เสน่ห์รักคุณหนูต่างสกุล - ตอนที่ 49 คำโกหก
หวังซีคิดอยู่ในใจอย่างรวดเร็ว ดวงหน้ายังคงสงบนิ่งดังเดิม เริ่มจากยิ้มอย่างกระดากอายก่อน กล่าวว่า ตอนมาข้าสวมปิ่นดอกไม้ที่ท่านย่ามอบให้เป็นของขวัญมาด้วยชิ้นหนึ่ง เป็นข้าที่เลินเล่อเกินไป ถึงหอนกกระจ้อยขับขานแล้วถึงค้นพบว่ามันหายไปแล้ว ข้าจึงเรียกสาวใช้สองคนมาตามหาด้วยกัน จากนั้นขมวดคิ้วมุ่น ท่าทางเป็นกังวลใจยิ่งนัก ข้าไปตามหาตามที่ที่พอจะนึกออกจนทั่วแล้ว แต่ก็หาไม่พบ พึมพำกล่าวเบาๆ อีกว่า ไม่รู้ว่าไปตกอยู่ที่ไหน
หางตาของนางแดงเล็กน้อย คล้ายผ่านการร้องไห้มาก่อน ดวงตาสุกใสเต็มไปด้วยความวิตกกังวล ประกอบกับดวงหน้างดงามปานบุปผานั่น ไม่รู้ว่าทุกข์ใจมากเพียงใด
สีหน้าของเป่าชิ่งจ่างกงจู่อบอุ่นขึ้นหลายส่วนอย่างห้ามไม่อยู่
หวังซีโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง ถือโอกาสขอความช่วยเหลือ จ่างกงจู่ ข้ามักจะแยกเหนือใต้ออกตกไม่ออก บัดนี้ก็ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน สาวใช้สองคนก็เดินพลัดหลงกัน ท่านช่วยตามหาสาวใช้ทั้งสองคนของข้าให้ข้าได้หรือไม่เจ้าคะ
นางราวกับไม่รู้สึกถึงความผิดปกติในสวนป่าเลยแม้แต่นิดเดียว ทิ้งความนึกคิดทั้งหมดไว้ที่ปิ่นปักผมกับสาวใช้ที่เดินพลัดหลงกัน
และนี่ก็คือหนึ่งในกลยุทธ์ของนาง
แสร้งทำให้สร้างตัวเองให้ดูสับสนและตระหนกตกใจ
เนื่องจากอยู่ในภาวะสับสนและตกใจ การไม่ได้สนใจต่อสิ่งรอบกายจึงเป็นเรื่องปกติธรรมดา
นางมองเป่าชิ่งจ่างกงจู่ นัยน์ตาเผยแววขอร้องวิงวอนออกมาหลายส่วน
เช่นนี้นี่เอง! สีหน้าของเป่าชิ่งจ่างกงจู่อบอุ่นมากยิ่งขึ้น นางใคร่ครวญครู่หนึ่ง ถึงกับหันไปสั่งการใต้เท้าจินว่า ซงชิง พวกเจ้าส่งคนไปช่วยนางหาสักหน่อย หลีกเลี่ยงมิให้สาวใช้สองคนนั้นเดินไปทั่ว ยิ่งเดินยิ่งไกล
หวังซีประหลาดใจเล็กน้อย
นางไม่คิดว่าเป่าชิ่งจ่างกงจู่จะเชื่อคำพูดของนางจริงๆ ยังให้ใต้เท้าจินช่วยเหลือด้วย
อย่างไรก็ตาม บางทีเป่าชิ่งจ่างกงจู่อาจมิได้เชื่อสิ่งที่นางพูด แต่อยากหาข้ออ้างหนึ่งไล่ใต้เท้าจินออกไป?
เนื่องจากในบรรดาคนที่อยู่ที่นี่ ตำแหน่งขุนนางของใต้เท้าจินต่ำที่สุด ไม่ว่าผู้ใดเขาก็ไม่อาจขัดใจได้
แต่นางเงียบก็ไม่ได้ หลบเลี่ยงออกไปก็ไม่ได้
นี่ถือว่าเป็นการขุดหลุมฝังตัวเองหรือไม่
หวังซีบังเกิดความขมขื่นอยู่ในใจ รีบแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรสักอย่างหันไปกล่าวขอบคุณเป่าชิ่งจ่างกงจู่
เป่าชิ่งจ่างกงจู่กล่าวเสียงอบอุ่นว่า ไม่เป็นไร! เด็กสาวนั้น อย่าตระหนกจนเกินเหตุเพียงเพราะพานพบกับปัญหาเรื่องหนึ่ง ต่อไปอย่าทำเช่นนี้อีกไม่ได้แล้ว
ไม่รู้ว่านางคิดเช่นนี้จริงๆ หรือว่ากำลังตำหนินางอยู่กันแน่
หวังซีดูไม่ออก ได้แต่ขานรับคำซ้ำๆ ขณะเงยหน้าขึ้นกลับเห็นดวงหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มของเฉินลั่ว
ลมหายใจนางสะดุด รู้สึกว่าถือโอกาสนี้ออกจากสนามอสูรนี้ไปให้เร็วดีกว่า
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม อยากรู้อยากเห็นมากเกินไปในเวลานี้อาจทำให้คนตายได้
นางย่อเข่าเล็กน้อย กำลังจะทำความเคารพเป่าชิ่งจ่างกงจู่แล้วจากไป ผู้ใดจะรู้ว่ากลับมีเสียงเริงร่าของบุรุษดังขึ้นมาจากด้านหลัง
เดินไปจากทางด้านนี้หรือ เจ้าเองก็รู้ ข้าไม่ค่อยได้มาเยี่ยมเยียนจวนเป่าชิ่งจ่างกงจู่เท่าไรนัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมาศาลากวางร้อง อยากไปเรือนดอกไม้ ยังต้องเดินตามเจ้าไป อย่างไรก็ตาม กลับมาพูดถึงเรื่องนี้อีกครั้ง เจ้าเคยมาศาลากวางร้องกี่ครั้งแล้ว?? เจ้าคงไม่ได้เดินผิดทางหรอกกระมัง พวกเราไม่เดินทางลัดได้หรือไม่ ข้าเกลียดการเดินทางลัดเป็นที่สุด สองข้างทางของทางลัดมักเต็มไปด้วยต้นไม้ดอกไม้ ถูกยุงกัดแล้วคันไปสามเดือนได้…
สายตาของทุกคนมองไปตามทิศทางของเสียงอย่างอดไม่อยู่
หวังซีเห็นปั๋วหมิงเย่ว์กับองค์ชายสี่
คนที่พูดอยู่คือปั๋วหมิงเย่ว์
เขาคงคิดไม่ถึงว่าในสวนป่าจะมีภาพเหตุการณ์เช่นนี้ อ้าปากกว้างร้อง อา ออกมาเสียงหนึ่ง ยืนสับสนงุนงงอยู่ตรงนั้น มองคนในสวนป่า แล้วก็มององค์ชายสี่ จากนั้นหันกลับไปมองทางที่เดินมา ถึงได้กล่าวขึ้นอย่างทึ่มทื่อว่า จ่าง…จ่างกงจู่ หลินหลาง พี่ชาย ใต้เท้าจิน เหตุใดพวกท่านเจ้าถึงอยู่ที่นี่ เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ
ปั๋วหมิงเย่ว์กล่าวจบ ก็หันไปมององค์ชายสี่อีกครั้ง
องค์ชายสี่เองก็ดูประหลาดใจมากเช่นกัน
สีหน้าของเขาที่เคยเยือกเย็นคล้ายกับถูกราดด้วยน้ำร้อนหนึ่งกระบวย สีหน้าดูสับสนงุนงงเล็กน้อย ทว่าถ้อยคำที่เปล่งออกมากลับชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง ท่านอาหญิง หลินหลาง เสด็จพี่รอง พี่ชายใหญ่นัดปั๋วหมิงเย่ว์ไปที่เรือนดอกไม้ บอกว่ามีของจะมอบให้ปั๋วหมิงเย่ว์ ปั๋วหมิงเย่ว์ไม่คุ้นกับจวนจ่างกงจู่ จึงลากข้ามาด้วย ข้าอยากพาปั๋วหมิงเย่ว์ไปถึงโดยเร็ว จึงเลือกใช้เส้นทางนี้
หวังซีอดปรายตามององค์ชายสี่อย่างรวดเร็วครั้งหนึ่งไม่ได้
องค์ชายสี่ท่านนี้ดูท่าทางเป็นคนเฉลียวฉลาดยิ่งนัก คนที่ยืนอยู่ตรงนี้ยังไม่ได้พูดอะไรเลยแม้แต่ประโยคเดียว เขาก็รีบดึงตัวเองออกมาก่อนแล้ว
ปั๋วหมิงเย่ว์ดูไม่ค่อยฉลาดสักเท่าไรนัก เขาได้ยินถ้อยคำขององค์ชายสี่แล้วยังพร่ำอยู่ตรงนั้นอีกว่า ใช่แล้ว! ใช่แล้ว! เฉินอิงนัดพวกข้ามา ข้าบอกแล้วว่าให้เดินเส้นทางหลัก แต่องค์ชายสี่บอกว่าเดินทางนี้เร็วกว่า คิดไม่ถึงว่าจะได้พบกับพวกท่านเจ้า จ่างกงจู่ ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ถึงว่าเมื่อครู่ตอนที่ซูเฟยเหนียงเหนียงเรียกพวกข้าไปพบนั้นท่านไม่อยู่ ตอนนั้นข้ายังถามฟู่หยางด้วยว่าท่านไปไหน ฟู่หยางเอาแต่สนใจจะเล่นกับเด็กสาวจากตระกูลซือผู้นั้น ถามอะไรก็บอกไม่รู้
ขณะที่เขากล่าว ยังยิ้มร่าก้าวออกมาทำความเคารพเป่าชิ่งจ่างกงจู่ด้วย กล่าวประจบประแจงอย่างชาญฉลาดว่า จ่างกงจู่ ถึงแม้ยังไม่ถึงเวลา แต่ได้พบท่านที่นี่ ข้าขออวยพรท่านล่วงหน้าสักครั้งหนึ่งก่อน ขอให้ท่านเป็นสุขเช่นวันนี้ทุกปี สำราญเช่นบัดนี้ทุกชันษา ประเดี๋ยวตอนกล่าวอวยพรอย่างเป็นทางการ ข้าค่อยโขกศีรษะให้ท่านอีกครั้ง
หวังซีไม่รู้ ทว่าคนอื่นๆ ในที่นี้กลับรู้ดี
เนื่องด้วยลูกศรดอกนั้นของเฉินลั่ว ปั๋วหมิงเย่ว์หวาดกลัวเฉินลั่วเป็นอย่างมาก ไม่เจอเขาได้ก็จะพยายามไม่เจอ เจอแล้วก็จะพยายามหลีกเลี่ยงเอาไว้เล็กน้อย ดังนั้นเขาก็เลยไม่ค่อยได้มาจวนจ่างกงจู่สักเท่าใดนัก และไม่ค่อยได้ไปจวนเจิ้นกั๋วกงด้วยเช่นกัน จึงไม่ค่อยได้ไปมาหาสู่กับเฉินอิงสักเท่าไร
เหตุใดจู่ๆ เฉินอิงถึงเรียกเขาไปที่เรือนดอกไม้
ทุกคนต่างไม่ได้พูดอะไร สีหน้าเป่าชิ่งจ่างกงจู่ดูแปลกใจเล็กน้อย
หวังซีมองแล้วอยากจะกระอักเลือดเหลือเกิน
ปั๋วหมิงเย่ว์ผู้นี้ ไม่แปลกที่ถูกเฉินลั่วยิงลูกธนูใส่
เขามาให้เร็วหรือช้ากว่านี้ก็ไม่ได้ นางกำลังจะหนีออกไปได้แล้ว เขากลับมาถึงพอดี
เวลานี้นางควรจะไปหรืออยู่ต่อดี?
ไป ก็ดูขัดจังหวะมากเกินไป ไม่ไป ยิ่งรู้มากก็ยิ่งสลัดตัวหนียากไม่ได้
ปั๋วหมิงเย่ว์ช่างควรค่ากับชื่อเสียงคุณชายน้อยที่ได้รับการตามใจของจวนโหวของพวกเขาจริงๆ เห็นทุกคนไม่พูดอะไร บรรยากาศเปลี่ยนเป็นหนักอึ้งเล็กน้อย ยังลูบศีรษะอย่างไม่เข้าใจ หัวเราะร่ากล่าวแก้สถานการณ์ให้ตัวเองว่า นี่เป็นอะไรกันหรือ เกิดเรื่องอะไรขึ้น ดวงตาเขากวาดไปมา อยู่ดีไม่ว่าดีทิ้งสายตาลงที่ร่างหวังซี จากนั้นดวงตาเขาเป็นประกาย นอกจากจับจ้องหวังซีไม่วางตาคล้ายค้นพบอะไรบางอย่างแล้ว ยังกล่าวขึ้นว่า เป่าชิ่งจ่างกงจู่ คุณหนูท่านนี้คือใครหรือ มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
หวังซีอยากทำตัวไร้ตัวตนก็ทำไม่ได้
นางอยากตบหน้าปั๋วหมิงเย่ว์สักฉาดเหลือเกิน ทว่าเวลานี้ได้แต่ทำเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรกล่าวแนะตำตัวครั้งหนึ่ง
กับเป่าชิ่งจ่างกงจู่ปั๋วหมิงเย่ว์ดูโง่งมคล้ายลาตัวหนึ่ง กับหวังซีกลับคล้ายตรัสรู้เฉลียวฉลาดขึ้นมาอย่างกะทันหัน ไม่เพียงฟังนางพูดอย่างตั้งใจ ยังยิ้มร่ากล่าวว่า เจ้ากับสาวใช้ของเจ้าเดินพลัดหลงกัน! แต่ก็ไม่น่าจะวิ่งมาถึงสวนป่านี่นา! ปกติเด็กสาวมักจะหวาดกลัวสวนป่าเล็กๆ มากมิใช่หรือ หากมีหนอนหรืออะไรโผล่ออกมาตัวหนึ่งคงวุ่นวายแน่! ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่คือศาลากวางร้อง เป็นลานบ้านของหลินหลาง ก่อนมาผู้อาวุโสในบ้านมิได้ย้ำกำชับเจ้าหรอกหรือว่ามีเรื่องอะไรให้ไปหาหมัวมัวที่เป็นแม่บ้าน?
เป่าชิ่งจ่างกงจู่ฟังแล้วขมวดคิ้วมุ่น สายตาที่มองหวังซีเจือความสงสัยเอาไว้หลายส่วน
หวังซีตัดสินใจ หากนางหนีออกจากสถานการณ์ย่ำแย่นี้ไปได้ จะต้องสั่งสอนปั๋วหมิงเย่ว์ดีๆ อย่างแน่นอน
อย่างที่ข้าได้กล่าวมา เวลานี้ นางจำต้องแสร้งอ่อนแอ ข้า…ข้ามาเข้าร่วมงานเลี้ยงเช่นนี้เป็นครั้งแรก กลัวพวกหมัวมัวจะตำหนิ…
กลัวพวกหมัวมัวตำหนิหรือ ปั๋วหมิงเย่ว์กัดนางไม่ปล่อย ย่นคิ้วขึ้นกล่าว กลัวพวกหมัวมัวตำหนิ นั่นก็ยิ่งไม่สมควรเพ่นพ่านอยู่ในจวนจ่างกงจู่ตามอำเภอใจ ต้องรู้ว่า วันนี้มีบุคคลชั้นสูงมาจากวังหลวงเป็นจำนวนมาก หากชนบุคคลสำคัญเข้า เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะไม่รู้ว่ามีผลลัพธ์อะไร
ปั๋วหมิงเย่ว์ผู้นี้หมายความว่าอย่างไรกันแน่
แน่นอนหวังซีมิได้คาดหวังว่าตัวเองแสร้งโง่งมแล้วจะขจัดสถานการณ์ที่ยุ่งเหยิงไปได้ แต่ปั๋วหมิงเย่ว์ผู้นี้ก็น่ารังเกียจเกินไปแล้ว
ตอนที่ปั๋วหมิงเย่ว์กำลังพูดอยู่นั้นนอกจากนางจะใช้สมองขบคิดอย่างรวดเร็วอีกครั้งแล้ว ยังสำรวจสีหน้าของทุกคนอย่างละเอียดถี่ถ้วนด้วย
ใต้เท้าจินมีสีหน้าไม่น่าดูคล้ายคนตายแล้ว เฉินลั่วหน้าเรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึก ก้มหน้าลง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ องค์ชายรองย่นคิ้วขึ้น ท่าทางไม่ค่อยพอใจนัก มีเพียงองค์ชายสี่ เงี่ยหูฟังคำพูดของปั๋วหมิงเย่ว์ นัยน์ตาเผยอาการครุ่นคิดออกมาให้เห็นเล็กน้อย
หวังซีไม่เข้าใจปั๋วหมิงเย่ว์
นางเองก็ไม่อาจรู้เจตนาที่แท้จริงของปั๋วหมิงเย่ว์จากคำพูดสั้นๆ เพียงไม่กี่ประโยคได้
แต่คนข้างกายปั๋วหมิงเย่ว์ย่อมเข้าใจเขาดี
ยกตัวอย่างเช่นองค์ชายสี่ที่มักจะถูกเขาลากไปเป็นเพื่อนด้วยเสมอ
นอกจากนี้เมื่อครู่องค์ชายสี่ยังเผยเชาวน์ปัญญาของตัวเองออกมาด้วย
บางทีอาจมีความหมายอะไรแฝงอยู่ในคำพูดของปั๋วหมิงเย่ว์?
บิดานางย้ำเตือนนางมากกว่าหนึ่งครั้งว่า ดูคนไม่อาจดูแค่ที่เปลือกนอก หาไม่เจ้าถูกขายแล้วยังอาจจะต้องช่วยอีกฝ่ายนับเงินด้วยก็เป็นได้
ปั๋วหมิงเย่ว์ผู้นั้นก็อาจจะเป็นคนที่ไม่อาจดูแค่เปลือกนอกผู้หนึ่งเช่นกัน?
คุณชายน้อยของจวนชิ่งอวิ๋นโหว เข้าออกวังหลวงประหนึ่งเข้าออกบ้านของตัวเอง เป็นหลานชายที่ฮ่องเฮาโปรดปรานที่สุด เป็นบุคคลสร้างอารมณ์ขันให้ฮ่องเต้ หรือว่าเป็นเพราะเขาไร้เดียงสาจริงๆ?
หวังซีเองก็เป็นบุคคลหนึ่งที่คลสร้างอารมณ์ขันให้ผู้อาวุโสเช่นกัน
แต่ผู้ใดกล้าบอกว่านางไร้เดียงสา?
หวังซียังคิดไม่ตก นางตัดสินใจประวิงเวลายื้อไปก่อน
ข้า ข้า… นางหมุนไปมาอย่างร้อนใจ ทำท่าทางไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีออกมา
ปั๋วหมิงเย่ว์เผยความภาคภูมิใจประมาณว่า เป็นอย่างที่ข้าคาดคิดเอาไว้จริงๆ ออกมา หันไปยิ้มยั่วเย้าเฉินลั่วอย่างเหนือกว่า
หวังซีลอบรู้สึกหวาดหวั่น
เหตุใดปั๋วหมิงเย่ว์ต้องยั่วยุเฉินลั่วด้วย
การที่เขาว่านางเช่นนี้เกี่ยวอะไรกับการดึงทึ้งเฉินลั่ว?
นางมองดวงหน้าสมบูรณ์แบบไร้ที่ติและ หล่อเหลาบีบคั้นผู้คนของเฉินลั่ว ชั่วเวลาสั้นๆ ดั่งแสงฟ้าแลบนั้น นางนึกถึงซือจูขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ได้
เฉินลั่วทำให้สาวน้อยอย่างซือจูกอดกระบอกเก็บลูกธนูของเขารออยู่กลางหิมะกว่าสองชั่วยามได้ ซือจูในเวลานั้นต้องหลงใหลในรูปลักษณ์ของเฉินลั่วมากเป็นแน่
จิงเฉิงมีสตรีชั้นสูงมากมายเพียงนี้ นอกจากซือจูแล้ว ต้องมีเด็กสาวแอบชอบเขาอีกเป็นจำนวนมากอย่างแน่นอน!
รวมถึงตัวนางเองด้วย เห็นเฉินลั่วตอนรำกระบี่ ยังประหลาดใจคิดว่าเป็นเทพเซียนมาจากสรวงสวรรค์
ถ้าหากเป็นเพราะนางชอบเฉินลั่ว จึงไล่ตามเฉินลั่วมา…ปัญหาทุกอย่างก็จะได้รับแก้ไขแล้วใช่หรือไม่
ยิ่งคิดหวังซีก็ยิ่งตื่นเต้น
เป็นใครก็ไม่กล้าไปไต่ถามผู้ตกอยู่ในห้วงรักให้มากความหรอกกระมัง
นอกจากนี้เด็กสาวเปลี่ยนง่าย เนื่องจากตกหลุมรักคนผู้หนึ่งจึงแสดงพฤติกรรมแปลกๆ ออกมาบ้าง ล้วนเป็นอะไรที่เป็นไปได้ทั้งนั้น!
หวังซีอยากปรบมือให้ตัวเองเล็กน้อย
แน่นอนว่าการทำเช่นนี้มีผลตามมาอยู่บ้าง
หากมีข่าวแพร่ออกไปชื่อเสียงคงดูไม่ค่อยดี
แต่ทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ ล้วนเป็นบุคคลที่คนปกติธรรมดาทั่วไปไม่มีโอกาสได้ติดต่อด้วยตลอดทั้งชีวิตด้วยซ้ำ อีกทั้งนางก็ไม่คิดจะแต่งมาที่จิงเฉิง ต่อให้อยากปล่อยแพร่ข่าวลือออกไป ก็ต้องมีคุณสมบัติได้ยินข่าวลือก่อนถึงจะปล่อยข่าวลือเป็นไปได้!
สมบูรณ์แบบ!
หวังซีรู้สึกว่าไม่มีข้ออ้างไหนดีกว่านี้แล้ว
แต่ขณะเดียวกันนางก็หวาดหวั่นเช่นกัน
ถ้าหากนี่เป็นแผนการของปั๋วหมิงเย่ว์จริง จะมีหลุมใหญ่กว่านี้รอนางอยู่อีกหรือไม่?
หวังซีหันไปมองปั๋วหมิงเย่ว์
นางมองเห็นความกังวลจากดวงตาของปั๋วหมิงเย่ว์
นางหันไปมององค์ชายสี่อีกครั้ง
องค์ชายสี่ดูลังเลใจเล็กน้อย
หวังซีอยากจะหัวเราะดังๆ เหลือเกิน เป็นครั้งแรกที่อยากขอบคุณพวกผู้ใหญ่อย่างเต็มหัวใจที่คอยอบรมสั่งสอนนางมาตลอดอย่างไม่ย่อท้อ ถึงทำให้นางมองสถานการณ์ออกในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ออกได้
ที่แท้ทุกคนล้วนรู้แล้วว่าตัวเองตกลงมาในหลุมกับดัก ต่างอยากปีนออกไป
เพียงแต่ไม่รู้ว่าเฉินเจวี๋ยและเฉินอิงที่สร้างแผนการเหล่านี้ขึ้นมาจะมีจุดจบอย่างไรบ้าง
หวังซีไม่ลังเลอีก
ยิ่งไปกว่านั้นนางคิดว่า ต่อให้ตนลังเล ปั๋วหมิงเย่ว์หรือไม่ก็องค์ชายสี่ย่อมจะผลักตนลงไปในหลุมของพวกเขาอย่างแน่นอน
แต่นางไม่อยากให้ปั๋วหมิงเย่ว์สะดวกสบายเกินไป
จะให้นางช่วย ปั๋วหมิงเย่ว์ก็ต้องออกค่าใช้จ่ายด้วยเล็กน้อยถึงจะใช้ได้
อย่าคิดว่านางเป็นลูกพลับอ่อน จะบีบเค้นตามใจชอบอย่างไรก็ได้
คุณ…คุณชายปั๋วหมายความว่าอย่างไรหรือ หวังซีกล่าวอย่างอ่อนแอ หันไปมององค์ชายสี่อย่างขอความช่วยเหลือ
หากนางดูไม่ผิด องค์ชายสี่เองก็มีความคิดนี้เช่นกัน
เช่นนั้นเขาก็อย่าได้คิดจะยืนดูสถานการณ์อยู่เฉยๆ เลย
นัยน์ตาขององค์ชายสี่มีแววตกตะลึงสายหนึ่งวาบผ่านอย่างรวดเร็ว
สายตาที่เขามองหวังซีดูให้ความสนใจมากขึ้นหลายส่วน
เขามองสำรวจหวังซี
หวังซีไม่หลบถอยให้เลยแม้แต่นิดเดียว มองเขาด้วยดวงตาที่บอกว่ามองไม่ผิดแน่
องค์ชายสี่ค่อยๆ เผยความประหลาดใจออกมา
ปั๋วหมิงเย่ว์ยังพยายามอยู่ตรงนั้น พูดพร่ำไม่หยุดว่า ข้าก็แค่สงสัยเล็กน้อยเท่านั้น ต่อให้เป็นการตามหาปิ่นปักผม ก็ควรจะพาคนมาเป็นเพื่อนด้วยสักคนหนึ่ง เจ้าแยกย้ายกันตามหาเช่นนี้ ดูแปลกนิดหน่อย
ขณะที่เขากำลังพยายามตั้งข้อสงสัยอย่างสุดกำลังอยู่นั้น เป่าชิ่งจ่างกงจู่เองก็เริ่มมองหวังซีด้วยสายตาสงสัยแล้วเช่นกัน
หวังซียังคงนิ่ง
จะให้นางออกแรง ก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนสักหน่อยกระมัง
ปั๋วหมิงเย่ว์ไม่จ่าย องค์ชายสี่ก็ไม่คิดจะจ่ายด้วยหรือ
องค์ชายสี่ก้มศีรษะลง มุมปากแย้มรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
เพียงแต่ว่าเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง รอยยิ้มนั่นก็หายไปไม่เหลือร่องรอยแล้ว
เขาหยุดปั๋วหมิงเย่ว์ เจ้าพูดให้น้อยลงสักสองประโยคเถอะ เรื่องราวเป็นมาอย่างไรกันแน่นั้น ย่อมมีจ่างกงจู่เป็นผู้ตัดสิน ไม่ถึงคราวของเจ้าต้องยื่นมือไปแทรกแซง ขณะที่กล่าว หันไปพยักหน้าน้อยๆ ที่แทบจะมองไม่เห็นให้หวังซี
นี่ก็เท่ากับเป็นการยอมรับแล้ว!
หวังซีแย้มยิ้มอยู่ในใจประหนึ่งดอกไม้บาน
องค์ชายสี่ท่านนี้ก็เป็นคนฉลาดยอดเยี่ยมผู้หนึ่ง
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนเขาไม่ยิ้มช่างน่ามองยิ่งนัก แม้นกล่าวว่าดูเหมือนน้ำแข็งสลักผู้หนึ่ง แต่น้ำเสียงยามพูดจากลับมิได้เย็นชา เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้อาจมิได้เป็นคนจิตใจเย็นชา ตรงกันข้าม เป็นปั๋วหมิงเย่ว์ที่เห็นผู้อื่นเป็นคนโง่เล็กน้อย
เป่าชิ่งจ่างกงจู่ดูคาดไม่ถึงเล็กน้อย
นางกล่าวกับใต้เท้าจินเสียงเคร่งว่า เจ้าไปตามหาสาวใช้สองคนของนางมา
หวังซีไม่อยากทำให้จ่างกงจู่ขุ่นเคือง
นางรีบแสร้งทำสีหน้าตกใจ กล่าวอย่างร้อนรนว่า จ่างกงจู่ ข้า…ข้ากำลังตามหาปิ่นปักผมที่ทำหล่นหายไปจริงๆ เพียงแต่ว่า…เพียงแต่ว่าเมื่อครู่ข้าเห็นคุณชายรอง ก็…ก็เลยวิ่งตามมา…ข้าไม่ได้หลอกลวงท่าน…
ขณะที่นางกล่าว ยังมองเฉินลั่วด้วยอาการขัดเขินครั้งหนึ่ง แก้มทั้งสองข้างเป็นก้อนเมฆสีชมพู
ราวกับเด็กสาวลุ่มหลงในรักผู้หนึ่ง มองเห็นชายหนุ่มที่ตกหลุมรัก
ไม่ต้องพูดถึงเป่าชิ่งจ่างกงจู่ แม้แต่เฉินลั่วและองค์ชายรอง ยังอ้าปากค้างจ้องมองนางอย่างตกตะลึงด้วยกันทั้งสิ้น
หวังซีก้มศีรษะลง บิดมืออย่างกระวนกระวาย
เป่าชิ่งจ่างกงจู่มองเฉินลั่วอย่างไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย แล้วก็มองหวังซีอีกครั้ง ถึงได้เอ่ยถามหวังซีว่า เจ้ารู้จักหลินหลาง?
รู้…รู้จักเจ้าค่ะ หวังซีคล้ายกับหน้าแดงมากยิ่งขึ้น คราก่อนอยู่ที่ร้านร้านขายยาเพื่อมวลชน ข้าเกือบจะลื่นล้ม คุณชายรองช่วยประคองข้าไว้…
…………………………………………………………………………………
ตอนต่อไป