เสน่ห์คมดาบ - ตอนที่ 91
“ข้าสาบานไว้ว่าจะอยู่และตายไปพร้อมกับเมืองนี้!” เจ้าเมืองยังคงหันมองไปยังทะเลอันกว้างใหญ่เบื้องหน้า และพูดประโยคนี้อย่างแน่วแน่
“ท่านเจ้าเมือง!” ทหารองครักษ์ส่วนตัวสองคนที่อยู่ข้างๆ อุทานด้วยความตื่นตระหนก ทันทีและพยายามเกลี้ยกล่อม “ท่านเจ้าเมือง ท่านอพยพทุกคนออกไปแล้ว ท่านจะอยู่ที่นี่ตามลำพังได้อย่างไร ถ้าต้านทานไม่ได้จริงๆ ก็หนีออกไปก่อนชั่วคราวเถอะนะครับ”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดอะไร สิ่งที่ข้าตัดสินใจแล้วจะไม่มีวัน เปลี่ยนแปลงเด็ดขาด!” ท่าเจ้าเมืองมองคลื่นขนาดใหญ่ข้างหน้าอย่างแน่วแน่ไม่ขยับไปไหน
“โฮก… ” ทันใดนั้นเสียงที่ดังก้องไปทั่วท้องฟ้าก็ทะลุแก้วหูของทุกคน เรียกความสนใจของพวกเขา ให้หันไปดู
“ไม่ดีแล้วครับ ท่านเจ้าเมือง เจ้าสัตว์เวทย์ทะเลกำลังจะโจมตี ท่านเจ้าเมืองโปรดหลบ ไปก่อนเถอะครับ” นักเวทย์ที่อ่อนแอรีบวิ่งเข้ามาและเตือนอย่างร้อนใจ
“ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะ ไปพร้อมกับพวกเจ้า ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น” ท่านเจ้าเมืองไม่ขยับแม้แต่น้อย แต่กลับยืนขึ้นที่ขอบกำแพงเมืองและจ้องไปที่สัตว์เวทย์ทะเลที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พร้อมกับคลื่นมหึมานั้น
“โฮก…”
“อ๋าๆ…”
“อูๆ…”
สัตว์เวทย์ทะเลนับไม่ถ้วนเคลื่อนตัวอยู่บนเกลียวคลื่นและค่อยๆ ใกล้เข้ามา คลื่นยักษ์กระทบฐานของ กำแพงเมืองจนทำให้กำแพงสั่นสะเทือน
ท่านเจ้าเมืองขมวดคิ้ว หันไปเพื่อจะบอกให้แคลร์และพวกออกไป แต่เขาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นแคลร์ดึงคันธนูที่หลังออกมาและดึงสายธนูออกโดยไม่มีลูกศรบนคันธนูนั้น แต่หญิงสาวก็ดึงสายธนูอย่างเต็มที่
“ชิ่ว…” เสียงยาวทะลุอากาศดังเข้าหูทุกคน ลูกศรเปลวไฟพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว พุ่งเข้าใส่สัตว์เวทย์ทะเลที่กำลังใกล้เข้ามาด้วยความว่องไว และจากนั้นก็ระเบิดออก สัตว์เวทย์ทะเลที่ถูกโจมตีส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดและจมลงไปในน้ำ
นั่นมันคือลูกศรเวทย์!
เหล่านักเวทย์ที่ยืนอยู่บนกำแพงเมืองต่างก็ร้องอุทานออกมา ท่านเจ้าเมืองก็ตกใจเล็กน้อยเช่นกัน เขาไม่คาดคิดว่าเด็กสาวธรรมดาๆ ผู้นี้จะใช้ธนูเวทย์ อีกทั้งพลังของนางก็ไม่น้อยเลยทีเดียว องครักษ์ส่วนตัวสองคนข้างๆ ท่านเจ้าเมืองก็ประหลาดใจไปเช่นกัน
แต่ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะสู้กับสัตว์เวทย์ทะเลด้วยสิ่งนี้ได้
ท่านเจ้าเมืองขมวดคิ้ว เขาอยากจะขอบคุณคนกลุ่มนี้ก่อนที่จะให้พวก เขาอพยพออกไป แต่เขาก็ต้องตกใจกับภาพที่อยู่ตรงหน้า เขามองกลุ่มคนเหล่านี้ ด้วยความงุนงง ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้เลย
เฉียวฉู่ซินที่ปกติดูบอบบางอ่อนโยนและดูขี้อาย ในตอนนี้นางดูเย็นชาและค่อยๆ ถอดคันธนูและลูกศรที่ด้านหลังของนางออกมา ดวงตาของนางเย็นชาไม่ได้พูดอะไร และ เล็งไปที่สัตว์เวทย์ทะเล ลูกศร ยิง ถูกสัตว์ทะเลที่ ส่งเสียงกรีดร้องแล้วหายลงน้ำไป ธนูและลูกศรของเฉียวฉู่ซินเป็นธนูเวทย์ ที่ยิง สายฟ้าออกมา! น้ำสามารถนำไฟฟ้าได้ ดังนั้นพวกเขาคาดเดาได้เลยว่าว่าสัตว์เวทย์ทะเลตัวนั้นและสัตว์เวทย์ทะเลที่อยู่ใกล้ๆ ที่ถูกยิงด้วยธนูของเฉียวฉู่ซินจะเป็นอย่างไร
ซัมเมอร์มองเฉียวฉู่ซินที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นคนละคน นาง อ้าปากค้างและไม่สามารถพูดอะไรได้อีก
เบนหรี่ตาและ ใช้เวทย์มนตร์ที่งดงามและร้ายแรงโจมตีลงไปในคลื่นต่อเนื่อง ทุกครั้งที่เวทมนตร์โจมตีเข้าไป น้ำทะเลก็จะเดือดจนทำให้ สัตว์เวทย์ทะเล ดำลงไปในน้ำเพื่อหลบหนี ยิ่งโจมตีมากขึ้นเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น
นักเวทย์ที่อ่อนล้าเหล่านั้นต่างตกตะลึงเมื่อเห็นวิธีการและความถี่ในการใช้เวทมนตร์ของเบน มันช่างรวดเร็ว! โจมตีได้กว้าง! โดย ที่สีหน้าของเขาไม่มีอาการใดๆเลย!
นี่เขาอยู่ในระดับพลังขั้นไหนกันถึงสามารถทำเช่นนี้ได้?!
คามิลล์ยิ้มและมองสถานการณ์ตรงหน้าเขา เขากัน น้ำ ทะเลสาดใส่ไว้อย่างสง่างามด้วยร่มกันแดดขนาดเล็กที่ไม่รู้ว่าเอามาจากที่ไหน ร่างกายของทุกคนถูกน้ำสาดไม่มากก็น้อย แต่คามิลล์ยังคงสะอาดเหมือนเดิม
วัลโดไม่กล้า ใช้เวทมนตร์แห่งความมืด แต่ก็แสร้งใช้เวทมนตร์ธรรมดาสองสามอย่างไปด้วยซึ่งก็ยังทำให้ผู้คนบนกำแพงประหลาดใจ กลุ่มทหารรับจ้างเล็กๆ นี้มีนักเวทย์ถึงสองคนเลย! แถมคนหนึ่งยังมีระดับเวทย์ เหนือกว่าทุกคนที่อยู่ บนกำแพงนี้อีก! นอกจากนี้ยังมีเด็กผู้หญิงสองคนที่ใช้ธนูและลูกศรเวทย์ด้วย! แล้วความสามารถของคนอื่นๆ ล่ะ?
“ครืน … ” เสียงคลื่นยักษ์ซัดเข้ากำแพงเมืองอยู่อย่างนั้น คลื่นขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยความรุนแรงกำลังจะถล่มเข้าใส่ เด็กสาวที่ใช้ลูกศรเปลวไฟจนจมน้ำ แต่ชายหนุ่มที่ดูเหมือนนักรบข้างๆ หญิงสาวก็ก้าวไปข้างหน้า เขาชักดาบ ออกมาอย่างไม่แยแสและส่งเสียงต่ำ พลังยุทธ์สีม่วงกระจายไปและคลื่นขนาดใหญ่ก็ถูกแยกออกด้วยพลังยุทธ์อันน่าสะพรึงกลัวนี้ จากนั้นน้ำก็ระเหยหายไปในทันที หญิงสาวไม่ได้มีน้ำสักหยด บนร่างกายของนางเลย จากนั้นชายหนุ่มก็ถอยไปข้างหลังหญิงสาวผู้นั้นตามเดิมด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
พลังยุทธ์สีม่วง?! องรักษ์สองคนข้างๆ ท่านเจ้าเมืองมองจินเหยียนด้วยความงุนงง แต่ไม่สามารถมีปฏิกิริยาอะไรได้ กลุ่มทหารรับจ้างเล็กๆ ที่ดูไม่โดดเด่นกลุ่มนี้มีนักรบเช่นนี้ด้วย แถมยังเป็นนักรบที่มีความแข็งแกร่งระดับนักดาบผู้ยิ่งใหญ่?! นี่เรื่องตลกอะไรกัน!
เสียงระเบิดของลูกศรเวทย์และเสียงโหยหวนของสัตว์เวทย์ทะเลผสมปนเปกันและดังก้อง ไปไกลจนทำให้ผู้คนหวาดกลัว
หลังจากเวลาสักพักใหญ่ คามิลล์เริ่มหาวอยู่ในร่มกันแดดขนาดเล็กนั้น ในที่สุดเสียงกรีดร้องอันยาวนานก็ดังมาจากฐานของกำแพงเมือง
สัตว์เวทย์ทะเลถอยแล้ว!
ท่านเจ้าเมืองมองฉากตรงหน้าด้วยความงุนงง แทบไม่เชื่อสายตาของเขาเอง สัตว์เวทย์ทะเลถอยออกไปเช่นนี้หรือ? เขาทำทุกอย่างที่เตรียมมาแล้วก็ไม่เป็นผล แต่ตอนนี้สัตว์เวทย์ทะเลกลับถอยไปอย่าง ง่ายดายเช่นนี้?
องครักษ์สองคนที่อยู่ถัดจากเจ้าเมืองก็ มีท่าทีเหลือเชื่อเช่นกัน สายตาของพวกเขาที่มองแคลร์และกลุ่มแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ความรังเกียจในตอนแรกเริ่มเปลี่ยนเป็นความชื่นชมและความประหลาดใจแล้วในตอนนี้
นักเวทย์หมดแรงและนั่งลงบนพื้นโดยไม่คำนึงถึงภาพลักษณ์ของพวกเขาและ มองไปที่แคลร์และพวกด้วยความขอบคุณ หากแคลร์และพวกมาถึงไม่ทันเวลาในวันนี้ เกรงว่าพวกเขาจะตายในทะเลไปแล้ว โดยเฉพาะชายชุดดำที่มีพละกำลังที่น่ากลัวนั้น หลังจากที่เขาร่ายคาถาที่ทรงพลังไปมากมาย แต่เขาก็ยังดูผ่อนคลายอยู่เลย
“ขอบคุณทุกคนสำหรับความช่วยเหลือในการขับไล่สัตว์เวทย์ทะเลที่บ้าคลั่งออกไปได้ ในนามของพลเมืองทั้งหมดของเมือง ข้าขอขอบคุณ… ข้ายังไม่ได้รู้ชื่อของพวกเจ้าเลย” เจ้าเมืองถามด้วยความเหนื่อยล้าแต่ก็เกรงใจ
“ข้าชื่อไป๋เสี่ยวเยว่ หัวหน้าหน่วยทหารรับจ้างหยวนเป่า นี่คือรองหัวหน้าคามิลล์ของพวกเรา…” แคลร์หันไปแนะนำสมาชิก นางแนะนำรองหัวหน้าก่อน ทุกคนจ้องไปที่คามิลล์ คามิลล์ยังคงถือร่มกันแดดคันน้อยอยู่เลย!
คามิลล์วางร่มกันแดดลงอย่างสง่างามและยิ้มให้กับเจ้าเมือง “ท่านเจ้าเมือง ในฐานะพลเมืองของอาณาจักรนี้ กลุ่มทหารรับจ้างหยวนเป่าของเราจึงมีหน้าที่ช่วยเหลือเมื่ออาณาจักรตกอยู่ในอันตราย ”
“ฮ่าๆ รองหัวหน้าเป็นผู้มีเกียรติจริงๆ…” เจ้าเมืองยิ้มอย่างไม่เต็มใจเล็กน้อย ตั้งแต่ต้นจนจบ ดูเหมือนรองหัวหน้า จะไม่ขยับตัวเลย เขาถือร่มกันแดดเพื่อกันไม่ให้น้ำทะเลกระเซ็นโดนเขาใช่หรือไม่? ตอนนี้มาได้ยินคำพูดเหล่านี้จากปากของเขา มันช่างขัดกันจริงๆ เลย… องครักษ์สองคนที่อยู่ถัดจากท่านเจ้าเมืองก็แสดงสายตาดูถูกเช่นกัน ในดวงตาของพวกเขา คามิลล์ถูกแบ่งแยกออกไป แคลร์แนะนำสมาชิกของกลุ่มทหารรับจ้างและสองพี่น้องตระกูลหลี่ที่เป็นนายจ้าง ระหว่างนั้นท่านเจ้าเมืองก็ขอบคุณอยู่ตลอด
“สัตว์เวทย์ทะเลคงจะถอยกลับไปแค่ชั่วคราวเท่านั้น” แคลร์ยืนอยู่ข้างกำแพงเมือง นางมองผิวน้ำทะเลที่เงียบสงบและพูดเช่นนั้น
“ข้าหวังว่าเมืองของเราจะได้รับการช่วยเหลือก่อนที่สัตว์เวทย์ทะเลจะเริ่มการโจมตีครั้งต่อไป” ท่านเจ้าเมืองดูเคร่งขรึมและกังวล
แคลร์มองท้องทะเลอันกว้างใหญ่โดยไม่พูดอะไรราวกับว่านางกำลังคิดอะไรบางอย่าง
หลี่หมิงหยู่และหลี่เยว่เหวินไม่ได้ขยับหรือพูดอะไรตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ในตอนท้ายพวกเขาสบตากันและทั้งคู่ก็เห็นอารมณ์ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ในดวงตาของกันและกัน
“ข้ามีคำขอที่หวังว่าทุกคนจะเห็นด้วย” ใบหน้าของเจ้าเมืองมีความลำบากใจและพูดกับแคลร์เบาๆ
“เราจะอยู่ช่วยจนกว่าการช่วยเหลือจะมาถึง” แคลร์เข้าใจสิ่งที่เจ้าเมืองต้องการจะพูดและรีบพูดออกไปก่อนทันที นอกจากนี้พวกเขาเองก็ต้องรออยู่ที่นี่จนกว่าทะเลจะสงบ เช่นกัน เป็นไปไม่ได้ที่จะออกทะเลไปในตอนนี้
“เยี่ยมมากเลย ตอนนี้พวกเจ้าโปรดตามข้าไปพักผ่อนที่คฤหาสน์ก่อนดีหรือไม่?” เจ้าเมืองพูดด้วยความยินดี
แคลร์พยักหน้าเบาๆ และพาทุกคนไปพร้อมกับเจ้าเมือง ก่อนจะลงจากกำแพงเมืองแคลร์มองท้องทะเลอันกว้างใหญ่ นางได้ยินเสียงคำรามของสัตว์เวทย์ทะเลจากที่ไกลๆ แคลร์ขมวดคิ้วเล็กน้อยสงสัยว่านางคิดไปเอง หรือเปล่า นางรู้สึกว่ามีความเศร้า ความโกรธ และความกังวลในเสียงคำรามเหล่านั้น
จากนั้นแคลร์และพวกก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเจ้าเมือง แต่ก็เป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากเจ้าเมืองได้ไล่คนส่วนใหญ่ในคฤหาสน์ของเจ้าเมืองให้หนีไป การปรุงอาหารจึง ทำโดยพ่อบ้านที่เจ้าเมืองไล่อย่างไรก็ไม่ยอมไป
กลางดึก ลมทะเลพัดอยู่ตลอด ทั้งเมืองเงียบสงบ ชาวบ้านบางคนที่ไม่อยากออกจากบ้านเกิดของตน เมื่อพวกเขาได้ยินว่าสัตว์เวทย์ทะเลไปแล้ว จึงพากันกลับมา
แคลร์ยืนเงียบๆ อยู่ริมทางเดินสัมผัสได้ถึงลมทะเลเค็มๆ แล้วมองออกไปไกลๆ
“แคลร์ ทำไมเจ้าไม่เข้านอนล่ะ? ระวังจะเป็นหวัดนะ” น้ำเสียงที่อ่อนโยนของคามิลล์ที่แทบจะทำให้คนอาเจียนเป็นเลือดออกมา แคลร์ฟังอย่างไรก็รู้สึกอึดอัด
“อาจารย์ก็ไม่ได้นอนเหมือนกันนี่” แคลร์พูด
“เจอแล้วหรือ?” คามิลล์หรี่ตาและโน้มตัวไปข้างหน้าพร้อมรอยยิ้ม
“อืม” แคลร์พยักหน้า รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับการรับรู้ของคามิลล์
เขาค้นพบมันด้วยหรือ?
คามิลล์เงยหน้าขึ้นและมองไปไกลๆ ใบหน้าของเขายังคงมีรอยยิ้มที่อ่อนโยนไม่เปลี่ยนแปลง น้ำเสียงของเขาก็ยังคงอ่อนโยนมาก “สัตว์เวทย์ทะเลเหล่านั้นดูเหมือนกำลัง หาอะไรบางอย่างอยู่นะ”
“ใช่ ข้าไม่ได้ฟังผิด สัตว์เวทย์ทะเลเหล่านั้นกังวลมาก” แคลร์พิงเสาและพูดเบาๆ “แต่เดิมสัตว์เวทย์ทะเลเป็นสิ่งมีชีวิตใน ภูมิภาคนี้ หากไม่ไปทำให้พวกมันโกรธ พวกมันก็จะไม่มาโจมตีง่ายๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการทิ้งน่านน้ำที่พวกมันอาศัยและขึ้นมาโจมตีแผ่นดินเลย”
“เพียงแต่ สัตว์เวทย์ทะเลพวกนั้นกำลัง หาอะไรล่ะ?” คามิลล์ถามเบาๆ พลางปัดผมที่หน้าผาก
“ท่านแค่ไปถามสัตว์เวทย์ทะเลดูก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ?” แคลร์พูดอย่างสบายๆ แต่ก็คิดคำถามนี้อยู่ในใจเช่นกัน ต้องมีสิ่งที่สัตว์เวทย์ทะเลกำลัง หาอยู่ในเมืองนี้ มิฉะนั้นสัตว์เวทย์ทะเลจะไม่โจมตีเมืองอย่างดุเดือดเช่นนี้หรอก
………………………………………………………………………………
“ข้าสาบานที่จะอยู่และตายไปพร้อมกับเมืองนี้!” เจ้าเมืองยังหันหน้ามองไปยังด้านหน้าที่ไร้ขอบเขตและพูดประโยคนี้อย่างแน่วแน่และเฉียบขาด
“ท่านเจ้าเมือง!” ทหารองครักษ์ส่วนตัวสองคนที่อยู่ข้างๆเขาอุทานอย่างไม่พอใจทันทีและพวกเขาก็ยุ่งอยู่กับการเกลี้ยกล่อม “ท่านเจ้าเมือง ท่านอพยพทุกคนออกไปแล้ว ท่านจะอยู่ที่นี่ด้วยตัวเองได้อย่างไร ถ้าต้านทานไม่ได้จริงๆ ก็หนีออกไปก่อนชั่วคราวเถอะนะครับ”
“ไม่จำเป็นต้องพูด ข้อเท็จจริงที่ข้าตัดสินใจแล้วจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง!” ท่านเจ้าเมืองมองอย่างแน่วแน่ที่คลื่นขนาดใหญ่ข้างหน้าไม่ขยับไปไหน
“โฮก… ” ทันใดนั้นเสียงที่ดังก้องไปทั่วท้องฟ้าก็ทะลุแก้วหูของทุกคน ดึงดูดความสนใจของทุกคนได้
“ไม่ดีแล้วครับ ท่านเจ้าเมือง เจ้าสัตว์ทะเลกำลังจะโจมตี ท่านเจ้าเมืองโปรดเลี่ยงมันไปก่อนเถอะครับ” นักเวทย์ที่อ่อนแอรีบวิ่งเข้ามาและเตือนอย่างร้อนใจ
“ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะก้าวไปพร้อมกับพวกเจ้า ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น” ท่านเจ้าเมืองไม่ขยับแม้แต่น้อย แต่ยืนขึ้นที่ขอบกำแพงเมือง และจ้องมองไปที่สัตว์เวทย์ทะเลที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และคลื่นมหึมานั้น
“โฮก…”
“อ๋าๆ…”
“อูๆ…”
สัตว์เวทย์ทะเลนับไม่ถ้วนกลิ้งตัวขี่บนเกลียวคลื่นและค่อยๆเข้ามาใกล้ คลื่นยักษ์กระทบใต้กำแพงเมืองทำให้สั่นสะเทือน
ท่านเจ้าเมืองขมวดคิ้ว หันไปเพื่อจะให้แคลร์และพรรคพวกออกไป แต่ต้องตกใจเมื่อเห็นแคลร์ดึงคันธนูที่หลังของนางและดึงสายธนูออก ไม่มีลูกศรบนคันธนู แต่หญิงสาวก็ดึงสายธนูเต็มที่
“ชิ่ว…” เสียงยาวทะลุอากาศดังเข้าหูทุกคน ลูกศรเปลวไฟพุ่งออกมาอย่างรวดเร็วแล้วพุ่งเข้าใส่สัตว์ทะเลที่กำลังใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็วจากนั้นก็ระเบิดออก สัตว์ทะเลที่ถูกโจมตีส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดและกลิ้งลงไปในน้ำ
มันคือลูกศรเวทย์!
เหล่านักเวทย์ที่ยืนอยู่บนกำแพงเมืองก็ร้องอุทานออกมา ท่านเจ้าเมืองก็ตกใจเล็กน้อยเช่นกัน เขาไม่คาดคิดว่าเด็กสาวผู้ต่ำต้อยผู้นี้จะใช้ธนูเวทย์มนต์และพลังก็ไม่น้อยเลย องครักษ์ส่วนตัวสองคนข้างๆท่านเจ้าเมืองก็ประหลาดใจเล็กน้อยไปเช่นกัน
แต่สิ่งนี้มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสู้กับสัตว์เวทย์ทะเล
ท่านเจ้าเมืองขมวดคิ้วและอยากจะขอบคุณก่อนที่จะให้กลุ่มคนที่อยู่ตรงหน้าเขาอพยพออกไป แต่ก็ต้องตกใจกับภาพที่อยู่ตรงหน้า เขามองไปที่กลุ่มคนตรงหน้าด้วยความงุนงงไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้สักคำ
เฉียวฉู่ซินที่บอบบางและอ่อนโยนดูขี้อายนั้นในตอนนี้นางดูเย็นชาและค่อยๆถอดคันธนูและลูกศรที่ด้านหลังของนางออกมา ดวงตาของนางเย็นชาและก็ไม่ได้พูดอะไร นางเล็งไปที่สัตว์เวทย์ทะเล ลูกศรหนึ่งลูกและสัตว์ทะเลที่ถูกยิงก็ส่งเสียงกรีดร้องแล้วหายลงน้ำไป ธนูและลูกศรของเฉียวฉู่ซินเป็นธนูวิเศษจริงๆ คันธนูและลูกศรที่เขายิงมีคุณสมบัติของสายฟ้า! และน้ำสามารถนำไฟฟ้าได้ สามารถคาดเดาได้เลยว่าว่าสัตว์เวทย์ทะเลนั้นและสัตว์เวทย์ทะเลที่อยู่ใกล้ๆ ที่ถูกยิงด้วยธนูของเฉียวฉู่ซินจะเป็นอย่างไร
ซัมเมอร์มองตรงไปที่เฉียวฉู่ซินที่เปลี่ยนแปลงไปและอ้าปากค้างไม่สามารถพูดอะไรได้
เบนหรี่ตา สุ่มใช้เวทย์มนตร์ที่งดงามและร้ายแรงโจมตีลงไปในคลื่นบ่อยๆ ทุกครั้งที่เวทมนตร์โจมตีเข้าไปน้ำก็จะเดือดและสัตว์เวทย์ทะเลก็จะค่อยๆดำลงไปในน้ำเพื่อหลบ เบนเริ่มสนใจมากขึ้นเมื่อเขาโจมตีไปเขาก็มีความสุขไปด้วย
นักเวทย์ที่อ่อนล้าเหล่านั้นต่างตกตะลึงเมื่อเห็นวิธีและความถี่ในการใช้เวทมนตร์ของเบน ทันทีทันใด! โจมตีได้กว้าง! สีหน้าไม่มีอาการใดๆเลย!
นี่เขาอยู่ในระดับพลังขั้นไหนกันที่สามารถทำเช่นนี้ได้?!
คามิลล์ยิ้มและมองไปที่สถานการณ์ตรงหน้า เขากั้นทะเลไว้อย่างสง่างามด้วยร่มกันแดดขนาดเล็กที่ไม่รู้ว่าเอามาจากที่ไหน ร่างกายของทุกคนถูกสาดน้ำไม่มากก็น้อย แต่คามิลล์ยังคงสะอาดเหมือนเดิม
วัลโดรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ใช้เวทมนตร์แห่งความมืด แต่ก็แสร้งใช้เวทมนตร์ธรรมดาสองสามอย่าง ซึ่งทำให้ผู้คนบนกำแพงประหลาดใจ กลุ่มทหารรับจ้างเล็กๆ นี้มีนักเวทย์ถึงยสองคน้ลย! และความสำเร็จของหนึ่งในนั้นก็เหนือกว่าใครทุกคนในบรรดาพวกเขาบนกำแพงนี้เลย! นอกจากนี้ยังมีเด็กผู้หญิงสองคนที่ใช้ธนูวิเศษและลูกศรเวทย์! แล้วความสามารถของคนอื่นล่ะ?
“คลื่น…” เสียงคลื่นยักษ์ซัดเข้ากำแพงเมืองอยู่อย่างนั้น คลื่นขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยความรุนแรงกำลังจะทำให้เด็กสาวที่ใช้ลูกศรเปลวไฟจมน้ำตาย ชายหนุ่มที่ดูเหมือนนักรบข้างๆหญิงสาวก้าวไปข้างหน้าเบาๆ ชักดาบของเขาออกมาอย่างไม่แยแสและส่งเสียงต่ำ พลังยุทธ์สีม่วงกระจายและคลื่นขนาดใหญ่ก็ถูกแยกออกด้วยพลังยุทธ์อันน่าสะพรึงกลัวนี้ จากนั้นก็ระเหยหายไปในทันที หญิงสาวไม่ได้รับการกระทบใดๆ บนร่างกายของนางเลย แล้วชายหนุ่มถอยไปข้างหลังหญิงสาวผู้นั้นด้วยสีหน้าสงบ
พลังยุทธ์สีม่วง?! องรักษ์สองคนข้างๆท่านเจ้าเมืองมองไปที่จินเหยียนด้วยความงุนงง แต่ก็ไม่สามารถมีปฏิกิริยาอะไรได้ ในขณะที่กลุ่มทหารรับจ้างเล็กๆ ที่ไม่เด่นกลุ่มนี้มีนักรบเช่นนี้ แล้วเป็นนักรบที่มีความแข็งแกร่งของนักดาบผู้ยิ่งใหญ่ด้วย?! นี่เรื่องตลกอะไรกัน!
เสียงระเบิดของลูกศรเวทย์และเสียงโหยหวนของสัตว์ทะเลผสมกันกระจายไปไกลจนทำให้ผู้คนหวาดกลัว
ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหน คามิลล์เริ่มหาวอยู่ร่มกันแดดขนาดเล็กนั้น ในที่สุดเสียงกรีดร้องอันยาวนานก็ดังมาจากใต้กำแพงเมือง
สัตว์เวทย์ทะเลถอยแล้ว!
ท่านเจ้าเมืองมองไปที่ฉากตรงหน้าด้วยความงุนงง แต่ก็ยังแทบไม่เชื่อสายตา สัตว์เวทย์ทะเลเพิ่งถอยออกไปเช่นนี้หรือ? เขาทำทุกอย่างที่เตรียมมาแล้ว แต่ตอนนี้สัตว์เวทย์ทะเลกลับถอยกลับอย่างเรียบง่ายเช่นนี้?
องครักษ์สองคนที่อยู่ถัดจากเจ้าเมืองก็ดูไม่เหลือเชื่อเช่นกัน แต่สายตาของพวกเขาที่มองไปที่แคลร์และกลุ่มแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง ความรังเกียจในตอนเริ่มแรกเปลี่ยนเป็นความชื่นชมและความประหลาดใจในตอนนี้
นักเวทย์หมดแรงและนั่งลงบนพื้นโดยไม่คำนึงถึงภาพลักษณ์ของพวกเขา พวกเขาทุกคนมองไปที่แคลร์และพรรคพวกด้วยความขอบคุณ หากแคลร์และคนอื่นๆ มาถึงไม่ทันเวลาในวันนี้เกรงว่าพวกเขาจะตายในทะเลไปแล้ว โดยเฉพาะชายชุดดำที่มีพละกำลังที่น่ากลัวนั้น หลังจากร่ายเวทมนตร์ที่ทรงพลังมากมายแต่ก็ยังดูผ่อนคลายอยู่เลย
“ขอบคุณทุกคนสำหรับความช่วยเหลือ ที่ขับไล่สัตว์เวทย์ทะเลที่บ้าคลั่งออกไปได้ ในนามของพลเมืองทั้งหมดของเมือง ข้าขอขอบคุณ ข้ายังไม่ได้รู้ชื่อของเจ้าเลย” เจ้าเมืองถามด้วยความเหนื่อยล้าแต่ก็เกรงใจ
“ข้าชื่อไป๋เสี่ยวเยว่หัวหน้าหน่วยทหารรับจ้างหยวนเป่า นี่คือรองหัวหน้าคามิลล์ของพวกเรา……” แคลร์หันไปแนะนำสมาชิก นางแนะนำรองหัวหน้าก่อน ทุกคนจ้องไปที่คามิลล์ คามิลล์ยังคงถือร่มกันแดดคันน้อยอยู่!
คามิลล์วางร่มกันแดดลงอย่างสง่างามและยิ้มให้กับเจ้าเมืองด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา “ท่านเจ้าเมือง กลุ่มทหารรับจ้างหยวนเป่าของเราสามารถได้มีส่วนร่วมในฐานะพลเมืองได้เมื่ออาณาจักรตกอยู่ในอันตรายมันสมควรแล้ว เป็นหน้าที่ที่ต้องช่วยเหลือกัน”
“ฮ่าๆ รองหัวหน้าเป็นผู้มีเกียรติจริงๆ…” เจ้าเมืองยิ้มอย่างไม่เต็มใจเล็กน้อย ตั้งแต่ต้นจนจบรองหัวหน้าดูเหมือนจะไม่ขยับเลยเขาถือร่มกันแดดเพื่อไม่ให้น้ำทะเลกระเซ็นโดนเขาใช่หรือไม่? ตอนนี้ที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้จากปากของเขา มันจริงๆ เลย…ดวงตาขององครักษ์สองคนที่อยู่ถัดจากท่านเจ้าเมืองก็แสดงสายตาดูถูกเช่นกัน ภายใต้ดวงตาของพวกเขา คามิลล์ถูกแบ่งแยกออกไปเลย แคลร์แนะนำสมาชิกของกลุ่มทหารรับจ้างและสองพี่น้องหลี่ที่เป็นนายจ้าง ท่านเจ้าเมืองก็ขอบคุณอยู่ตลอดเลย
“สัตว์เวทย์ทะเลคงจะถอยกลับชั่วคราวเท่านั้น” แคลร์ยืนอยู่ข้างกำแพงเมือง มองผิวน้ำทะเลที่เงียบสงบและพูดเช่นนั้น
“ข้าหวังว่าจะได้รับการช่วยเหลือก่อนที่สัตว์เวทย์ทะเลจะเริ่มการโจมตีครั้งต่อไป” ท่านเจ้าเมืองดูเคร่งขรึมและกังวล
แคลร์มองไปที่ท้องทะเลอันกว้างใหญ่โดยไม่พูดเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง
หลี่หมิงหยู่และหลี่เยว่เหวินไม่ได้ขยับหรือพูดอะไรตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ในตอนท้ายพวกเขาสบตากันและทั้งคู่ก็เห็นอารมณ์ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ในดวงตาของกันและกัน
“ข้ามีคำขอที่หวังว่าทุกคนจะเห็นด้วย” ใบหน้าของเจ้าเมืองมีร่องรอยของความลำบากใจและพูดกับแคลร์เบาๆ
“เราจะช่วยไว้จนกว่าการช่วยเหลือจะมาถึง” แคลร์เข้าใจสิ่งที่เจ้าเมืองต้องการจะพูดและรีบพูดออกไปก่อน นอกจากนี้พวกเขาก็ต้องรอที่นี่เพื่อออกทะเลอย่างสงบด้วย ตอนนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะออกไป
“เยี่ยมมากเลย ตอนนี้โปรดตามข้าไปที่คฤหาสน์เพื่อพักผ่อนดีหรือไม่?” เจ้าเมืองพูดด้วยความยินดี
แคลร์พยักหน้าเบาๆ และพาทุกคนไปพร้อมกับเจ้าเมือง ก่อนจะลงจากกำแพงเมืองแคลร์มองไปที่ท้องทะเลอันกว้างใหญ่ ได้ยินเสียงคำรามของสัตว์เวทย์ทะเลในระยะไกล แคลร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย สงสัยว่ามันเป็นภาพลวงตาของนางหรือเปล่า นางรู้สึกว่ามีความเศร้า ความโกรธและความกังวลในเสียงคำรามเหล่านั้น
จากนั้นแคลร์และพรรคพวกก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเจ้าเมือง เป็นธรรมดา ความเป็นมิตรนี้ก็มีจำกัด เช่นกัน เพราะว่าเจ้าเมืองได้ไล่คนส่วนใหญ่ในคฤหาสน์ของเจ้าเมืองไปแล้ว การปรุงอาหารจึงทำโดยพ่อบ้านที่เจ้าเมืองไม่สามารถให้ออกไปได้
กลางดึก ลมทะเลพัดตลอด ทั้งเมืองเงียบลง ชาวบ้านบางคนที่ไม่ต้องการออกจากบ้านเกิดของตนได้ยินว่าสัตว์เวทย์ทะเลไปแล้วจึงกลับมา
แคลร์ยืนเงียบๆ อยู่ริมทางเดินสัมผัสได้ถึงลมทะเลเค็มๆ แล้วมองออกไปไกลๆ
“แคลร์ ทำไมเจ้าไม่เข้านอนล่ะ? ระวังจะเป็นหวัดนะ” น้ำเสียงที่อ่อนโยนของคามิลล์ที่แทบจะทำให้คนอาเจียนเป็นเลือดออกมา ฟังอย่างไรก็อึดอัด
“อาจารย์ก็ไม่ได้นอนเหมือนกันนี่” แคลร์พูด
“เจอแล้วหรือ?” คามิลล์หรี่ตาและโน้มตัวไปข้างหน้าพร้อมรอยยิ้ม
“อืม” แคลร์พยักหน้า แต่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับการรับรู้ของคามิลล์
เขาค้นพบมันด้วยหรือ?
คามิลล์เงยหน้าขึ้นและมองไปไกลๆ ใบหน้าของเขายังคงมีรอยยิ้มที่อ่อนโยนไม่เปลี่ยนแปลง น้ำเสียงของเขาก็อ่อนโยนมาก “สัตว์เวทย์ทะเลเหล่านั้นดูเหมือนกำลังมองหาอะไรบางอย่าง”
“ใช่ ข้าไม่ได้ฟังผิด สัตว์เวทย์ทะเลเหล่านั้นกังวลมาก” แคลร์พิงเสาและพูดเบาๆ “แต่เดิมสัตว์เวทย์ทะเลเป็นสิ่งมีชีวิตระดับภูมิภาค ไม่ไปทำให้พวกมันโกรธ พวกมันจะไม่โจมตีง่ายๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการทิ้งน่านน้ำที่พวกมันอาศัยและโจมตีแผ่นดินเลย”
“เพียงแต่ สัตว์ทะเลพวกนั้นกำลังมองหาอะไรกันแน่?” คามิลล์ถามเบาๆ พลางปัดผมที่หน้าผาก
“ท่านไปถามสัตว์เวทย์ทะเลก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ” แคลร์พูดอย่างสบายๆ แต่ก็คิดคำถามนี้อยู่ในใจเช่นกัน ต้องมีสิ่งที่สัตว์เวทย์ทะเลกำลังมองหาในเมืองนี้ มิฉะนั้นสัตว์เวทย์ทะเลจะไม่โจมตีเมืองอย่างดุเดือดเช่นนี้หรอก
…………………………………………………………………………………….