เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 262 จัดการ กูเหยียมาแล้ว (3)
ตอนที่ 262 จัดการ กูเหยียมาแล้ว (3)
“ขอรับ” บรรดาเจ้าหน้าที่เดินมาจากด้านหลังใต้เท้าหวัง
เฟิงต๋าตะลึงงัน เถ้าแก่ทั้งแปดคนล้มตัวลงนั่งบนพื้น
มั่วเชียนเสวี่ยมองไปยังคนที่มา คลี่ยิ้มบางๆ เหยียดกายลุกขึ้นต้อนรับเขา “ให้เต้าเท้าหวังเห็นเรื่องขายหน้าแล้ว รบกวนใต้เท้าหวังมาด้วยตนเองเช่นนี้ เชียนเสวี่ยรู้สึกละอายยิ่งนัก”
ใต้เท้าหวังทำความเคารพตอบ “คุณหนูใหญ่พูดอะไรกันขอรับ ดูแลความปลอดภัยของเมืองหลวงเป็นหน้าที่ของจวนเจ้าเมืองเมืองหลวง”
เฟิงต๋าถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวแล้ว เขาเงยหน้าขึ้น คนตรงหน้าคือใต้เท้าหวังเจ้าเมืองเมืองหลวงจริงๆ อีกทั้งยังดูสนิทสนมกับคุณหนูใหญ่ยิ่งนัก เขาตั้งสติได้ทันที
นี่คือ…ฟางเส้นสุดท้าย
“คุณหนูใหญ่ ปล่อยข้าน้อยไปเถอะขอรับ” เฟิงต๋าที่ได้สติกลับมาไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากที่ใด เขาหลุดจากการจับกุมของเจ้าหน้าที่อย่างรวดเร็ว คลานไปตรงหน้ามั่วเชียนเสวี่ย “ข้าน้อยผิดไปแล้ว ข้าน้อยยอมบอกทุกอย่าง ขอเพียงคุณหนูใหญ่ไว้ชีวิตข้าน้อย ปล่อยคนในครอบครัวของข้าน้อยไป”
โทษคดโกงไม่ถึงกับตาย โทษล่วงเกินสตรีชั้นสูงก็ไม่ถึงกับตาย แต่โทษคดโกงทรยศนายบวกกับล่วงเกินและไม่เคารพสองโทษนี้รวมกัน โทษถึงตายอย่างแน่นอน!
มั่วเชียนเสวี่ยนิ่งงัน สีหน้าเยือกเย็น “เวลานี้รู้จักกลัวแล้วหรือ น่าเสียดาย สายไปแล้ว!ใต้เท้าหวังเป็นขุนนางที่ยุติธรรมและเคร่งครัด ย่อมต้องให้เจ้า ‘ชดใช้ความผิด’ อย่างดีแน่นอน” “คุณหนูใหญ่ ข้าน้อยยอมบอกทุกอย่างแล้วขอรับ มีสมุดบัญชีอีกชุดหนึ่งจริงๆ ในบัญชียังมีเงินอีกหลายแสนตำลึง ตั๋วเงินอยู่ในมือภรรยาข้าน้อย…คุณหนูได้โปรดเห็นใจ เห็นแก่ฮูหยิน ปล่อยครอบครัวข้าน้อยเถอะครับ ข้าน้อยยินดีทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนคุณหนู…” เวลานี้ หากยอมเอาสมุดบัญชีชุดที่สองและตั๋วเงินอีกหลายแสนตำลึง ไม่แน่อาจจะมีโอกาสรอดก็ย่อมได้
ทว่า แม้เฟิงต๋าจะร้องห่มร้องไห้และคำนับศีรษะ แต่แววตาของเขากลับไร้ซึ่งความเศร้า มีเพียงความเหี้ยมโหดที่ฉายออกมา เหตุใดตอนนั้นเขาจึงไม่ฟังคำเตือนของผู้อื่น ใช้เงินเหล่านี้จ้างวานนักฆ่า ทำลายหายนะนี้ ทุกอย่างจะได้จบสิ้น
มั่วเชียนเสวี่ยมองไปที่เขา รู้สึกเวทนา เวลานี้แล้ว เขายังอยากจะหลอกนาง ยังคิดว่าจะวางแผนทำร้ายนางเช่นไร! เมื่อก่อนเสวี่ยเอ๋อร์ต้องอ่อนแอเพียงใด จึงทำให้เขาใจกล้าและไม่เกรงกลัวเช่นนี้
ความกตัญญูยิ่งใหญ่เหนือสวรรค์! เวลานี้อยากแสดงความกตัญญู? สายไปแล้ว! ตอนที่เขาบอกว่าตั๋วเงินหลายแสนตำลึงอยู่ในมือของภรรยา เรื่องนี้ก็เป็นไปไม่ได้แล้ว
คำพูดของเขาพิสูจน์ว่า ภรรยาของเขาและเขาชั่วร้ายไม่ต่างกัน เป็นคนเลวทรามเหมือนกัน หักหลังมารดาของนางมานานแล้ว สำหรับการกระทำของเขาแม้จะไม่พูดว่ารู้ทุกอย่าง แต่ก็พอจะรู้ระดับหนึ่ง
มั่วเชียนเสวี่ยหันหน้ากลับไป นางไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาอีก พูดเพียงคำเดียว “ไสหัวไป…”
เฟิงต๋าเข้าใจความหมายที่แฝงไว้ในคำพูดนี้ เขาทั้งตกใจและหวาดกลัว รีบคลานเข้าไปหา “คุณหนูใหญ่…ข้าน้อย…” มั่วเชียนเสวี่ยไม่มองเขา มั่วเหนียงย่อตัวลง พูดเสียงเบา “ตรอกอวี้ต๋าหมายเลข 85”
ตอนเฟิงต๋าได้ยินแปดพยางค์นี้ ราวกับฟ้าผ่ากะทันหัน เขากระอักเลือด ล้มลงบนพื้น ตรอกอวี้ต๋า…คือ…เขาจบเห่แล้ว!
เรื่องจบลงแล้ว มั่วเชียนเสวี่ยไหว้วานอย่างสุภาพขอให้ใต้เท้าหวังช่วยดูแลจากนั้นนางก็บอกว่าตนเหนื่อยแล้ว ขอตัวก่อน ส่วนเรื่องที่เหลือ ย่อมมีพ่อบ้านเป็นคนจัดการ
มั่วเชียนเสวี่ยยังไม่ออกเรือน การที่ไม่อยู่ต้อนรับใต้เท้าหวังก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ไม่มีผู้ใดตำหนิ
ก่อนหน้านี้ที่นางต่อรองกับเฟิงต๋า ไม่ใช่เพราะอยากให้เขายอมแพ้ แต่อยากจะถ่วงเวลา
เมื่อครู่คนของมั่วเชียนเสวี่ยส่งข่าวกลับมาแล้ว เรือนของหญิงนางโลมมีประตูลับที่สามารถเดินลัดเข้าสู่เรือนข้างๆ อีกทั้งเรือนที่อยู่ติดกันนี้คือเรือนที่ซื้อภายใต้นามแฝงของเฟิงต๋า
ในเรือนหลังนั้น ซุกซ่อนสมุดบัญชี เงิน ทองคำ อัญมณีต่างๆ เอาไว้หลายหีบ
ตลอดเจ็ดวันที่ผ่านมานี้ เขาไปที่เรือนของสตรียากไร้เพียงครั้งเดียว แล้วกลับอย่างรวดเร็ว
ทว่ากลับไปเรือนของหญิงนางโลมถึงสามครั้ง ทุกครั้งที่ไปเขาอยู่ในเรือนนานมาก อีกทั้งในเรือนก็ไม่มีเสียงคนพูดคุยหยอกล้อกัน ดูจากการทำงานของเฟิงต๋าก็รู้แล้วว่า เขาไม่ใช่คนประมาท ต้องมีบางอย่างแอบแฝงแน่นอน หลายวันที่ผ่านมานี้มั่วเชียนเสวี่ยจึงให้มั่วเหยียนและมั่วสิงตามสืบให้ละเอียด
มีบางอย่างแอบแฝงไว้จริงๆ ด้วย!
เวลานี้นางไม่ต้องการคำอธิบายของเขาแล้ว หีบเหล่านั้นที่บรรจุของไว้ ตอนนี้อยู่ระหว่างทางกลับจวนกั๋วกงแล้ว
มีหลักฐานแน่นหนา ใต้เท้าหวังจะตรวจค้นเรือนของเขา เรือนนอกของเขาทุกตารางนิ้ว เอาตั๋วเงินแสนกว่าตำลึงมาคืนนาง มั่วเหนียงเดินนำชูอีและผอจื่อพามั่วเชียนเสวี่ยไปจากโถงที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คน พ่อบ้านอาศัยโอกาสนี้ยัดถุงเงินให้ใต้เท้าหวัง พูดกับใต้เท้าหวังด้วยความเคารพ “เชิญใต้เท้าหวังสั่งคนสุ่มตรวจสมุดบัญชีตามวันเดือนปีได้ตามสบายขอรับ ดูว่าเหมือนกันหรือไม่…”
หลังจับกุมตัวเฟิงต๋าและผู้จัดการทั้งแปดคน ส่งใต้เท้าหวังและเจ้าหน้าที่กลับไป พ่อบ้านเดินกลับมารายงานด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ใต้เท้าหวังพูดแล้วว่า ตัดสินคดีวันนี้ พรุ่งนี้จะรายงานกรมราชทัณฑ์
ผลการตัดสิน ประหารชีวิตเฟิงต๋า ยึดทรัพย์สินของผู้จัดการทั้งแปดคนแล้วนำไปสนับสนุนด้านการทหาร ส่วนทรัพย์สินทั้งหมดของเฟิงต๋าตกอยู่ในการครอบครองของจวนกั๋วกง บิดามารดา ภรรยาและลูกของเขา ทั้งหมดถูกประทับตราทาส
ถูกประทับตราทาส เป็นได้เพียงทาสระดับล่างสุดเท่านั้น ไม่อาจพลิกชะตาชีวิตชั่วนิรันดร์
มั่วเชียนเสวี่ยตรวจหีบที่มั่วเหยียนและมั่วสิงนำกลับมา นางยกมุมปากขึ้น หนึ่งในหีบเหล่านี้มีหีบหนึ่งบรรจุสมุดบัญชีเอาไว้ทั้งหีบ ส่วนหีบอื่นๆ บรรจุเงินสองหีบ ทองหนึ่งหีบ อัญมณีโบราณหนึ่งหีบ
ด้วยสายตาที่เฉียบแหลมของเขา คาดว่าของทั้งหมดนี้น่าจะมีมูลค่าหนึ่งล้านกว่าตำลึง
เรื่องใหญ่ที่ติดค้างอยู่ภายในใจจบไปเรื่องหนึ่งแล้ว มั่วเชียนเสวี่ยวาดรูปซูชีฉบับหัวโตน่ารักอยู่ในห้องของตนเองอย่างอารมณ์ดี เหลือรูปนี้เพียงเพียงรูปเดียวก็ครบสิบแปดศิลปะการต่อสู้ รับประกันว่าซูชีที่ชอบของแปลกเห็นรูปวาดเหล่านี้ต้องร่ำไห้อย่างแน่นอน ฮ่าๆๆ!
มั่วเหนียงเดินเข้ามาเงียบๆ แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่นางเห็นคุณหนูวาดรูปเหล่านี้ แต่ทุกครั้งที่เห็นภาพวาดซูฉีฉบับน่ารัก นางก็แทบจะหลุดหัวเราะตลอด
ไม่รู้ว่าคุณชายซูชีทำผิดอะไรต่อคุณหนู คุณหนูจึงใจร้ายกับเขาเช่นนี้ ช่างน่าสงสารจริงๆ คุณชายรูปงามเช่นเขา เมื่ออยู่ใต้พู่กันของคุณหนูแล้ว กลับวาดให้กลายเป็นสภาพเช่นนี้
หัวเราะก็ส่วนหัวเราะ แต่ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่เหมาะสม! แม้จะวาดสภาพเช่นนี้ แต่ก็เป็นการวาดบุรุษ แม้เบื้องหน้าคุณหนูจะยังไม่ได้ออกเรือน แต่ถึงอย่างไรคุณหนูก็เป็นคนของกูเหยียแล้ว หากกูเหยียรู้เข้า จะทำเช่นไร! แม้กูเหยียจะจับไม่ได้ แต่ก็เป็นการทำผิดต่อคุณธรรมสตรี!
ทว่า ทุกครั้งที่เห็นคุณหนูวาดอย่างมีความสุข มั่วเหนียงก็เก็บความกังวลและไม่พอใจนี้เอาไว้ ช่างเถอะ ถึงอย่างไรก็อยู่ในจวนกั๋วกง กูเหยียไม่มีทางรู้แน่นอน
เรื่องที่กูเหยียยังไม่ตาย แม้มั่วเชียนเสวี่ยจะไม่บอกนาง แต่นางก็พอจะเดาได้ มิเช่นนั้น ด้วยความรักที่คุณหนูมีต่อกูเหยีย คุณหนูจะยิ้มแย้มเช่นนี้ได้อย่างไร ทั้งยังวาดรูปตลกของบุรุษอื่น แต่ว่า คุณหนูไม่พูด นางก็ย่อมไม่ถาม
มั่วเหนียงเม้มปากกลั้นหัวเราะ พูดเสียงอ่อนโยน “คุณชายเฉินมาอีกแล้วเจ้าค่ะ”
มั่วเชียนเสวี่ยมองภาพวาด ไม่แม้แต่จะเงยหน้า ตอบอย่างไม่ใส่ใจ “อืม เข้าใจแล้ว บอกสาวใช้ เชิญเขาไปที่โถงหน้า ประเดี๋ยวข้าวาดรูปนี้เสร็จจะตามไป
นับตั้งแต่ถูกกักบริเวณ ทุกวันยามโหย่ว[1]เฟิงอวี้เฉินมาเยี่ยมที่เรือนเสมอ แต่นางไม่เคยเจอเขามาก่อน มักจะหาข้ออ้างต่างๆ ในการโต้กลับเขา
พรุ่งนี้จะไปงานเลี้ยงดอกท้อแล้ว เรื่องบางอย่างต้องพูดให้ชัดเจนจึงจะเป็นการดีที่สุด ปล่อยไว้เช่นนี้ต่อไป ก็คงไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ดี…
[1] ยามโหย่ว หมายถึง เวลาประมาณ 17.00 น. – 19.00 น