เสน่ห์รักคุณหนูต่างสกุล - ตอนที่ 62 วัด
อาหารเจของวัดต้าเจวี๋ยไม่เสียชื่อจริงๆ ต่อให้เป็นคนที่กินมาแล้วทั่วทั้งเหนือใต้และในบ้านก็มีตำรับอาหารลับของตัวเองอย่างหวังซี ยังกล่าวชมลูกชิ้นเจทอดที่ใช้เต้าหู้เป็นส่วนประกอบหลัก รวมกับเห็ดหอม หัวไชเท้าและผักใบเขียวปั้นจนเป็นก้อนกลม นำไปทอดในน้ำมันร้อนจัดแล้วราดด้วยน้ำปรุงรสของพวกเขาไม่หยุดปาก
ลูกชิ้นเจกรอบนอกนุ่มใน น้ำปรุงรสเปรี้ยวๆ หวานๆ เป็นอาหารเรียกน้ำย่อยได้ดียิ่ง หวังซีกินไปห้าถึงหกลูกในคราวเดียว ยังกล่าวกับเฝิงเกาว่า กลับไปข้าจะลองทำดู ต้องทำได้เหมือนแปดถึงเก้าในสิบส่วนอย่างแน่นอน
เฝิงเกาหัวเราะฮ่าเสียงดัง นึกถึงตอนหวังซีเป็นเด็กขึ้นมา นายท่านผู้เฒ่าสกุลหวังไปชิมอาหารที่ภัตตาคารของผู้อื่น มักจะพาหวังซีที่ยังสูงไม่ถึงขอบโต๊ะไปด้วย เมื่อกลับถึงบ้านก็ถามนางว่ากับข้าวจานไหนอร่อยและเหตุใดถึงอร่อย หวังซีไม่เพียงตอบออกมาได้แปดถึงเก้าในสิบส่วนเท่านั้น ยังบอกได้ด้วยว่าอาหารนั้นใช้วัตถุดิบอะไรเป็นส่วนประกอบหลักอีกด้วย นายท่านผู้เฒ่าสกุลหวังกลับไปแล้ว ก็ทำออกมาได้จริงๆ
บัดนี้หวังซีจะใช้อุบายเดิมอีกแล้วหรือ
เขากล่าว ถ้าหากเจ้าของภัตตาคารเหล่านั้นรู้ ต้องไม่กล้าให้เจ้าไปกินข้าวที่ร้านของพวกเขาแล้วเป็นแน่
หวังซีหัวเราะร่า กล่าวว่า ข้าอยากเป็นเหมือนกับท่านปู่ของข้า เขียนตำราอาหารสักเล่มหนึ่ง
ท่านหมอเฝิงกับเฝิงเกาต่างประหลาดใจเล็กน้อย
หวังซีกล่าว ข้าสังเกตว่าตำราอาหารส่วนใหญ่ล้วนเป็นการบอกว่าอาหารรายการนี้ทำอย่างไร ไม่มีกฎแบบแผน ดูแล้วก็จำไม่ได้ ข้าอยากเขียนหนังสือสักเล่มที่ช่วยให้คนอยากทำอาหารแบบไหนก็ทำแบบนั้นได้ ยกตัวอย่างเช่น พริกแกงกลิ่นปลา[1]ต้องทำอย่างไร เมื่อทุกคนรู้วิธีทำแล้ว ก็จะทำหมูเส้นผัดพริกแกงกลิ่นปลา มะเขือม่วงผัดพริกแกงกลิ่นปลา เต้าหู้ผัดพริกแกงกลิ่นปลา และอาหารอื่นๆ ที่มีรสชาติของพริกแกงกลิ่นปลาได้ทุกอย่าง
ท่านหมอเฝิงได้ยินแล้วดวงตาเป็นประกาย
เขานึกถึงตัวอย่างยาที่เขารวบรวมเอาไว้ในช่วงหลายปีนี้ขึ้นมา พึมพำกล่าว หากเป็นเช่นนี้ ก็นำมาใช้กับศาสตร์ทางยาได้เช่นกันใช่หรือไม่ ไข้มีเสมหะกับไข้ขึ้นสูงต่างกันอย่างไร หวัดจากความชื้นกับหวัดจากลมหนาวมีอะไรไม่เหมือนกันบ้าง?
ทุกคนพลันพากันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการเขียนหนังสือขึ้นมา
ความวิตกกังวลและความไม่สบายใจก่อนเดินทางมาเหล่านั้นพลันมลายหายไปชั่วขณะ
ทำให้ผู้อื่นเห็นแล้วพวกเขายิ่งดูเหมือนคนมาเที่ยววัดต้าเจวี๋ยมากขึ้น
ระหว่างทางที่พระต้อนรับแขกผู้นั้นเดินนำพวกเขาไปเรือนปีกสถานที่ทำเครื่องหอมของเฉาอวิ๋นนั้นยังเชิญชวนพวกเขาอย่างอ้อมๆ ว่า อีกหนึ่งเดือนก็วันที่หกเดือนหกแล้ว คาดว่าท่านผู้เฒ่าท่านนี้ก็น่าจะเคยได้ยินมาก่อน วัดต้าเจวี๋ยของพวกข้าเป็นสถานที่เก็บรวบรวมพระสูตรเอาไว้ได้มากที่สุดในจิงเฉิง ในช่วงเวลานี้ของทุกปีที่วัดของพวกข้าจะนำหนังสือมาตากแดด จัดงานพิธีกรรมทางศาสนา ยังมอบพระสูตรเป็นของขวัญโดยไม่คิดเงินอีกด้วย บรรดาใต้เท้าของทั้งหกกรมในเมืองหลวงล้วนมาร่วมรื่นเริงด้วย หากท่านผู้เฒ่ามีเวลาว่าง มิสู้ลองมาดูสักหน่อย
ยังกล่าวอีกว่า จะว่าไปแล้วพระสูตรที่ทางวัดของพวกข้าแจกจ่ายให้เหล่านั้นก็มีที่มาที่ไป ก่อนฮ่องเต้ไท่จงขึ้นครองราชย์ ทรงเห็นนักเรียนจากครอบครัวยากจนเหล่านั้นเข้าเรียนด้วยความยากลำบาก เห็นว่าแทนที่วัดต้าเจวี๋ยจะแจกยาแจกโจ๊กเหมือนวัดอื่นๆ มิสู้เชิญนักเรียนเหล่านั้นมาช่วยคัดพระสูตร จากนั้นแจกจ่ายให้ผู้มาสักการะโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพราะฉะนั้นจึงกล่าวได้ว่าพระสูตรของวัดพวกข้าเป็นดังกระดาษสูงค่าของลั่วหยาง เป็นหนังสือที่หาได้ยากเล่มหนึ่ง…
…ท่านผู้เฒ่ามาคราวหน้า ซื้อกลับไปสักสองสามเล่มก็ได้ ถือเป็นการทำการกุศล
ท่านหมอเฝิงสวมชุดหลานซานตัวยาวสีดำ ประกอบกับร่างผอมดูสง่า ใครเห็นก็คิดว่าเป็นบัณฑิตผู้คงแก่เรียนท่านหนึ่ง จึงไม่แปลกที่พระต้อนรับแขกท่านนี้ต้องการเสนอขายพระสูตรของที่วัดให้เขา
หวังซีเม้มปากอมยิ้ม อยากสอบถามพระท่านนี้ดูเหลือเกินว่าพระสูตรราคาเล่มละเท่าไร
คิดดูแล้วคงมิใช่ราคาถูกๆ อย่างแน่นอน!
ท่านหมอเฝิงยิ้มแต่ไม่กล่าวสิ่งใด
พระต้อนรับแขกผู้นั้นเห็นแล้ว ก็ยิ่งรู้สึกไม่แน่ใจมากขึ้น
คนที่มาทำการนัดหมายกับวัดต้าเจวี๋ยคือพ่อบ้านรองของจวนชิ่งอวิ๋นโหว พ่อบ้านรองท่านนี้ดูแลเรื่องในเรือนชั้นในมาโดยตลอด เนื่องจากเป็นบ่าวสินเจ้าสาวของฮูหยินผู้เฒ่าจวนชิ่งอวิ๋นโหว ที่ผ่านมาจึงค่อนข้างหยาบคายและไร้เหตุผล บอกเพียงว่าให้เฉาอวิ๋นรอ โดยไม่ได้บอกว่าได้รับการไหว้วานจากเจ้านายท่านใดในจวนชิ่งอวิ๋นโหว และคนที่มาคือผู้ใด
ตอนนั้นเขายังคิดว่า เขาเป็นคนต้อนรับแขกอยู่ที่วัดต้าเจวี๋ยมาสามสิบกว่าปี ผู้มีอำนาจมากน้อยในจิงเฉิงนี้ต่อให้เขาไม่รู้จัก ก็พอจะผ่านตาคุ้นหน้าอยู่บ้าง ต่อให้เป็นขุนนางใหญ่ที่ไปรับราชการอยู่ชายแดน มองจากเสื้อผ้าการแต่งกายและคำพูดคำจา เขาก็มั่นใจว่าไม่น่าจำผิดคน
กระทั่งได้พบท่านหมอเฝิงและคนอื่นๆ แล้ว ไม่เพียงเป็นคนแปลกหน้าเท่านั้น ยังเป็นชายชราอายุหกสิบปีผู้หนึ่งที่ออกเดินทางอย่างเรียบง่ายโดยพาบ่าวไพร่ติดตามมาด้วยเพียงเจ็ดถึงแปดคน พร้อมกับเด็กหนุ่มอายุยี่สิบกว่าปีผู้หนึ่งที่ไม่รู้ว่าเป็นบุตรชายหรือหลานชาย และเด็กสาวเพิ่งถึงวัยปักปิ่นทว่าดูมั่งคั่งกดดันผู้คนอีกผู้หนึ่ง เป็นคนหนึ่งกลุ่มที่จะเรียกว่าเป็นพ่อบ้านก็ไม่เหมือนพ่อบ้าน จะว่าเป็นผู้อาวุโสในบ้านก็ไม่เหมือนผู้อาวุโสในบ้าน จนถึงบัดนี้เขาก็ยังไม่รู้แน่ชัดเลยว่าคนทั้งสามมีความสัมพันธ์กันอย่างไร
สานสัมพันธ์กับจวนชิ่งอวิ๋นโหวได้ และยังทำให้พ่อบ้านรองวิ่งมาด้วยตัวเองครั้งหนึ่งอีก…คงมิใช่ขุนนางมีอำนาจที่โผล่ออกมาใหม่จากที่ไหนหรอกกระมัง
พระต้อนรับแขกผู้นั้นยังขบคิดใคร่ครวญอยู่ในใจ คำพูดคำจาและกิริยามารยาทก็ยิ่งเคารพนอบน้อมมากขึ้น
ระหว่างพูดคุยไปด้วยนั้นทั้งสองสามคนก็เข้ามาถึงลานบ้านหลังหนึ่ง
ลานบ้านนี้ไม่ใหญ่ ประมาณครึ่งหมู่[2]เท่านั้น เรือนปีกอิฐสีเทาหลังคาสีขี้เถ้าขนาดสามห้อง ตรงมุมมีต้นอวี้หลาน[3]สูงใหญ่หนึ่งต้น ด้านข้างปลูกเครื่องเทศแต่ละอย่างแต่ละประเภทเอาไว้ คนไม่รู้อาจคิดว่าเป็นหญ้าขึ้นรกชัฏ รู้สึกว่าไม่ได้รับการดูแล
คาดว่าคนที่เคยเข้าใจผิดคงมิได้มีแค่คนเดียว
พอเข้ามาในลานบ้านพระต้อนรับแขกผู้นั้นก็กล่าวอธิบายยิ้มๆ ว่า พวกเจ้าอย่าดูถูกลานบ้านหลังนี้เชียว เครื่องหอมไป่เหอ เครื่องหอมจินและเครื่องหอมหยาที่ดีที่สุดของเฉาอวิ๋นล้วนได้วัตถุดิบมาจากที่นี่…
เฝิงเกาเป็นคนที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรดี พอเข้ามาเขาไม่เพียงเงี่ยหูตั้งใจฟัง สายตายังสอดส่องไปทั่วทุกที่อีกด้วย มีเพียงท่านหมอเฝิงเท่านั้น มองต้นพริกซื่อชวนสีเขียวและสีแดงสองต้นที่ปลูกเคียงกันตรงกำแพงแล้วดวงตาแดงก่ำ
นี่เป็นนิสัยของท่านอาจารย์ของเขา
ชอบปลูกต้นพริกซื่อชวนสีเขียวและสีแดงเอาไว้สองต้นตรงที่ปลูกเครื่องเทศ ผู้อื่นคิดว่าเพื่อนำมาใช้ทำเครื่องหอม แต่ความจริงแล้วเพียงเพื่อตอบสนองความต้องการเรื่องรสชาติอาหารที่ดีของท่านอาจารย์ของเขาเท่านั้น
แม้นยังมิได้พบหน้า ท่านหมอเฝิงก็รู้สึกได้รางๆ แล้วว่าเฉาอวิ๋นคือคนที่เขากำลังตามหา
เขากำมือแน่นอย่างอดไม่อยู่
ภายในห้องโถงของเรือนปีกที่ประตูเปิดกว้างเอาไว้นั้นกลับมีเสียงของบุรุษผู้หนึ่งที่หวังซีรู้สึกว่าคุ้นหูเล็กน้อยดังออกมา
ซึ่งก็หมายความว่า เครื่องหอมเหล่านี้ทำมาจากกฤษณา จันทน์ขาวและยางกำยานอย่างนั้นหรือ! เสียงของบุรุษผู้นั้นใสเหมือนน้ำในน้ำพุ เจือความเย็นและเฉยชาเอาไว้หลายส่วน กฤษณาและจันทน์ขาวนั้นข้ารู้ แต่ยางกำยานนี้มิใช่ยาหรอกหรือ นำมาใช้ในเครื่องหอมได้ด้วยหรือ นี่นับเป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินว่ายางกำยานนำมาใช้เป็นเครื่องหอมได้ มันเป็นกลิ่นเช่นไรหรือ
เสียงที่ตอบกลับเขาเป็นบุรุษเสียงแหบแห้งดุจฆ้องแตกผู้หนึ่ง เขาหัวเราะน้อยๆ พลางกล่าว ความจริงแล้วยางกำยานก็คือวัตถุดิบให้ความหอม เพียงแต่ว่าเมื่อนำไปใช้เป็นยาช่วยปรับเลือดลม ลดความเจ็บปวดขับสารพิษ รักษาการไหลเวียนของโลหิต อาการเจ็บปวดของหัวใจและช่องท้อง รวมถึงแผลอักเสบพุพองจากพิษได้ อีกทั้งมาจากแถบตะวันตกทางด้านโน้น หาได้ยากยิ่ง ราคาสูงยิ่งกว่าทองคำเสียอีก ทุกคนจึงใช้มันทำยาเป็นเสียส่วนใหญ่ มีน้อยนักที่จะใช้มันทำเครื่องหอมก็เท่านั้น
เสียงเย็นชานั่นกล่าวขึ้นว่า ที่นี่เจ้ายังมีอีกหรือไม่ ให้ข้าดูสักหน่อยว่ามันมีหน้าตาเป็นอย่างไร และมีกลิ่นเช่นไร?
เสียงแหบแห้งตอบ ได้
หวังซีอดเลิกคิ้วขึ้นไม่ได้
นี่มีคนมาตัดหน้าก่อนที่พวกนางจะมาถึง?
คงมิใช่คนที่นางรู้จักหรอกกระมัง
ถ้าหากใช่ แล้วเป็นผู้ใดกันนะ
นางหันไปมองพระต้อนรับแขกผู้นั้น
ดวงหน้าของพระต้อนรับแขกไร้ซึ่งสีเลือดไปแล้ว
เขารีบหันไปโค้งตัวต่ำให้ท่านหมอเฝิงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความละอาย กล่าวว่า ท่านผู้เฒ่ารอสักครู่ ข้าจะไปดูว่าผู้ใดอยู่ในเรือนปีกของเฉาอวิ๋น เรื่องนี้ท่านอย่าเพิ่งโมโห วัดต้าเจวี๋ยของพวกข้าต้องมีคำอธิบายให้ท่านอย่างแน่นอน
พระต้อนรับแขกเข้าเรือนปีกไปอย่างรีบร้อน จากนั้นหวังซีและคนอื่นๆ ก็ได้ยินเสียงร้องอย่างตกตะลึงของพระต้อนรับแขกผู้นั้นดังขึ้นมาว่า ใต้…ใต้เท้าเฉิน! มิใช่ คุณชายรองเฉิน
คนที่ผู้อื่นเรียกว่าใต้เท้าเฉิน อีกทั้งผู้อื่นยังเรียกว่าคุณชายรองเฉิน และยังมีเสียงที่คุ้นหูเล็กน้อยอีก นอกจากเฉินลั่วแล้วจะมีผู้ใดได้อีก
แต่เฉินลั่วมาทำอะไรที่นี่
เพื่อทำเครื่องหอมอย่างนั้นหรือ
เครื่องหอมรักษาความเจ็บป่วยและช่วยให้จิตใจสงบได้
หรือว่าเชิญท่านหมอเฝิงไม่ได้ ก็เลยเปลี่ยนความคิดไปใช้เครื่องหอมในการรักษา?
อย่างไรก็ตาม ไม่อาจพูดได้จริงๆ ว่าความคิดนี้ไม่ถูกต้อง
หลังจากที่ปู่ทวดของนางอายุมากแล้วก็มักจะนอนไม่ค่อยหลับ เครื่องหอมช่วยให้จิตใจสงบที่ท่านหมอเฝิงผสมให้ช่วยได้มากจริงๆ
หวังซีขยับเข้าหาท่านหมอเฝิงสองก้าว กระซิบกล่าวว่า เกรงว่าคงมาเพื่อคนป่วยท่านนั้นอีกแล้ว!
ท่านหมอเฝิงขมวดคิ้วมุ่น
เขาอายุมากแล้ว แต่เพราะศิษย์พี่ใหญ่คนที่นึกถึงเมื่อใดก็โกรธจนตัวสั่นผู้นั้น เขาถึงได้ยังตามหาจนถึงทุกวันนี้ นอกจากความเคยชินแล้ว ยังเป็นความหมกมุ่น ชื่อเสียงจอมปลอมเหล่านั้นเขาไม่สนใจมานานแล้ว หวังเพียงได้มีชีวิตอย่างสงบสุขอีกสักสองสามปี รวบรวมประวัติการรักษาที่เคยพานพบมาเป็นหนังสือสักเล่มหนึ่ง ทิ้งบทเรียนอันมีค่าไว้ให้คนรุ่นหลังบ้างเล็กน้อยก็พอ
เขาไม่อยากเข้าไปข้องเกี่ยวกับปัญหาแล้วจริงๆ
ท่านหมอเฝิงครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ว่าค่อยมาใหม่วันอื่นดีหรือไม่
หวังซีนึกถึงปิ่นดอกไม้ที่เฉินลั่วส่งคืนมาให้นางในวันเทศกาลแข่งเรือมังกรชิ้นนั้นขึ้นมา รู้สึกว่าการได้พบเฉินลั่วอาจเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งก็เป็นได้
นางกระซิบกล่าวกับท่านหมอเฝิงว่า พวกเราควรทำอะไรก็ทำอย่างนั้นต่อไปดีกว่ากระมัง หากพลาดโอกาสนี้ไป ก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสเช่นนี้อีกหรือไม่!
ท่านหมอเฝิงเองก็คิดว่าเขารอต่อไปไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นไม่อาจรอต่อไปได้อีกแล้ว
เสียงที่ตอบกลับมาเสียงนั้นมิใช่เสียงของศิษย์พี่ของเขา แต่ด้วยประสบการณ์การรักษาคนมายาวนานหลายปี เสียงของคนปกติทั่วไปไม่เป็นเช่นนี้ หากมิใช่เพราะป่วยจนกล่องเสียงเสียหาย ก็เป็นเพราะจงใจรมควันให้กล่องเสียงเสียหรือไม่ก็ใช้ยาทำให้เสีย
พวกเราเข้าไปดูกัน! ท่านหมอเฝิงตัดสินใจได้แล้วก็เด็ดเดี่ยวแน่วแน่ขึ้นมา
เขายกเท้าเดินไปในเรือนปีก
ภายในเรือนปีกกระซิบกระซาบกัน ไม่รู้ว่าพูดอะไรกันบ้าง หวังซีเดินไปได้สองสามก้าวก็เจอกับพระต้อนรับแขกที่พาพวกเขามาผู้นั้นเดินออกมาจากเรือนปีก
ขออภัยด้วย ขออภัยด้วย! เขาประสานมือคำนับหวังซีและคนอื่นๆ เป็นการขออภัย กล่าวเสียงดังว่า ใต้เท้าเฉินผู้บังคับบัญชาสูงสุดกองพลม้าทะยานมาจุดธูปที่วัดต้าเจวี๋ยกะทันหันและเดินมาถึงที่นี่โดยไม่รู้ตัว เห็นเฉาอวิ๋นจัดเครื่องเทศเหล่านี้อยู่ที่นี่ รู้สึกสนใจยิ่งก็เลยเดินเข้ามาดู
ขณะที่เขากล่าวอยู่นั้น ก็ลดเสียงลงมาอย่างกะทันหัน กระซิบกล่าวด้วยน้ำเสียงเจือการเตือนว่า เขาคือบุตรชายของเป่าชิ่งจ่างกงจู่ คุณชายรองจวนเจิ้นกั๋วกง
ความหมายโดยนัยก็คือคนผู้นี้นั้น พวกเขาและหวังซีที่ใช้ป้ายชื่อของจวนชิ่งอวิ๋นโหวล้วนไม่อาจทำให้เขาขุ่นเคืองใจได้ ฉะนั้นอย่าได้พร่ำบ่น จะให้ดีที่สุดคือให้ยอมรับคำแนะนำเสีย
ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็กล่าวเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง หาได้ยากยิ่งที่ทุกคนได้มาพบกัน ได้พบกันแล้วก็ถือเป็นวาสนา เนื่องจากท่านผู้เฒ่ามาเพื่อขอคำแนะนำเรื่องผสมเครื่องหอม คาดว่าก็น่าจะคุ้นเคยกับพวกเครื่องเทศไม่น้อย จากที่เฉาอวิ๋นไต้ซือกล่าวมา ลานบ้านแห่งนี้ปลูกเครื่องเทศเอาไว้สามร้อยกว่าชนิด เครื่องเทศที่ใช้ผสมเครื่องหอมนั้นล้วนหาได้จากที่นี่ทั้งสิ้น วันนี้อากาศดี ข้าจะไปชงชาหลงจิ่นก่อนต้องฝนชั้นดีมาให้ท่านผู้เฒ่าสักถ้วย ท่านผู้เฒ่ากับท่าน…
ชั่วขณะนั้นเขาพลันไม่รู้ว่าควรจะเรียกเฝิงเกากับหวังซีว่าอย่างไร หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วยิ้มกล่าวอีกครั้งว่า คุณชายและคุณหนูพักอยู่ที่นี่ครู่หนึ่งก่อน กล่าวจบ นึกได้ว่าหวังซีอายุยังน้อย จึงปรึกษาท่านหมอเฝิงว่า ให้ข้าพาคุณหนูไปเดินเล่นที่สวนแปะก๊วยด้านข้างดีหรือไม่ ที่นั่นมีต้นแปะก๊วยอายุร้อยปีหนึ่งพันกว่าต้น แม้นมิได้เหลืองอร่ามเหมือนฤดูใบไม้ร่วง แต่เวลานี้ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน
ท่านหมอเฝิงคิดไม่ถึงว่าคนที่มาก่อนพวกเขาจะเป็นเฉินลั่ว หลังจากที่ตกตะลึงไปแล้วก็ไม่อยากให้หวังซีกับเฉินลั่วได้พบหน้ากัน ได้ยินแล้วก็พยักหน้า กำลังจะบอกกล่าวหวังซีสักสองสามประโยคนั้น เฉินลั่วกลับยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าบันไดของเรือนปีกตั้งแต่เมื่อไรแล้วก็ไม่รู้ ตะโกนเรียก ท่านหมอเฝิง ยิ้มๆ เสียงหนึ่ง กล่าวว่า ไม่พบกันนาน ช่วงนี้ท่านสบายดีหรือไม่
……………………………………………………………………………
[1] พริกแกงกลิ่นปลา พริกแกงที่ทำจากกระเทียม ต้นหอม ขิง น้ำตาล เกลือ พริกและอื่นๆ มีชื่อตรงตัวว่ากลิ่นปลา แต่ไม่มีส่วนผสมของอาหารทะเล
[2] หมู่ หนึ่งหมู่เท่ากับ 667.7 ตารางเมตร โดยประมาณ
[3] อวี้หลาน ดอกแมกโนเลีย
ตอนต่อไป