เสน่ห์รักคุณหนูต่างสกุล - ตอนที่ 82 สูตรเครื่องหอม
คำพูดของหวังซีเตือนความจำไป๋กั่ว
บัดนี้พวกนางมิได้อยู่ตระกูลหวัง ที่มีเรื่องอะไรขอเพียงเอ่ยปากบอกแม่บ้านสักคำหนึ่ง แม่บ้านก็จะไปหาพ่อบ้านของตระกูล และจัดการทุกอย่างอย่างเรียบร้อยเหมาะสมเอง
จวนหย่งเฉิงโหวนั้นไม่ว่าเรือนชั้นในหรือเรือนชั้นนอกล้วนมีแต่ความยุ่งเหยิง ของที่เรือนชั้นในจะใช้ ผ่านไปหลายต่อหลายวันแล้วพ่อบ้านของเรือนชั้นนอกก็ยังไม่มีคำตอบให้ ของที่แต่ละเรือนจะใช้นั้นหากไม่จดจ้องหมัวมัวที่ดูแลเรื่องในบ้านเหล่านั้นเอาไว้ให้ดี เจ้าอย่าหวังจะได้ใช้ของในเวลาที่เจ้าต้องการใช้เลย
นางรีบไปหาพานหมัวมัว
ฤดูร้อนนี้น้ำแข็งไม่พอใช้จริงๆ!
ฤดูร้อนปีนี้สำนักพระราชวังไม่ส่งน้ำแข็งจากฤดูหนาวไปให้คฤหาสน์ตระกูลชั้นสูงอีกแล้ว คฤหาสน์ใดที่ต้องการใช้น้ำแข็งต้องไปหาซื้อจากข้างนอกเอง แต่น้ำแข็งที่พ่อค้าขายกันด้านนอกล้วนแล้วแต่เป็นน้ำแข็งที่ส่งให้ตามจำนวนสินค้าที่มีการจองไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ปีที่แล้วทั้งสิ้น ไม่อาจซ่อนน้ำแข็งของตระกูลใดไว้ไม่ส่งมอบได้ ยิ่งไปกว่านั้นคนที่สั่งจองน้ำแข็งล่วงหน้าได้เหล่านั้นล้วนมิใช่คนธรรมดาสามัญทั่วไป พ่อค้าเหล่านั้นไม่กล้าทำให้พวกเขาขุ่นเคือง นอกเสียจากว่าเจ้ามีหน้ามีตาพอจะไปเจรจากับฝ่ายคนซื้อ ดูว่าผู้อื่นจะยอมแบ่งให้เจ้าหรือไม่
แน่นอนว่าก็มีสหายเก่าแก่บางส่วนที่ต่างฝ่ายต่างยอมแบ่งให้กันเล็กน้อย เพียงแต่ว่าจวนหย่งเฉิงโหวมิได้มีหน้ามีตาขนาดนั้นก็เท่านั้น
เวลานี้แม้แต่โหวฮูหยินยังตื่นตระหนก
ตอนไป๋กั่วไปสอบถามพานหมัวมัวสะดุดใจ คิดว่าตระกูลหวังเป็นคหบดีร่ำรวยของภาคตะวันตกเฉียงใต้ ไม่แน่ว่าอาจมีทางหาน้ำแข็งมาให้จวนโหวสักหน่อยได้ จึงจับมือของไป๋กั่วไว้ไม่ปล่อยให้นางไป ขอร้องให้นางช่วยไปหาหวังซี ยังกล่าวว่า หากแม่นางช่วยให้เรื่องนี้สำเร็จได้ ก็ถือเป็นการสร้างคุณูปการอันใหญ่หลวงได้เรื่องหนึ่ง ข้าจะกล่าวชื่นชมแม่นางต่อหน้าโหวฮูหยินและฮูหยินผู้เฒ่าอย่างแน่นอน ให้คุณหนูสกุลหวังและฮูหยินผู้เฒ่าตกรางวัลให้เจ้าหนักๆ
ไป๋กั่วเกือบจะถ่มน้ำลายใส่หน้านางไปแล้ว
อะไรกัน? ไม่ว่าจะหนึ่งอย่างหรือสองอย่างก็คิดแต่จะหาประโยชน์จากคุณหนูใหญ่ของพวกนางทั้งสิ้น
ทั่วทั้งจิงเฉิงล้วนขาดแคลนน้ำแข็งกันทั้งนั้น น้ำแข็งเหล่านั้นขายในราคาสูงมาก ขอให้คุณหนูใหญ่ของพวกนางตกรางวัลให้สาวใช้อย่างนางผู้นี้หนักๆ แต่ไม่เอ่ยถึงคุณหนูใหญ่ของพวกนางเลยสักนิด มิใช่เพราะว่าการให้รางวัลสาวใช้ผู้หนึ่งไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากมายหรอกหรือ
ไม่เคยเจอคนที่ไร้ยางอายขนาดนี้มาก่อน
ไป๋กั่วที่แต่เดิมไม่มีความเห็นอะไรต่อจวนหย่งเฉิงโหวกลับรู้สึกเป็นครั้งแรกว่านายหญิงใหญ่ของพวกนางช่างน่าสงสาร เหตุใดถึงมีตระกูลเดิมที่น่าหงุดหงิดรำคาญใจขนาดนี้ โชคดีที่จวนหย่งเฉิงโหวไม่ยอมรับนายหญิงใหญ่ของพวกนาง หาไม่นายหญิงใหญ่ของพวกนางคงไม่มีแม้แต่เกียรติยามอยู่ต่อหน้าบรรดาพี่สะใภ้น้องสะใภ้
ข้าจะช่วยพูดกับคุณหนูของพวกข้าให้พวกเจ้าอย่างแน่นอน ในใจของไป๋กั่วลุกเป็นไฟ ทว่าใบหน้ายังคงแย้มยิ้มรับปากพานหมัวมัว แต่เมื่อกลับไปก็เอาจวนหย่งเฉิงโหวไปฟ้องต่อหน้าหวังซีหนึ่งคำรบ ท่านอย่าได้สนใจเรื่องนี้เป็นอันขาด อย่างมากถึงวันนั้นพวกเราก็ให้หลงจู๊ใหญ่หาทางไปยืมน้ำแข็งมาให้พวกเราสักหน่อย สำหรับจัดงานเลี้ยงย้ายบ้านก็พอ
หวังซีเองก็ไม่คิดจะไปสนใจเรื่องนี้อยู่แล้ว
นางอยาก ‘เตือนความจำ’ ซือจูสักหน่อย
คาดว่าเมื่อซือจูทราบเรื่องแล้วจะต้องร้อนใจมากเป็นแน่
เช่นนี้ฮูหยินผู้เฒ่ากับโหวฮูหยินก็ไม่อาจจับตาดูนางได้แล้ว นางจะออกไปข้างนอกสักครั้งก็จะได้สะดวกขึ้นอีกเล็กน้อย
ให้หามาให้พวกนางแปดหรือสิบคันรถนั้นคงเป็นไปไม่ได้ หวังซีกล่าวยิ้มๆ แต่หาสักหนึ่งหรือสองคันรถยังพอเป็นไปได้
กลับจากจวนเจียงชวนป๋อนางก็ให้หวังสี่ไปบอกหลงจู๊ใหญ่เอาไว้แล้ว ด้วยความสามารถของหลงจู๊ใหญ่ ย่อมหาวิธีไปสร้างกำไรก้อนนี้ได้อย่างแน่นอน
หาไม่นางก็คงไม่กล้าพูดว่าจะหาน้ำแข็งมาให้จวนหย่งเฉิงโหวใช้หนึ่งถึงสองคันรถได้
ไป๋กั่วกลับรู้สึกยอมไม่ได้แม้จะเป็นน้ำแข็งแค่หนึ่งหรือสองคันรถก็ตาม
หวังซีได้แต่หัวเราะ กล่าวว่า ไม่มีข้อเปรียบเทียบก็ไร้กำไรขาดทุน รอคุณหนูซือย้ายไปอยู่สวนหิมะงามแล้วเห็นว่าเรือนฮูหยินผู้เฒ่าและโหวฮูหยินมีน้ำแข็งใช้ ไม่รู้ว่าจะเสียใจภายหลังมากเพียงใดที่ย้ายไปอยู่สวนหิมะงาม
ไป๋กั่วเข้าใจในทันที เม้มปากกลั้นหัวเราะตามไปด้วย
หวังซีจึงให้หวังสี่ไปแจ้งหลงจู๊ใหญ่
ตั้งแต่รู้ว่าฤดูร้อนปีนี้จิงเฉิงจะขาดแคลนน้ำแข็ง หลงจู๊ใหญ่ก็คิดถึงหวังซีแล้ว
คุณหนูใหญ่ของพวกเขากลัวร้อนเป็นที่สุด ไม่ได้ไปหลบร้อนที่ภูเขาตะวันตกไม่พอยังไม่มีน้ำแข็งด้วย แล้วจะใช้ชีวิตอย่างไร!
จึงเตรียมน้ำแข็งให้หวังซีสิบกว่าคันรถเอาไว้นานแล้ว อีกทั้งคิดว่าบัดนี้นางอาศัยอยู่ที่จวนหย่งเฉิงโหว แล้วนางก็เป็นคนรุ่นหลาน ไม่อาจตัวเองมีของดีใช้แต่ไม่กตัญญูต่อผู้อาวุโสได้ จึงเก็บน้ำแข็งไว้ให้จวนหย่งเฉิงโหวอีกสิบคันรถ
วันนี้ได้รับจดหมายของหวังซี คาดเดาว่าใครในจวนหย่งเฉิงโหวคงทำให้หวังซีขุ่นแค้นมา จึงอยากเปิดศึกประชันกับคนอย่างเปิดเผย เช่นนั้นน้ำแข็งที่เก็บไว้ให้จวนหย่งเฉิงโหวสิบคันรถนั้นคงไม่จำเป็นต้องเก็บไว้แล้ว เขาจึงให้คนนำความไปแจ้งหวังซีว่า ส่งไปให้ใต้เท้าเฉินดีหรือไม่ มิใช่ว่าใต้เท้าเฉินพักฟื้นอยู่ที่จวนหรอกหรือ มีน้ำแข็งสักหน่อยจะได้เย็นสบายขึ้น!
หวังซีพลันเข้าใจทุกอย่าง นึกถึงตัวเองตอนที่แสร้งป่วยนั้นรู้สึกแย่กว่าตอนป่วยจริงๆ เสียอีก อดกล่าวชมหลงจู๊ใหญ่ไม่ได้ว่าเป็นขิงแก่ที่ยังคงความเผ็ดร้อน ประจบประแจงผู้คนขึ้นมาเมื่อไรเรียกได้ว่าเป็นดังลมเย็นสายฝนพรำในฤดูใบไม้ผลิ ที่ทำให้สิ่งของชุ่มชื้นอย่างไร้ซุ่มเสียง
นางยังต้องเรียนรู้อีกมากมายจริงๆ
หวังซีรีบให้หวังสี่ไปส่งน้ำแข็งให้เฉินลั่ว
ฤดูร้อนนี้เฉินลั่วเองก็ไม่คิดจะออกจากจิงเฉิงเช่นกัน แต่เรื่องน้ำแข็งจากฤดูหนาวประเภทนี้ไม่เคยอยู่ในขอบข่ายการคิดพิจารณาของเขามาก่อน จู่ๆ ได้ยินว่าหวังซีส่งน้ำแข็งมาให้เขาสิบคันรถ ผ่านไปครู่ใหญ่เขาก็ยังไม่ได้สติกลับคืนมา เป็นเฉินอวี้ที่เตือนความจำเขาอย่างระมัดระวัง เขาถึงได้นึกถึงเรื่องนี้
จิงเฉิงขาดแคลนน้ำแข็งหรือ เขาถามด้วยสีหน้าผิดปกติเล็กน้อย จวนของพวกเราก็ขาดหรือ
เฉินอวี้รู้สึกว่านับตั้งแต่คราก่อนที่เฉินลั่วบังเอิญไปเจอว่าจ่างกงจู่กับจินซงชิงอยู่ด้วยกันเป็นต้นมาก็กลายเป็นดูแปลกๆ ไปเล็กน้อย อย่างค่าใช้จ่ายประจำวันในบ้านประเภทนี้ เมื่อก่อนเฉินลั่วรู้แล้วก็ไม่มีทางเอ่ยถาม อย่างไรก็ตาม อาจเป็นเพราะคุณหนูหวังส่งน้ำแข็งมาให้ก็เป็นได้…
เขาคาดเดา ทว่าปากยังคงตอบอย่างรวดเร็วว่า ฤดูร้อนนี้ในจวนเองก็น่าจะขาดแคลนน้ำแข็งเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ต่อให้ขาดแคลนอย่างไร ก็ไม่อาจขาดของท่าน ของจ่างกงจู่ และของเจิ้นกั๋วกงได้
ไม่เอ่ยถึงเฉินอิง
เฉินลั่วหัวเราะ กล่าวว่า เช่นนั้นก็ขอบคุณคุณหนูหวังดีๆ สักครั้ง เอาน้ำแข็งที่คุณหนูหวังมอบให้ส่งไปเก็บไว้ที่สะพานศิลาขาวก่อน ถึงเวลาข้าจะได้มีใช้
หลายวันก่อนเขาเพิ่งซื้อบ้านหลังหนึ่งใกล้กับสะพานศิลาขาวที่ชานเมืองทางทิศตะวันตก ผ่านการขายต่อๆ กันมาหลายต่อหลายมือ มีเพียงเฉินอวี้เท่านั้นที่รู้เรื่อง
เฉินอวี้ไม่รู้ว่าเหตุใดเฉินลั่วต้องซื้อบ้านที่นั่นด้วย
ตอนเฉินลั่วเพิ่งหัดเดินได้ ฮ่องเต้ทรงพระราชทานบ้านพักตากอากาศสำหรับหลบร้อนที่ภูเขาตะวันตกให้เฉินลั่วหนึ่งหลัง เนื่องจากจ่างกงจู่เองก็มีบ้านพักตากอากาศสำหรับหลบร้อนที่ภูเขาตะวันตกเหมือนกัน บ้านพักตากอากาศหลังนั้นของเฉินลั่วจึงปล่อยร้างมาโดยตลอด พวกเขายังต้องเสียเงินบำรุงรักษาทุกปีอีกด้วย
และบ้านของเฉินลั่วหลังที่ตั้งอยู่ที่สะพานศิลาขาวนั้นนอกจากจะเป็นบ้านของชาวบ้านขนาดสามทางเข้าธรรมดาๆ หลังหนึ่งแล้ว ยังตั้งอยู่บนเส้นทางที่ฮ่องเต้จะต้องผ่านยามเสด็จไปหลบร้อน ณ บ้านพักตากอากาศที่ภูเขาตะวันตกอีกด้วย ยามเฉินลั่วปฏิบัติหน้าที่อยู่ไม่อาจไปพักที่นั่นได้ ยามพักผ่อนก็ไม่ได้ไปหลบร้อนที่นั่น ไร้ประโยชน์กว่าบ้านพักตากอากาศสำหรับหลบร้อนที่ภูเขาตะวันตกหลังนั้นเสียอีก
อย่างไรก็ตาม กลับเก็บน้ำแข็งได้ดียิ่ง
เฉินอวี้รับคำแล้วจากไป
เพียงแต่ว่าเขาเพิ่งจะเดินไปได้เพียงสองก้าวก็ถูกเฉินลั่วเรียกเอาไว้ ถามเขาว่า คุณหนูหวังให้คนมาส่งแค่น้ำแข็งหรือ มิได้ฝากข้อความไว้?
ดวงหน้าของเฉินอวี้เต็มไปด้วยความประหลาดใจ ตอบว่า หวังสี่เป็นคนส่งน้ำแข็งมาให้ หวังสี่มิได้เอ่ยถึงเรื่องคุณหนูหวังให้เขานำจดหมายหรือฝากข้อความมาให้เลยขอรับ
อ้อ! เฉินลั่วรู้สึกคันจมูกยุบยิบอย่างอธิบายไม่ได้ ถูจมูกเล็กน้อยแล้วให้เฉินอวี้ไปจัดการเรื่องเก็บน้ำแข็ง ส่วนตัวเองกลับยืนอยู่หน้าโต๊ะหนังสือตัวใหญ่ มองกล้วยไม้กลิ่นสวรรค์สีเหลืองที่ใกล้จะผ่านพ้นฤดูเบ่งบานบนโต๊ะหนังสือกระถางนั้นแล้วก็ถูจมูกอีกครั้ง
***
ด้านหวังซีเมื่อได้ฟังคำของเฉินลั่วแล้ว ก็ไม่รีบตอบวัดเจินอู่ในทันที ทางวัดเจินอู่จึงมาเร่งอีกครั้งจริงๆ นางถึงได้หาข้ออ้างหนึ่งว่าต้องการไปพบหลงจู๊ใหญ่เดินทางไปวัดเจินอู่
ที่วัดเจินอู่เซียวเหยาจื่อน่าจะมีอำนาจมากจริงๆ นักพรตน้อยที่พาพวกนางเข้าไปเรียกเซียวเหยาจื่อว่า ‘ท่านปู่’ ที่พักของเขาก็เป็นลานบ้านที่ได้ยินเสียงนกขับขานหอมกลิ่นดอกไม้และเขียวขจีร่มรื่น
ตอนหวังซีเข้าไป เซียวเหยาจื่อกับสหายของเขารออยู่แล้ว
เซียวเหยาจื่อเป็นนักพรตอายุประมาณสี่สิบปีผู้หนึ่ง ร่างผอมบาง ในมือถือแส้หางม้าไว้ด้ามหนึ่ง ยืนยิ้มด้วยท่าทางที่เหมือนคนหลุดพ้นแล้วเล็กน้อย
สหายของเขาเป็นพระรูปหนึ่ง อายุไม่ต่างจากเขามาก ร่างสูงเจ้าเนื้อ ยิ้มตาหยีเหมือนพระสังกัจจายน์องค์หนึ่ง มีนามทางธรรมว่า ‘ไห่เทา’
เมื่อได้ยินหลงจู๊ใหญ่แนะนำว่าหวังซีคือคุณหนูใหญ่ของตระกูลหวัง เซียวเหยาจื่อกับไห่เทาต่างพากันแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา ถามขึ้นว่า เหตุใดถึงเป็นคุณหนูใหญ่ของพวกเจ้ามา มิใช่คุณชายใหญ่ของพวกเจ้า?
หลงจู๊ใหญ่รีบกล่าว ผงธูปหอมนี้เป็นของคุณหนูใหญ่ของพวกข้า ท่านบอกว่าให้คนที่ตัดสินใจได้มา ข้าคิดว่าต้องรู้รายละเอียดเบื้องลึกด้วยถึงจะดี จึงเชิญคุณหนูใหญ่มา
เซียวเหยาจื่อกับไห่เทาผู้นั้นมองหน้ากันครั้งหนึ่ง เงียบไปครู่ใหญ่ ถึงได้เชิญพวกเขาเข้าไปในเรือนปีก จากนั้นให้หลงจู๊ใหญ่ไล่ข้ารับใช้ที่ไม่สลักสำคัญออกไปอย่างไม่เกรงใจ ยังให้นักพรตเด็กข้างกายเขาผู้หนึ่งไปเฝ้าอยู่หน้าประตูด้วย จากนั้นถึงได้กล่าวกับหลงจู๊ใหญ่ด้วยใบหน้าเคร่งขรึมว่า ข้ากับหยวนจงมิใช่คนอื่นไกล หวังเต๋อเจ้าเองก็เป็นคนเชื่อถือได้ผู้หนึ่ง ในเมื่อเจ้าพาคุณหนูใหญ่ของพวกเจ้ามา คาดว่าก็คงผ่านการคิดมาอย่างดีแล้ว เช่นนั้นข้าก็จะพูดอย่างไม่เกรงใจแล้ว
หยวนจงคืออีกชื่อหนึ่งของหวังเฉินพี่ชายใหญ่ของหวังซี
เขาบอกหวังซีว่า ผงธูปหอมนี้ ยังมีคนอื่นเอาไปให้ไห่เทาด้วย ขอให้ไห่เทาช่วยดูว่าในนี้มีการเติมยางกำยานเข้าไปหรือไม่
หวังซีกับหลงจู๊ใหญ่ตกใจ หลงจู๊ใหญ่ยิ่งแล้วใหญ่ถามขึ้นอย่างร้อนใจว่า เช่นนั้นที่ท่านนักพรตเรียกพวกข้ามาหาคือ?
เซียวเหยาจื่อกับหวังเฉินมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมากจริงๆ เขามองไห่เทาครั้งหนึ่ง บอกพวกเขาตามตรงว่า คือคุณชายปั๋ว ปั๋วหมิงเย่ว์ของจวนชิ่งอวิ๋นโหว
หวังซีตะลึงงัน หลุดเสียงพูดออกมาว่า เป็นเขาได้อย่างไร
ในภาพจำของนาง ปั๋วหมิงเย่ว์เป็นลูกหลานของตระกูลใหญ่โตที่ไม่รู้แผ่นฟ้าสูงผืนดินหนา สร้างปัญหาไปวันๆ ผู้หนึ่ง
เขาจะมีผงธูปหอมที่เฉินลั่วมอบให้นางอยู่ในมือได้อย่างไร
ปฏิกิริยาแรกในหัวของนางคือเฉินลั่วฝากฝังให้ปั๋วหมิงเย่ว์ช่วย แต่เมื่อความคิดดังกล่าวแวบขึ้นมาก็ถูกนางตบทิ้งไป
หลายวันก่อนเฉินลั่วยังต่อยปั๋วหมิงเย่ว์ไปครั้งหนึ่ง เป็นไปไม่ได้ที่จะฝากฝังเรื่องเช่นนี้ให้ปั๋วหมิงเย่ว์
นอกเสียจากว่าเฉินลั่วกับปั๋วหมิงเย่ว์จะเล่นละครตบตาว่า ‘ไม่ลงรอย’ กัน แต่ยามอยู่กันตามลำพังพวกเขากลับญาติดีต่อกันมาก เป็นสหายที่ควรค่าแก่การเชื่อใจกันและกัน
ยังมีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง ผงธูปหอมที่เฉินลั่วมอบให้นางเป็นเรื่องใหญ่เรื่องสำคัญ กระทั่งอาจเกี่ยวโยงไปถึงเรื่องของราชวงศ์ได้ และปั๋วหมิงเย่ว์เองก็กำลังตามสืบเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน
แต่ปั๋วหมิงเย่ว์ก็กำลังตามสืบเรื่องนี้อยู่ได้อย่างไร หรือเขาจะเป็นเหมือนกับนาง ที่ได้รับการไหว้วานมาจากผู้อื่นอีกทีเช่นกัน?
เรื่องราวเปลี่ยนเป็นซับซ้อนขึ้นมา
ก่อนจะมีหลักฐานมาพิสูจน์ หวังซีเองก็ไม่กล้าฟันธงเช่นกัน
เวลานี้นางได้แต่ยินดีกับความรอบคอบของพี่ชายใหญ่ของนาง ตระกูลหวังปล่อยให้นางออกหน้า ไม่ลากตระกูลหวังลงน้ำไปด้วย
หวังซีถามเซียวเหยาจื่ออย่างจริงจังว่า ผงธูปหอมจากพวกข้าทั้งสองคนเหมือนกันหรือไม่
เหมือนกัน! คนที่ตอบนางในครั้งนี้มิใช่เซียวเหยาจื่อแต่เป็นไห่เทา เขาเก็บรอยยิ้มกลับไปแล้ว ดูเคร่งเครียดเล็กน้อย กล่าวว่า เดิมทีข้าไม่คิดจะยุ่งเรื่องนี้ แต่เซียวเหยาบอกว่า คุณชายใหญ่ตระกูลหวังมีบุญคุณช่วยชีวิตเขาไว้ เรื่องนี้จำเป็นต้องบอกกล่าวพวกเจ้าไว้สักคำหนึ่ง…
…ผงธูปหอมนั่นไม่เพียงเหมือนกันเท่านั้น ยางกำยานที่ใช้ในธูปหอมนั่นก็แปลกประหลาดมาก ตอนจุดมันไม่ค่อยได้กลิ่นสักเท่าไร จุดแล้วก็ไม่มีกลิ่นระเหยออกมา ต้องรอจนกระทั่งจุดธูปไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว กลิ่นฉุนนั่นถึงได้ปรากฏออกมา แม้นข้าไม่รู้ว่าคนที่ทำธูปหอมนี้ต้องการทำอะไร แต่ธูปหอมนี้ช่วยให้จิตใจสงบได้จริงๆ ยังช่วยปรับอารมณ์ได้ด้วย ฝีมือสูงส่งยิ่งนัก…
…หากไม่ใช้ธูปจนหมดดอก ไม่มีทางค้นพบความลับที่ซ่อนอยู่ในนั้น…
…ปริมาณธูปหนึ่งดอกของมันก็น่าสนใจยิ่ง…
…เห็นชัดว่ายาวกว่าธูปหอมที่พวกเราใช้กันปกติหนึ่งในสี่ส่วนถึงนับว่าเป็นธูปหนึ่งดอก…
…หากควบคุมความยาวของธูปหนึ่งดอกไม่ได้ ก็ไม่อาจค้นพบความลับนี้ได้เช่นกัน
กล่าวถึงตรงนี้ เขายังกล่าวอย่างมีนัยแฝงอีกว่า ถ้าหากสิ่งที่เติมเข้าไปในธูปหอมนี้มิใช่ยางกำยานแต่เป็นอย่างอื่น การทำให้คนเสียชีวิตอย่างกะทันหันในระหว่างหลับก็มิใช่ว่าเป็นไปไม่ได้
……………………………………………………………….
ตอนต่อไป