้วยสีหน้าพอใจ
“หลงตัวเองตามคาด ว่าแต่แคลร์ เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขารักแต่ตัวเองเท่านั้น? ” วัลโดถามอย่างชื่นชมแต่ก็รังเกียจไปพร้อมๆ กัน
แคลร์เงียบ “…”
“ว่ายังไง เจ้าเป็นใคร? ” คามิลล์ถามพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อยดูเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างได้
“อะไรนะ? ” ถึงคราวที่แคลร์จะอึ้งบ้าง
“อย่าแกล้งโง่ไปเลย… คิดสิ ก่อนที่ข้าจะเดินเข้าไปในห้องหนังสืออย่างหล่อเหลาเพื่อสอนเจ้า ข้าเตรียมใจไว้แล้วว่าจะต้องโดนเจ้าระราน ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะไม่สนใจข้าอย่างที่ข้าคิด คิดว่าข้าจะเชื่อหรือว่าเจ้าเป็นหญิงบ้าผู้ชายผู้นั้น? “คามิลล์หัวเราะเยาะเย้ยหยัน
“คำถามนี้เอาไว้พูดกันตอนหลัง” แคลร์เริ่ม “ความงามของท่านหาใครในโลกเปรียนได้ เรามาคุยกันเรื่องเพราะเหตุใดทำไมท่านถึงถูกข้าค้นพบได้”
“อืม แบบนี้ค่อยฟังดูรื่นหูหน่อย” คามิลล์กลับมามีท่าทางที่สง่างามเหมือนเมื่อครู่อีกครั้ง
“ข้าไม่ได้ค้นพบท่านเพราะการเคลื่อนที่ของอากาศหรอก แต่ข้ารับรู้จากวัตถุทั้งหมดโดยรอบ จู่ๆ ก็มีวัตถุเพิ่มเติมปรากฏขึ้นมาและมันยังคงเคลื่อนที่อย่างช้าๆ ด้วย เช่นนี้ข้าจะหาท่านไม่เจอได้อย่างไร?”
“เช่นนี้น่ะหรือ? ทำไมเจ้าถึงรับรู้วัตถุรอบตัวได้ล่ะ? อย่าหลอกข้าเรื่องเวทมนตร์ นักเวทย์เป็นพวกงี่เง่าที่สุด หากข้าเข้าหาพวกเขาเงียบๆ ได้ก็จัดการได้แล้ว ไม่มีเวลาให้ท่องคาถาใดๆ หรอก แต่นักรบสิอาจจะหยิบอาวุธขึ้นมาได้ทัน “คามิลล์พูดอย่างเหยียดหยาม
“อันนี้ ข้าไม่รู้จะบอกท่านยังไงดี ข้าเข้าใจในศิลปะของนักฆ่า จากนั้นข้าก็ผสมผสานมันเข้ากับพลังเวทย์และพลังยุทธ์ที่ข้าได้เรียนรู้มา” แคลร์พูดความจริงเพียงครึ่งเดียว
“อย่างนั้นหรือ?” คามิลล์งงและไม่แน่ใจ
“ใช่ ข้าบอกท่านทุกอย่างแล้ว ทีนี้ท่านก็บอกข้าเกี่ยวกับนายจ้างของท่านมาเถอะ ” แคลร์เร่ง
“นายจ้างคือจักรพรรดิ” คามิลล์พูดอย่างไม่สนใจ
“อะไรนะ? ” แคลร์และวัลโดอุทานพร้อมกัน จักรพรรดิ? จักรพรรดิจะจ้างนักฆ่ามาลอบสังหารองค์ชายสองได้อย่างไร?
“เหตุใดจักรพรรดิจึงต้องจ้างท่านให้ลอบสังหารองค์ชายสองล่ะ?” แคลร์ขมวดคิ้วและคาดเดา “เป็นเพราะพระองค์ต้องการทายาทเพียงคนเดียว ดังนั้นจึงจะกำจัดคนที่เขาไม่พอใจและเหลือไว้แค่คนที่พอใจงั้นหรือ?”
“คนปกติก็คงคิดกันเช่นนั้น” คามิลล์พูดออกมาอีกครั้ง
หรือว่า?! สีหน้าของแคลร์เปลี่ยนไปเล็กน้อย หากเป็นดังที่นางเดาได้ แสดงว่าจักรพรรดินั้นน่ากลัวและโหดเ**้ยมมาก
“จักรพรรดิของเราไม่ได้ไร้พิษภัยและเรียบง่ายอย่างที่เห็นภายนอกหรอก” คามิลล์ลุกขึ้น “น้ำเย็นแล้ว ข้าจะไปเปลี่ยนเป็นน้ำร้อนก่อน”
“จักรพรรดิกำลังรอให้เสือทั้งสองต่อสู้กัน และจากนั้นก็จะเลือกผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดมาเป็นผู้สืบทอดของเขา” แคลร์รู้สึกหนาวสั่นเล็กน้อยในใจ หมายความว่า! นี่คือวิธีการของราชาหรือ?
“เจ้าไม่ได้โง่ จักรพรรดิต้องการให้องค์ชายทั้งสองเริ่มการต่อสู้กันโดยเร็วที่สุด เขากำลังจะเลือกรัชทายาทตอนนี้” คามิลล์ยิ้มแล้วถอนหายใจอย่างอึดอัด “นายจ้างยังมีข้อตกลงกับข้าอีกว่า ถ้าสองครั้งยังทำไม่สำเร็จ ก็ไม่จำเป็นต้องดำเนินการไป และยังจะจ่ายเงินให้ข้า แต่ชื่อเสียงของข้ากลับถูกเจ้าทำลายไปแล้ว”
แคลร์หน้าเสียไปเล็กน้อย
ถ้าอย่างนั้นท่านแม่ล่ะ? จะเกี่ยวข้องหรือไม่
เจ้าหญิงแมริสและองค์ชายสองเกิดมาจากฮองเฮาองค์ปัจจุบันและทั้งสองก็มีความสัมพันธ์ที่ดีมาก ตอนนี้ท่านแม่ก็เป็นสาวใช้ขององค์หญิงแมริสแล้วจะต้องไปเกี่ยวพันกับเรื่องนี้ด้วยหรือไม่?
หรือว่า! แคลร์ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของนางซีดเล็กน้อย หรือว่าองค์ชายสองและองค์หญิงแมริสเตรียมพร้อมที่จะทำสงครามกับองค์ชายใหญ่แล้ว และใช้ท่านแม่ของพวกนางเป็นเครื่องต่อรองเพื่อให้ตระกูลฮิลล์เข้าข้างฝั่งของพวกเขา?!
เป็นเช่นนี้หรือ? จะเป็นเช่นนี้หรือ?
แคลร์เริ่มวิตกกังวลเล็กน้อย ผู้หญิงที่อ่อนโยนและใจดีคนแรกที่ทำให้นางรู้สึกอบอุ่นในโลกนี้ แคลร์จะต้องไม่ปล่อยให้นางได้รับอันตรายใดๆ เด็ดขาด
“อาจารย์ ข้าจะต้องไปแล้ว ข้ามีอะไรต้องทำ” แคลร์เริ่มไม่สบายใจเมื่อนึกถึงเรื่องนี้และรีบเดินออกไปทันที
“อืม จะไปแล้วหรือ? ไม่นั่งต่ออีกหน่อยหรือ?” คามิลล์วางกาน้ำชาลงและถามอย่างสุภาพ
“ไม่นั่งต่อแล้วล่ะ ต่อไปถ้าข้ามีงาน ข้าจะมาหาท่าน แล้วก็จะแนะนำงานให้ท่านอาจารย์ด้วย” แคลร์พูดอย่างกังวลและกำลังจะรีบไป
“เจ้าต้องจ่ายสองเท่าของราคาคนอื่นนะ เจ้าตัวร้าย เจ้าทำลายชื่อเสียงของข้า” เสียงอ่อนโยนอย่างน่าประหลาดใจของคามิลล์ลอยมา
“ถ้าอาจารย์ไม่บอกคนอื่น ใครจะรู้ว่าท่านเป็นผู้ทำการลอบสังหารครั้งนี้ล่ะ? ใครจะรู้ว่าท่านล้มเหลวในการลอบสังหารถึงสองครั้ง? ถ้าท่านไม่บอก ข้าไม่บอก จักรพรรดิไม่มีทางบอก ใครจะรู้ได้? ข้าจะเก็บเป็นความลับ ท่านต้องให้ส่วนลดกับข้า 20% นะ” แคลร์เดินไปที่ประตูและหันหน้ามาพูด จากนั้นนางก็เปิดประตูและออกไปโดยไม่รอให้คามิลล์ตอบ
“ใช่ ข้าไม่พูด เจ้าไม่พูด จักรพรรดิก็ยิ่งไม่พูด ใครจะรู้ล่ะ? เหอะๆ ไม่เลวๆ หญิงสาวผู้นี้ถือว่ายังมีจุดที่น่ารักอยู่บ้าง” สีหน้าของคามิลล์ดีขึ้นพร้อมรอยยิ้มอันอ่อนโยนที่เป็นเอกลักษณ์ เขาเตรียมอาบน้ำและเข้านอนด้วยความพอใจแล้ว
แคลร์เข้าไปในรถม้า หลับตาเอนพิงรถม้า และสั่งให้จินเหยียนบอกให้คนขับรถม้าเพื่อมุ่งหน้ากลับบ้าน
“คุณหนู มีเรื่องไม่สบายใจหรือครับ? ” จินเหยียนถามเบาๆ
……………………………………………………………………………..