เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 128 ปีใหม่ ผู้คนจากทุกสารทิศต่างมาเยี่ยมเยียน (2)
ตอนที่ 128 ปีใหม่ ผู้คนจากทุกสารทิศต่างมาเยี่ยมเยียน (2)
หนิงเซ่าชิงไม่แสดงท่าทีของตน เขาลงทุนลงแรงไปมากกว่าจะพาตัวจี้ซวี่เหยามาได้ ย่อมไม่ต้องการคำขอบคุณอะไร “ท่านอาจารย์จี้ไม่ต้องเกรงใจ ขอเพียงท่านสอนคุณชายถงด้วยความตั้งใจก็พอแล้ว”
ยิ่งถงจื่อจิ้งฟื้นตัวเร็วเท่าใด ก็ยิ่งดีเท่านั้น สำหรับมั่วเชียนเสวี่ยก็ยิ่งปลอดภัย
สิ่งที่หนิงเซ่าชิงคิดในตอนนี้ไม่เพียงแค่ความหึงหวงเท่านั้น เขายังคิดถึงอนาคตของพวกเขา เขาไม่ได้มองเพียงปัจจุบันจนลืมสนใจอนาคต
หน่วยลับรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นทางทิศตะวันตกตลอดเวลา เห็นชัดว่าสองแม่ลูกนั่นยังไม่ล้มเลิกความคิดที่จะตามหาเขา เพียงแต่สับสนไปกับระเบิดควันที่เขาให้พวกหน่วยลับจัดฉาก
เขาต้องการหลีกทางและยกทุกอย่างให้ แต่ก่อนอื่นตนและเชียนเสวี่ยต้องปลอดภัย หากมีวันนั้นจริงๆ พวกเขาทำให้ตนโมโห เขาจะช่วงชิงเอาทุกอย่างที่เป็นของตนกลับมา เพียงแต่ถึงเวลานั้นเชียนเสวี่ยจะทำอย่างไร หรือว่า หากวันหนึ่งคนสารเลวและเดรัจฉานที่ไร้หัวใจบุกมาถึงที่นี่ ด้วยวรยุทธ์ของเขา สามารถปกป้องตนเองได้ ทว่าไม่มีความมั่นใจมากพอที่จะปกป้องมั่วเชียนเสวี่ยไม่ให้บาดเจ็บแม้แต่น้อย
สำหรับผู้เฒ่าถง เขาไม่ไว้วางใจ ในเมืองหลวงคนผู้นี้เลื่องชื่อด้านความเหี้ยมโหดและเป็นคนเจ้าเล่ห์แสนกล ดังนั้น เขาจำเป็นต้องให้ถงจื่อจิ้งยืนหยัด ยืนหยัดได้อย่างแท้จริง
สิ่งที่หนิงเซ่าชิงคิดคือความปลอดภัยของมั่วเชียนเสวี่ย แต่สิ่งที่จี้ซวี่เหยาคิดคือแผนระยะยาวของตระกูลจี้
ขอเพียงมีถงจื่อจิ้งอยู่ ขอเพียงถงจื่อจิ้งสามารถกุมอำนาจในตระกูลได้อย่างราบรื่น เขาที่เป็นอาจารย์ของถงจื่อจิ้ง อนาคตไม่ต้องกังวลว่าตระกูลจี้จะไม่กลับมารุ่งโรจน์
จี้ซวี่เหยาเป็นคนฉลาด เขาตัดสินใจแล้ว รู้ว่ามีความเสี่ยงอย่างไรบ้าง เขาตัดสินใจที่จะทุ่มสุดกำลังที่มี
หนิงเซ่าชิงเล่าเรื่องเกี่ยวกับวิธีการรักษาและประเด็นสำคัญของโรคจื้อปี้เจิ้ง[1]ที่ได้ยินมาจากมั่วเชียนเสวี่ยให้จี้ซวี่เหยาฟัง และเรื่องเกี่ยวกับถงจื่อจิ้งที่เขารับรู้ รวมถึงความชอบของถงจื่อจิ้ง ข้อห้ามของถงจื่อจิ้ง ล้วนเล่าให้จี้ซวี่เหยาฟังอย่างละเอียด จี้ซวี่เหยาเองก็จดจำทุกอย่างเอาไว้ในใจ
รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง
จี้ซวี่เหยาไม่ได้นอนทั้งคืน ครุ่นคิดอย่างหนัก จนกระทั่งเช้าตรู่เขาก็ทำตารางเรียนของถงจื่อจื้งเสร็จ จากนั้นก็มาขอคำแนะนำมั่วเชียนเสวี่ยแต่เช้า
ตารางเรียนจัดจนแน่น ทว่ามั่วเชียนเสวี่ยกลับรู้สึกพอใจยิ่งนัก นางคิดไม่ถึงว่าเมื่อวานเพียงแค่แนะนำเล็กน้อย วันนี้จี้ซวี่เหยาจะทำตารางเรียนที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ออกมาได้ แน่นอนมั่วเชียนเสวี่ยไม่รู้ว่าทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นฝีมือของน้ำส้มสายชูหม้อใหญ่จอมหึงหวงหนิงเซ่าชิงที่ลอบทำอย่างลับๆ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าจี้ซวี่เหยาคนนี้เป็นคนที่ละเอียดอ่อนมาก เขารู้ว่าถงจื่อจิ้งไม่มีความอดทน จึงจัดแบ่งตารางเรียนออกเป็นหลายส่วน บางอย่าง บอกว่าเป็นบทเรียน แต่ความเป็นจริงนั้นไม่ใช่ เป็นการเรียนที่ควบคู่ไปกับความสนุกสนานอย่างแท้จริง
เพียงแค่บทเรียนในตอนเช้าก็ถูกเขาแบ่งเป็นหกส่วน ตอนเช้าหลังตื่นนอนเรียนวิชามวย เรียกอย่างไพเราะว่าวิชามวย แต่ความเป็นจริงคือการออกกำลังกาย พาถงจื่อจิ้งวิ่งเล่น
หลังจากจบวิชามวยก็เข้าสู่วิชาเล่านิทานโบราณ พูดให้ชัดเจนก็คือ การดัดแปลงนิทานโบราณมาเล่าเป็นนิทานให้ถงจื่อจิ้งฟัง เมื่อเล่านิทานโบราณเสร็จ ก็ทำกิจกรรมร่วมกันตามที่มั่วเชียนเสวี่ยเคยแนะนำ หลังจากนั้นก็ได้เวลาพักทานอาหาร เวลาทานอาหารก็สอนมารยาทในการทานอาหารร่วมด้วย…
คิดทุกด้านได้อย่างมีเหตุมีผล ทั้งยังวางแผนเป็นอย่างดี
เมื่อเห็นว่าถงจื่อจิ้งชื่นชอบในการแกะสลัก แบ่งเวลาช่วงหนึ่งโดยเฉพาะเพื่อไปเสวนากับพวกหวังเทียนซงเรื่องการแกะสลัก
จี้ซวี่เหยาสนองความชอบของผู้อื่น ใช้วิธีการแปลกใหม่โดยจัดบทเรียนให้ถงจื่อจิ้งสอนเขาแกะสลัก
คนผู้นี้ หากเป็นคนดี อนาคตข้างหน้าย่อมได้ทำการใหญ่ หากเป็นคนชั่ว ต้องทำให้ผู้คนมากมายเดือดร้อน นี่คือประโยคที่แทรกเข้ามาในความคิดของมั่วเชียนเสวี่ยเมื่อได้ดูตารางเรียน
มั่วเชียนเสวี่ยมองถงจื่อจิ้งเป็นน้องชายของตนแล้ว แน่นอนว่าย่อมใส่ใจการเรียนของถงจื่อจิ้งเป็นธรรมดา
วันนี้มั่วเชียนเสวี่ยไม่มีการใดให้ทำ ทั้งยังสงสัยใคร่รู้ในตัวจี้ซวี่เหยายิ่งนัก ด้วยเหตุนี้ตอนที่จี้ซวี่เหยาสอนหนังสือถงจื่อจิ้งนางจึงนั่งฟังที่ริมหน้าต่าง
มองออกไปนอกหน้าต่างเห็นจี้ซวี่เหยากำลังอธิบายต้นกำเนิดของตัวอักษรให้ถงจื่อจิ้งฟัง แค่คำว่าอากาศ จี้ซวี่เหยาอธิบายการเขียนถึงสี่รูปแบบ รวมถึงที่มาที่ไปของตัวอักษรทั้งสี่แบบ ราวกับเล่านิทาน
ถงจื่อจิ้งฟังอย่างใจจดใจจ่อ มั่วเชียนเสวี่ยที่ฟังอยู่ด้านนอกก็เคลิบเคลิ้มไปด้วย แท้จริงแล้วตัวอักษรฮั่น มีวัฒนธรรมมากมายอยู่ด้านใน เมื่อก่อนตนเป็นดั่งกบในกะลาเสียจริง
จี้ซวี่เหยาเป็นผู้ที่มีความรู้ ทั้งยังมีไหวพริบในการพูด ไม่รู้จริงๆ ว่าถงเหล่าว่าจ้างอาจารย์เช่นนี้มาจากที่ใด มีอาจารย์ดีๆ ให้เลือกเช่นนี้ เหตุใดจึงไม่ส่งมาตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อน
อีกเรื่องหนึ่ง บุคคลเช่นนี้ เหตุใดจึงยอมเป็นอาจารย์ทั่วไป
เมื่อคิดไม่ออก มั่วเชียนเสวี่ยก็ไม่ได้คิดต่อ เพียงแค่ส่ายหน้าแล้วเดินออกไป นางไม่มีอารมณ์จะเป็นนักเรียน ขอเพียงถงจื่อจิ้งไม่ปฏิเสธจี้ซวี่เหยา อีกทั้งจี้ซวี่เหยาก็มีความรู้ความสามารถจริงๆ ทั้งยังตั้งใจสอนถงจื่อจิ้งด้วยความจริงใจ นางก็วางใจแล้ว
ตั้งแต่จี้ซวี่เหยามา แม้ว่าถงจื่อจิ้งจะไม่ยอมกลับเรือน แต่แทบจะไม่มีเวลามาตามติดมั่วเชียนเสวี่ยแล้ว
เช้า กลางวัน เย็น ยามกินอาหารจะได้เจอกัน ทานอาหารร่วมกัน แต่ว่าเวลานี้หนิงเซ่าชิงล้วนอยู่ด้วย เหตุเพราะหนิงเซ่าชิงแผ่ความเยือกเย็นให้เขาเป็นระยะเวลานาน เขาจึงมีความหวาดกลัวหนิงเซ่าชิงเล็กน้อย เพราะยามพี่เขยแสดงความหึงหวง พี่มั่วเชียนก็ไม่เข้าข้างเขา…
ด้วยเหตุนี้เวลาทานอาหารจื่อจิ้งจึงเรียบร้อยมาก ไม่กล้าพูดอะไรมากมาย
เวลาที่เหลืออยู่ โดยมากจี้ซวี่เหยาจะคอยเล่นไปด้วยสอนไปด้วย เรียนไปด้วยเล่นไปด้วย
แต่ว่า ตอนที่เขาเรียนอยู่นั้น ก็จะคิดถึงมั่วเชียนเสวี่ยขึ้นมากะทันหัน ดื้อดึงจะไปหามั่วเชียนเสวี่ย เมื่อเห็นมั่วเชียนเสวี่ยกำลังทำบัญชีในห้องหนังสือ เขาก็พูดเสียงหวานร้องเรียกนางว่าพี่เชียนเสวี่ยๆ จนกว่ามั่วเชียนเสวี่ยตอบกลับ
หลังจากนั้น ภายใต้การเร่งเร้าของจี้ซวี่เหยา จึงยอมไปร่ำเรียนบทต่อไป
แต่ว่าเวลาส่วนมาก เขาไม่อยากเรียน ดื้อดึงจะนั่งอยู่ตรงหน้ามั่วเชียนเสวี่ย หยิบงานแกะสลักที่เขาชื่นชอบมาแกะสลัก หากเป็นเช่นนั้น แม้แต่จี้ซวี่เหยาที่ชาญฉลาดเปี่ยมไปด้วยกลยุทธ์ก็จนปัญญา
สำหรับถงจื่อจิ้ง ได้แต่ใช้ไม้อ่อน ไม่อาจใช้ไม้แข็งได้
แม้นจะเป็นเช่นนี้ กิริยาท่าทางและพฤติกรรมของเขาก็พัฒนาขึ้นมาก
ความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงจากเมื่อก่อนที่ไม่ค่อยเข้าใจ กระทั่งเวลานี้วางตัวได้อย่างเหมาะ พูดได้ว่าจี้ซวี่เหยาคิดหาทุกวิถีทางมาใช้แล้วจริงๆ
อีกทั้ง ถงจื่อจิ้งในตอนนี้ยิ่งอยู่ก็ยิ่งฉลาด รู้ว่าจะรับมือกับเขาอย่างไร ควรจะสานสัมพันธ์กับหนิงเซ่าชิงอย่างไร ทำเช่นไรจึงจะทำให้มั่วเชียนเสวี่ยมีความสุข ไม่ใช่คนโง่เขลาในอดีต ที่เอาแต่หัวเราะอีกแล้ว ไม่ใช่เด็กน้อยที่ยืนกรานจะให้มั่วเชียนเสวี่ยพาไปเล่น สติปัญญาของเขาพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว
สำหรับเรื่องทั้งหมดนี้ หนิงเซ่าชิงพึงพอใจอย่างมาก ทว่าสีหน้ากลับยิ่งอยู่ยิ่งถมึงทึง แต่ว่า เรื่องเหล่านี้ ตอนนี้มั่วเชียนเสวี่ยค่อยๆ รับรู้แล้วว่ามันอ่อนไหวต่อหนิงเซ่าชิงเพียงใด
[1] จื้อปี้เจิ้ง โรคออทิสติก