เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 156 เตรียมการรับมือสองชั้นสำหรับการจู่โจมยามค่ำคืน (1)
- Home
- เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค
- ตอนที่ 156 เตรียมการรับมือสองชั้นสำหรับการจู่โจมยามค่ำคืน (1)
ตอนที่ 156 เตรียมการรับมือสองชั้นสำหรับการจู่โจมยามค่ำคืน (1)
หนิงเซ่าชิงร้องในใจว่าแย่แล้ว เขาเร็วกว่ามั่วเชียนเสวี่ยก้าวหนึ่ง รีบหมุนตัวหันหลังไปที่ประตูรถม้า เป็นหมอนรองให้กับมั่วเชียนเสวี่ย
ตึ้ง…
มั่วเชียนเสวี่ยล้มลงบนตัวหนิงเซ่าชิง หนิงเซ่าชิงชนกับประตูรถม้าอย่างแรง ใบหน้าของทั้งคู่ชนกัน ริมฝีปากของมั่วเชียนเสวี่ยสัมผัสกับริมฝีปากของหนิงเซ่าชิง
ราวกับกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน หนิงเซ่าชิงและมั่วเชียนเสวี่ยนิ่งงันพร้อมกัน ทั้งสองถึงขั้นลืมที่จะเคลื่อนไหว ปล่อยให้ริมฝีปากทั้งสองประกบกัน
ความใคร่ในกายมั่วเชียนเสวี่ยที่คลายลงจนเกือบหมด เวลานี้เมื่อสัมผัสกับริมฝีปากของหนิงเซ่าชิง ภายในกายของนางคล้ายจะร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง
ตั้งแต่หนิงเซ่าชิงพบเจอนางอยู่กับซูชีจวบจนเวลานี้ เขากินน้ำส้มสายชูเข้าไปหลายไหแล้ว ยามนี้เมื่อได้ยินเสียงหายใจหืดหอบและสัมผัสกับลมหายใจร้อนผ่าวของมั่วเชียนเสวี่ย ย่อมหวั่นไหวเป็นธรรมดา
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเผยอปากแล้วครอบครองริมฝีปากบางของมั่วเชียนเสวี่ย
คล้ายเวลาหยุดเดิน ทั้งที่เพียงชั่วขณะหนึ่ง แต่สำหรับทั้งสองกลับยาวนาวเสมือนชั่วชีวิต
ทว่า ความสุขเปี่ยมไปด้วยอุปสรรค! ในเวลานี้ม้าคำรามขึ้นกะทันหัน มั่วเชียนเสวี่ยและหนิงเซ่าชิงตกใจ ทั้งสองดึงสติกลับมาทันควัน เบือนหน้าหนีด้วยความกระอักกระอ่วน
ไม่ใช่ว่าระหว่างทั้งสองมีความเขินอาย แต่ว่าสถานการณ์ในตอนนี้ ด้านนอกว้าวุ่น แต่ทั้งสองกลับมีอารมณ์มาพลอดรักกัน
แฮ่กๆ มั่วเชียนเสวี่ยเอามือกดลงด้านล่าง อยากจะดันตัวเองขึ้น ทว่าคิดไม่ถึง
ซี๊ด… หนิงเซ่าชิงร้องด้วยความเจ็บปวด
มั่วเชียนเสวี่ยไม่ทันระวังล้มลงทับร่างของหนิงเซ่าชิง “ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ” ภายใต้ความเร่งรีบและกระอักกระอ่วน มั่วเชียนเสวี่ยรีบปล่อยมือ ว่าไปแล้ว กระทั่งตอนนี้นางยังไม่เคยจับ…เลย นางย่อมรู้สึกเขินอาย
เพียงแต่ นางปล่อยมือเช่นนี้ จึงสูญเสียการทรงตัว นางล้มลงในอ้อมกอดของหนิงเซ่าชิงอีกครั้ง
การยอมที่จะอิงแอบแนบชิดในอ้อมกอดก็คือเช่นนี้…
รถม้ากว้างเพียงเท่านี้ ทั้งสองกอดกันกลม…มั่วเชียนเสวี่ยรู้จักหนิงเซ่าชิงเป็นอย่างดีแล้ว
มั่วเชียนเสวี่ยรู้สึกคับแค้นใจนัก! ผู้อื่นถูกลอบวางแผนทำร้ายที่แสนจะน้ำเน่าเช่นนี้ อย่างน้อยก็ได้กินเนื้อ ได้ดื่มน้ำแกง แต่เมื่อถึงคราวของนาง กลับถูกแช่ในน้ำเย็น อยากจะเอาตัวคนวางยาพิษมาตบซ้ายทีขวาที ตบขึ้นตบลง ตบให้ครบแปดทิศไปเลยเสียจริงๆ
นึกถึงเมื่อครู่ มั่วเชียนเสวี่ยรู้สึกประหม่า แต่หนิงเซ่าชิงประหม่ายิ่งกว่า
ภายในรถม้าคันเล็ก อุณภูมิปะทุขึ้นกะทันหัน เปี่ยมไปด้วยความเสน่หาและประหม่า มั่วเชียนเสวี่ยไม่กล้าขยับ ซบอยู่เช่นนั้น นางกำลังรอ รอให้ไฟร้ายในตัวของตนนิ่งสงบลง และรอให้หนิงเซ่าชิงนิ่งสงบลง
“เจ้านาย มีนักฆ่าขอรับ” อาอู่พอจะคาดการณ์สถานการณ์ในรถม้าได้ ยืนอยู่นอกรถม้าอย่างรู้ตัว เช่นนี้ก็จะไม่ได้ยินเสียงด้านในรถม้า ทั้งยังสามารถปกป้องหนิงเซ่าชิงและมั่วเชียนเสวี่ยได้
หนิงเซ่าชิงกลืนน้ำลาย พยายามทำให้เสียงของตนฟังดูปกติ “อืม นำคนเป็นกลับมา”
ในเมื่ออาอู่ยังยืนอยู่ข้างรถม้า องครักษ์เงาเองก็ไม่ได้ลงมือ เช่นนั้นพิสูจน์ได้ว่ามีคนไม่มาก ทั้งยังไม่เก่งกาจ
“ขอรับ” หลังจากอาอู่รับคำ ก็ไม่ได้ไปจากรถม้า ยังคงยืนอยู่ที่เดิม
หน้าที่ของเขาไม่ใช่ไล่ตามนักฆ่าแต่คือการปกป้องหนิงเซ่าชิง นักฆ่ามีทั้งหมดแค่สามคนเท่านั้น ล้วนไม่ใช่นักฆ่าฝีมือดี มีอาซานคอยรับมือแค่คนเดียวก็พอแล้ว เขาไปไม่ได้ หากเป็นการล่อเสือออกจากถ้ำจะทำอย่างไร
มีนักฆ่าจริงๆ!
หรือว่าคู่แม่ลูกใจเหี้ยมที่หนิงเซ่าชิงบอกจะมาหาเรื่องแล้ว
มั่วเชียนเสวี่ยนึกถึงเรื่องภายในตระกูลที่หนิงเซ่าชิงเล่าให้ฟังเมื่อครู่ หรือว่าเขาจะได้ยินข่าวร้ายอะไรในทิงเฟิงเฉวียนมากันแน่
“แฮ่กๆ เชียนเสวี่ย เจ้าลุกขึ้นได้แล้ว” เวลาหมุนเวียน ลมหายใจของหนิงเซ่าชิงค่อยๆ นิ่งสงบ เห็นมั่วเชียนเสวี่ยไม่ขยับ จึงจำต้องพูดเตือน
แม้สถานการณ์ด้านนอกจะไม่ตึงเครียด ทว่าเขาก็ไม่อาจประมาทศัตรูเช่นนี้
เขาคิดว่าเชียนเสวี่ยสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเขาแล้ว มิเช่นนั้นคงไม่ซบอยู่บนร่างของเขาโดยไม่ขยับเช่นนี้ คิดถึงตรงนี้ เขาก็ยิ่งรู้สึกเสียใจ
“เชียนเสวี่ย ข้า…” หนิงเซ่าชิงอยากจะอธิบาย ทว่าคำพูดติดอยู่ที่ปากไม่ว่าจะทำเช่นไรก็พูดไม่ออก
แค่คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้กับเชียนเสวี่ย เขาก็รู้สึกผิดอย่างมาก อาอู่ยืนอยู่ด้านนอกรถม้า มั่วเชียนเสวี่ยกลัวหนิงเซ่าชิงจะพูดเรื่องที่ทำให้ทั้งสองยิ่งกระอักกระอ่วน จึงรีบพูดแทรก “ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจๆ ท่านไม่ต้องอธิบายแล้ว”
พูดจบ มั่วเชียนเสวี่ยรู้สึกเหงื่อเย็นไหลออกมาเต็มหน้าผาก
เหงื่อ? นี่นางพูดอะไรออกไป คนที่ไม่รู้ความคงจะคิดว่านางเป็นสตรีที่ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ
แฮ่กๆ…มั่วเชียนเสวี่ยเบือนหน้าหนีด้วยความประหม่า ไม่กล้ามองหน้าหนิงเซ่าชิงอีก ทว่ากลับดูถูกตนเองในใจเงียบๆ
มั่วเชียนเสวี่ย เจ้ายิ่งอยู่ยิ่งไม่เอาไหนจริงๆ เรื่องแค่นี้เองไม่ใช่หรือ มีอะไรให้พูดวกไปวนมากัน
จากท่าทีของมั่วเชียนเสวี่ย หนิงเซ่าชิงรู้ดีถึงความหงุดหงิดใจของนาง เขายื่นมือไปจับดวงหน้าของมั่วเชียนเสวี่ย ปรารถนาว่าตนจะสามารถปกป้องนางได้
ภายในรถม้าอบอุ่น ทว่าด้านนอกกลับเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด
“เจ้านาย สามคนเมื่อครู่ถูกจับตัวไว้ ทว่ากลับกัดฟันฆ่าตัวตาย แต่ว่า มีพวกสวมผ้าคลุมปิดหน้ามาอีกยี่สิบกว่าคน พวกเราถูกล้อมเอาไว้แล้วขอรับ” เสียงของอาอู่เคร่งขรึม ฟังแล้วสถานการณ์ไม่ดีเท่าใดนัก
ถูกจับได้แล้วกัดฟันฆ่าตัวตาย นั่นคือหน่วยกล้าตาย ภายในใจของหนิงเซ่าชิงรู้สึกไม่ดี สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมขึ้นเช่นเดียวกัน
“ฝ่า! ฝ่าออกไป แล้ววกกลับมาฆ่าให้หมด ไม่ต้องไว้ชีวิต” น้ำเสียงของหนิงเซ่าชิงเยือกเย็นแบบที่มั่วเชียนเสวี่ยไม่เคยได้ยินมาก่อน
หากมีเพียงหนึ่งถึงสองคน ยังสามารถไว้ชีวิตได้ แต่หากจำนวนคนมาก เช่นนั้นต้องสังหารให้หมด
อีกทั้ง ถูกล้อมเอาไว้ตรงกลาง ยากที่เขาจะปกป้องมั่วเชียนเสวี่ยได้
หากมีการกระหน่ำยิงธนูขึ้นมา เช่นนั้นผลลัพธ์ที่ตามมายากจะคาดคิด
อาอู่สะบัดแส้ม้าที่อยู่ในมือ รถม้าพุ่งออกจากการล้อมของนักฆ่า วิ่งออกไปท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดสนิท…
“ตามไป ฆ่าคนในรถม้าได้สำเร็จ ตบรางวัลอย่างงาม!”
เสียงเยือกเย็น ผ่านรถม้า ดังก้องอยู่ในหูของหนิงเซ่าชิงและมั่วเชียนเสวี่ย!
คนในรถม้า?! เป้าหมายของคนพวกนี้คือหนิงเซ่าชิงจริงๆ ด้วย!
“เชียนเสวี่ย ขอโทษด้วยที่ทำให้เจ้าต้องเดือดร้อน” หนิงเซ่าชิงรู้สึกผิดอย่างมาก เดิมทีเขาอยากจะมอบความสุขให้นางชั่วนิรันดร์ ทว่าคิดไม่ถึงกลับทำให้มั่วเชียนเสวี่ยตกอยู่ในอันตราย
“ท่านกับข้าคือสามีภรรยากัน เดือดร้อนไม่เดือดร้อนอะไรกัน!”
จันทราสูงตระหง่าน ลมพัดแรง ใบไม้ร่วงหล่น หิมะโปรยปราย…
รถม้าวิ่งอย่างรวดเร็ว ด้านนอกมีเสียงมีดดาบกระทบกันดังขึ้นไม่หยุด เสียงเกือกม้าด้านหลังที่ไล่ตามมาดังก้อง หนิงเซ่าชิงเปิดม่าน “อาอู่ ปกป้องฮูหยิน”
เขาจะรีบออกรบรีบเผด็จศึก!
ตอนที่รถม้าขับเคลื่อนด้วยความรวดเร็ว อาซานกลับมายังด้านหน้ารถม้าแล้ว นั่งกับอาอู่
“เจ้านาย นักฆ่าเหล่านี้ยากที่จะรับมือ ดูท่าไม่ได้มีกลุ่มเดียว ท่านพาฮูหยินหนีไปก่อนเถอะขอรับ ที่นี่อันตรายเกินไปแล้ว” น้ำเสียงของอาซานตึงเครียดยิ่งกว่าของอาอู่เมื่อก่อนหน้านี้ ดูท่าสถานการณ์ซับซ้อนอย่างมาก
หนิงเซ่าชิงเงยหน้าขึ้นมองเห็นด้านหน้ายังมีคนอีกกลุ่มล้อมเอาไว้ หัวเราะเยือกเย็น ข่มอารมณ์เอาไว้
เขารู้ถึงความสามารถของอาซานและอาอู่เป็นอย่างดี ท่ามกลางองครักษ์ทั้งแปดคนในอดีตพวกเขา ทั้งสองคือองครักษ์ที่มีวรยุทธ์สูงสุด ในเมื่ออาซานกล่าวเช่นนี้แล้ว ดูท่าอีกฝ่ายลงทุนลงแรงไปไม่น้อย หนิงเซ่าชิงไม่ลังเลแม้แต่น้อย ยังคงออกคำสั่ง “ฝ่าออกไป! อาอู่ หน้าที่ของเจ้าคือปกป้องฮูหยิน”