เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 257 ยึดครองอำนาจ แก้ปัญหาที่ต้นตอ (2)
ตอนที่ 257 ยึดครองอำนาจ แก้ปัญหาที่ต้นตอ (2)
ก่อนกลับไป แน่นอนว่าเขาต้องเร่งเร้านาง ถามนางว่าภาพวาดน่ารักของเขา วาดได้เช่นไรแล้ว หลังจากนั้น ไม่ลืมที่จะทำท่าทางที่เขาคิดว่าหล่อเหลาอีกหลายท่าทาง เพื่อช่วยในการวาดของนาง กระทั่งอาจ้าวมาตามอีกครั้งจึงจะกลับไป…
หลังจากซูชีออกไป มั่วเชียนเสวี่ยพอจะได้ยินเขาโอดครวญจากที่ไกลๆ “เหตุใดช่วงนี้สำนักแม่ทัพเก้าประตูจึงมีงานเยอะเช่นนี้… มีคนต้องการจะหาเรื่องคุณชายเจ็ดอย่างข้าเช่นนั้นหรือ จึงได้มีเรื่องทุกวัน…”
แต่ว่าซูชีโอดครวญก็ส่วนโอดครวญ สองครั้งที่เขามา เขาตั้งใจสอนนางอย่างมาก แม้ในตอนหลังเขาจะถูกเร่งให้กลับไปทำงาน แต่ฝีมือของมั่วเชียนเสวี่ยก็พัฒนาขึ้นมาก
ห้ากระบวนท่าของวิชากระบี่หนึ่งชุดไม่ธรรมดา ทุกกระบวนท่าล้วนแฝงหลายท่วงท่าเอาไว้ เป็นกระบวนท่าที่สามารถรับมือกับศัตรูและป้องกันตัวได้
มั่วเชียนเสวี่ยยิ่งฝึกยิ่งสัมผัสได้ถึงข้อดีของวิชากระบี่นี้ เวลานี้นางสามารถใช้วิชากระบี่นี้ ประลองยุทธ์กับสืออู่ได้หลายกระบวนท่า
ชูอีและสืออู่อยู่กับนางตั้งแต่อายุสามสี่ขวบ เริ่มฝึกการต่อสู้ตั้งแต่อายุห้าขวบ ฝึกยุทธ์มานานสิบปีแล้ว ส่วนนาง เพิ่งฝึกยุทธ์ได้เพียงห้าวัน สามารถประลองยุทธ์กับสืออู่ได้เพียงระดับหนึ่ง นางก็พอใจมากแล้ว
มั่วเหนียงเองก็บอกว่า กระบวนท่าเหล่านี้มองดูแล้วคล้ายง่าย แต่ความเป็นจริงละเอียดอ่อนมาก เป็นวิชากระบี่ชั้นสูงที่หายาก
เจ็ดวันมานี้ คล้ายผ่านไปอย่างรวดเร็ว มั่วเชียนเสวี่ยดูเหมือนอยู่ในจวนไม่ได้ทำการใด แต่ความเป็นจริงนางทำไปหลายอย่างแล้ว
สำหรับการคัดเลือดสาวใช้ เลือกได้นานแล้ว ล้วนเป็นสาวใช้ที่เกิดในจวน นางเลือกสาวใช้สองคนที่ครอบครัวของพวกนางเคยรับใช้ท่านแม่ในอดีต ตั้งชื่อให้พวกนางว่าจื่อเหอและจื่อจู้ แล้วเลือกสาวใช้อีกสองคนที่คล้ายมีใจคิดทรยศ ตั้งชื่อให้พวกนางว่าจื่อเฉี่ยวและจื่อหลิง
ต่างคนต่างมีข้อเด่น
เมื่อน้ำใสสะอาดมากจนเกินไปย่อมไม่มีปลามาแหวกว่าย มีคนใคร่อยากจะสืบเรื่องของนางไม่ใช่หรือ เช่นนั้นนางจะให้คนแพร่งพรายเรื่องของนางออกไป แค่ว่าเรื่องที่แพร่งพรายออกไปนั้น แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่นางอยากให้รู้ ตั้งใจให้รับรู้
สาวใช้ขั้นสามทั้งสี่คน หลังจากเลือกเสร็จ อบรมเสร็จ ก็ให้เฝ้าอยู่ในเรือน ชั่วขณะหนึ่ง พวกนางทุกคนล้วนเชื่อฟังเป็นอย่างดี
จื่อเหอและจื่อจู้ ทำงานมั่นคง คล่องแคล่วว่องไว ถ่อมตนอย่างมาก
ทางด้านจื่อเฉี่ยวและจื่อหลิง ฉลาดหลักแหลมมีไหวพริบ ดวงตากลอกไปมาอย่างมีชีวิตชีวา ทว่ายังไม่ได้มีท่าทีผิดปกติ
เมื่อวานลุงอวี๋ให้คนส่งบัญชีทั้งหมดที่คำนวณเสร็จแล้วมาให้นาง พร้อมทั้งเขียนกำกับรายการที่มีจุดผิดพลาด มั่วเชียนเสวี่ยนั่งดูบัญชีตลอดทั้งคืน บัญชีนี้มองผิวเผิน ไม่มีปัญหาแต่งอย่างใด
ทว่า ลุงอวี๋คือผู้ใด…ผู้ดูแลทรัพย์สินของตระกูลหนิง แม้ทิงเฟิงเฉวียนจะเป็นอำนาจลับที่หนิงเซ่าชิงสร้างขึ้นด้วยตนเองด้านนอก ทว่า ใต้บัญชาของขุนพลกล้า ไร้ไพร่พลที่อ่อนแอ ลุงอวี๋สามารถดูแลทิงเฟิงเฉวียนได้แน่นอนว่าย่อมชำนาญในการดูบัญชี บวกกับตารางที่มั่วเชียนเสวี่ยสอนเขา ทำให้ลุงอวี๋ราวกับเสือติดปีก
บัญชีเหล่านั้น ผู้อื่นมองไม่เห็นจุดผิดพลาด หลังจากให้เจ้าหน้าที่สองสามคนในห้องบัญชีจัดเอกสารบัญชีต่างๆ จนเรียบร้อย ลุงอวี๋เพียงกวาดตามอง ก็เห็นจุดผิดพลาดร้อยกว่าจุด
มั่วเหยียนและมั่วสิงก็เก็บเกี่ยวได้มากเช่นเดียวกัน สองวันก่อนออกจากจวนกั๋วกง พ่อบ้านเฟิงระมัดระวังอย่างมาก พูดและวางตัวเป็นธรรมชาติ เมื่อออกจากร้าน ก็ตรงกลับบ้านทันที
ในตอนหลัง เมื่อเห็นว่าทางมั่วเชียนเสวี่ยไม่มีทีท่าใดๆ เขาจึงใจกล้ามากขึ้น เริ่มเคลื่อนไหวตามอำเภอใจ ด้วยเหตุนี้ จึงเผยพิรุธออกมา…
พ่อบ้านเฟิงอยู่ด้านนอกไม่เพียงเดินโอ้อวด กินดื่มอย่างอิ่มหนำสำราญ ทั้งยังเลี้ยงหญิงสาวไว้นอกเรือน นอกจากนี้เขาไม่ได้เลี้ยงไว้แค่คนเดียว คนหนึ่งคือหญิงสาวในครอบครัวยากไร้ ที่ถูกพี่ชายจับมาขาย คนหนึ่งคือหญิงนางโลมที่ไถ่ตัวมาจากหอโคมเขียว
หญิงสาวยากไร้คนนั้นรับมาเมื่อสามปีก่อน มีบุตรให้เขาสองคนแล้ว ทางด้านหญิงนางโลมไถ่ตัวมาจากหอโคมเขียวเมื่อปีกลาย
แม้จะกล่าวว่าขุนนางขั้นสามเทียบเท่าข้าหลวงปกครอง แต่เขาที่เป็นเพียงเถ้าแก่ของจวนกั๋วกง สามารถมีเรือนหลังใหญ่ มีบ่าวรับใช้และสาวรับใช้ในเรือน ทั้งยังเลี้ยงสตรีไว้นอกเรือน ใช้ชีวิตอู้ฟู่ได้เช่นนั้นหรือ
นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก เขาเอาความกล้ามาจากที่ใด ท่านแม่ไปจากเมืองหลวงห้าปี ทำให้เขามีเวลามากพอในการคดโกง บวกกับอีกครึ่งปีหลัง ไม่มีเจ้านายคอยดูแล
ทรัพย์สินเหล่านี้แม้จะเป็นสินเดิมของท่านแม่ แต่สตรีที่แต่งออกเรือน ก็เหมือนน้ำที่ถูกเทออกไป ไม่อาจคืนกลับมาได้ แน่นอนว่าตระกูลเฟิงไม่มีสิทธิ์เข้ามาดูแลเรื่องเหล่านี้ แม้ตระกูลมั่วใคร่อยากได้ทรัพย์สินเหล่านี้ แต่ไม่รู้แน่ชัดว่ามีสินทรัพย์ใดบ้าง ยิ่งไม่มีโฉนดที่ดินและโฉนดบ้าน ไม่มีแม้แต่สิทธิ์ในการตรวจสอบบัญชี แน่นอนว่าเฟิงต๋าย่อมไม่ยอม
ความหวังในการทวงเงินกลับคืนมามีไม่มากแล้ว แม้จะยึดเรือนของเขา คาดว่าจะตามกลับมาได้เพียงหนึ่งถึงสองส่วนจากสิบส่วนเท่านั้น แต่ความคับแค้นใจที่ถูกคดโกงนี้ นางต้องระบายออกไปให้ได้
อาซาน อาอู่และมั่วเฉียงหัวหน้าองครักษ์จ้องเขม็งไปที่คุณชายทั้งสามของตระกูลมั่ว พร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย
มั่วจื่อถังคนนี้ ไม่รู้ว่าเป็นสุภาพบุรุษที่มีความซื่อสัตย์จริงๆ หรือว่าเป็นคนที่เจ้าเล่ห์เจ้าแผนการ ผ่านมาหลายวันแล้ว เขาไม่เคยย่างกรายออกจากเรือนมาก่อน ในทุกวันนอกจากอ่านตำราแล้วก็เดินหมากและดีดพิณ
ทางด้านมั่วจื่อฮวาเป็นคุณชายมากรัก เขาแทบจะนอนกับสาวใช้ทั้งเรือนของเขาแล้ว แต่ยังไม่พอใจ มักจะคิดหาวิธีเกี้ยวสาวใช้ในจวนอีก บางครั้งบางครา ยังเดินเตร็ดเตร่ทั่วจวนกั๋วกง มองซ้ายมองขวา ทว่า แม้เขาจะน่าสงสัย แต่ก็ไม่ได้ทำสิ่งใดผิดปกติ
มั่วจื่อเยี่ยสีหน้าเคร่งขรึม เลี้ยงอสรพิษไว้มากมาย…
เช้าวันนี้ มั่วเชียนเสวี่ยสั่งให้คนไปตามตัวพ่อบ้านเฟิงมา ไม่ว่าจะทวงเงินกลับมาได้หรือไม่ แต่บัญชีนี้ นางย่อมคิดอย่างถี่ถ้วน
งานเลี้ยงดอกท้อวันพรุ่งนี้ สำหรับนางแล้วคือโอกาส เป็นโอกาสในการทำความรู้จักขุนนางและผู้มีฐานันดรศักดิ์ เป็นโอกาสดีในการวิเคราะห์ข่าวภายในของเทียนฉี ทว่า ก็เป็นงานเลี้ยงที่เปี่ยมไปด้วยหลุมพราง บางที…นางอาจจะตกอยู่ในอันตรายยิ่งกว่าเมื่อคราวก่อนตอนเข้าเฝ้าฮ่องเต้เสียอีก…
คราวก่อน ไม่มีผู้ใดรู้ธาตุแท้ของนาง ทุกคนยังคงคิดว่านางคือเสวี่ยเอ๋อร์ผู้อ่อนแอคนเดิมในอดีต นางจึงทำให้พวกเขาตั้งตัวไม่ทัน
ทว่า ครั้งนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น…
นางจำเป็นต้องคิดบัญชีกับพ่อบ้านเฟิง ก่อนงานเลี้ยงดอกท้อ แล้วค่อยปันใจมารับมือกับแผนการชั่วร้ายต่างๆ ที่ซ่อนเร้นไว้
ยิ่งกว่านั้นอวิ๋นอิ๋น…คนที่จะมาทำบัญชีต่ออยู่ระหว่างทางมาแล้ว ผู้คอยดูแลร้านค้าก็เลือกได้แล้วเช่นเดียวกัน
ตอนที่เฟิงต๋าถูกพ่อบ้านมั่วพาเข้ามาในโถงใหญ่ พาเถ้าแก่อีกแปดคนมาด้วย เดินเข้ามาอย่างยิ่งใหญ่ เห็นชัดว่าก่อนที่เขาจะส่งบัญชีมานั้น คิดแผนการรับมือกับคำถามของมั่วเชียนเสวี่ยเอาไว้แล้ว
ยังคงทำความเคารพด้วยสีหน้าซื่อสัตย์และจงรักภักดี “เฟิงต๋าน้อมทำความเคารพคุณหนูขอรับ”
หลังจากเฟิงต๋าทำความเคารพ เถ้าแก่ก็ก้มหน้าและประสานมือทำความเคารพ พูดอย่างพร้อมเพียง “ข้าเถ้าแก่(ชื่อ)…น้อมทำความเคารพคุณหนูขอรับ”
ใบหน้าของพวกเขาเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มสุภาพ ทว่ามั่วเชียนเสวี่ยไม่คิดจะแสดงสีหน้าเป็นมิตรให้พวกเขา หลังจากพวกเขายอมรับผิดจะให้นางยกโทษให้เช่นนั้นหรือ นั่นไม่ใช่วิถีของนาง!
วันนี้ เวลานี้ นางไม่จำเป็นต้องเกรงใจพวกเขาอีกแล้ว เฟิงเต๋าคือผู้กระทำผิด แต่เวลานี้เถ้าแก่พวกนี้กลับอยากจะหัวเราะเยาะนาง แน่นอนว่าย่อมไม่มีคนใดเป็นคนดีแน่นอน ประจวบเหมาะจะได้จัดการในคราวเดียว
เพล้ง ขณะที่พวกเขาทำความเคารพ มั่วเชียนเสวี่ยไม่เพียงไม่ตอบกลับ แต่ยังโยนถ้วยน้ำชาลงบนพื้นอย่างแรง
เฟิงต๋าและเถ้าแก่ทั้งแปดคนชะงักเล็กน้อย ยังตั้งตัวไม่ทันว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็ได้ยินมั่วเชียนเสวี่ยตะคอกเสียงดัง “คุกเข่าให้หมด”
เสียงของนางที่ดังก้อง เปี่ยมไปด้วยอำนาจที่ทรงพลัง บรรยากาศกดดันขึ้นมาในทันที