เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 374 ก่อเรื่อง ตามรอยเบาะแส (3)
ตอนที่ 374 ก่อเรื่อง ตามรอยเบาะแส (3)
พี่รองของนางเอ่ยด้วยความโมโหว่า “ถ้าหากวันใดที่เจ้าเด็กซูชีนั่นทำผิดต่อเจ้า พี่รองจะเป็นคนแรกที่ไม่ปล่อยเขาไป…”
พี่สามของนางกลับเอ่ยยิ้มๆ “เจ้าเด็กซูชีนั่นถูกใจพี่ น้องสาว สายตาเจ้าไม่เลวเลย…”
หลังจากนั้น นางก็ได้กลายเป็นราชองครักษ์คนสนิทนายหนึ่งของจวนแม่ทัพเก้าประตูสมปรารถนา ปรนนิบัติรองแม่ทัพซูโดยเฉพาะ
……
ณ อำเภอเทียนเซียง ตระกูลถง
นับตั้งแต่มั่วเชียนเสวี่ยจากไป สองพ่อลูกตระกูลถงก็เริ่มต่อสู้กันในที่ลับทุกวัน
เพี๊ยะๆๆ…
เพี๊ยะๆๆ…
“เสียงนี้ไพเราะมาก!”
เพี๊ยะๆๆ…
เพี๊ยะๆๆ…
“เสียงดังกว่านี้อีกหน่อย! ดังกว่านี้อีก!”
หน้าประตูเรือนถงจื่อจิ้ง ตอนนี้กำลังแสดงละครตลกกันอยู่!
สตรีหลายนางนั่งคุกเข้าอยู่บนพื้นเป็นคู่ๆ และตบหน้ากันไปมาจนเสียงดังสนั่น
ถงจื่อจิ้งนั่งอยู่บนเก้าอี้ใต้ต้นไม้ มองเรื่องสนุกตรงหน้าด้วยใบหน้าที่แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม ปากก็โหวกเหวกเสียงดังราวกับเด็กผู้ชายซุกซนคนหนึ่ง
ทว่าแววตากลับคมกริบราวกับกระบี่เล่มหนึ่ง
นอกจากโหวกเหวกเสียงดังแล้ว เขายังให้ถงผิงกับถงอันที่ปรนนิบัติอยู่ด้านข้างไปสั่งสอนการตบหน้ากันและกันให้กับสตรีสารเลวกลุ่มนี้บ่อยๆ
แน่นอนว่า การอบรมที่ว่านี้ไม่ใช่แค่แสดงการตำหนิสตรีบางนางที่ตบฝ่ายตรงข้ามเบาเกินไป แต่เป็นการที่เขาแสดงการตบเองกับมือแรงๆ
นายท่านถงที่ยืนอยู่นอกเรือนถูกทำให้โมโหจนเกือบจะกระอักเลือด!
สตรีสิบนางที่สวมอาภรณ์โปร่งบางคุกเข่าอยู่ไม่ไกลนั่น เป็นสตรีที่เขาเพิ่งจะมอบให้กับถงจื่อจิ้ง โดยมีเป้าหมายให้ถงจื่อจิ้งได้เชี่ยวชาญเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เท่านั้นเอง! แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะถูกขวางเอาไว้นอกเรือน กระทั่งประตูก็ไม่ได้เข้าไป ทั้งยังถูกปฏิบัติใส่เช่นนี้!
อีกทั้งยังกระทำต่อหน้าเขา ภายใต้สายตาของเขาเอง!
“พอได้แล้ว! นี่เจ้าทำอันใดกัน จะต่อต้านหรือ!”
ในที่สุดนายท่านถงก็แผดเสียงดังก้องใส่ถงจื่อจิ้งอย่างรับไม่ไหว
นี่คือสตรีที่เขาคัดสรรอย่างพิถีพิถันเพื่อบุตรชายของเขา มีนางใดที่รูปโฉมไม่งดงามล่มเมืองบ้าง
สาวงามทั้งสิบคนกระทั่งประตูเรือนก็ไม่ได้เข้าไป ทั้งยังถูกบุตรชายที่รักของเขาขวางเอาไว้นอกประตู ให้นั่งหันหน้าเข้าหากันเป็นคู่ๆ หลังจากนั้นก็ตบใบหน้าของฝ่ายตรงข้าม!
บนโลกใบนี้มีเรื่องใดที่เลวร้ายกว่าเรื่องนี้ด้วยหรือ
เมื่อเสียงจางหายไป ถงจื่อจิ้งก็หมดความสนใจในการดูเรื่องสนุก กระทั่งสายตาที่มองไปยังนายท่านถงก็ยียวนไม่ยินยอม ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงการพูดคุยสนทนากันเลย!
เขาหมุนกายเตรียมกลับเข้าไปในเรือน นับว่าเป็นการเมินเฉยบิดาเขาโดยสิ้นเชิง!
“ต่อต้านแล้วสินะ! ต่อต้านแล้วสินะ!” นายท่านถงถูกทำให้เดือดดาลจนถึงขีดสุด!
แม้ว่าในใจแทบทนไม่ไหวก้าวเข้าไปฟาดฝ่ามือใส่เจ้าเดรัจฉานคนนี้ให้ตาย แต่กลับลงมือไม่ลง!
นี่เป็นบุตรชายผู้สืบสกุลเพียงคนเดียวของเขา เขาไม่กล้าทำให้ถงจื่อจิ้งมีอันตรายแม้เพียงน้อยนิด! แม้ว่าจะถูกทำให้โมโหจากเหตุการณ์ตรงหน้าจนเกือบจะตายไป! แต่ก็ยังคงไม่กล้าใช้ไม้แข็งกับถงจื่อจิ้งอยู่ดี!
ด้านหนึ่งก็กลัวว่าอาการที่เพิ่งจะฟื้นคืนกลับมาได้อย่างยากลำบากของถงจื่อจิ้งจะกำเริบอีกครั้ง อีกด้านหนึ่งก็คือ เขาไม่มีทางยอมรับว่าเขากลัว!
เขารู้สึกกลัวบุตรชายคนนี้บ้างแล้ว!
“ฆ่าทิ้งเสีย…”
ประโยคหนึ่งลอยมาจากสถานที่ที่ถงจื่อจิ้งหายไปอย่างแผ่วเบา ลอยเข้าหูนายท่านถง สาวงามกลุ่มหนึ่งที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น และองครักษ์รอบๆ
ชั่วขณะหนึ่งที่มีท่าทางตะลึงงัน และเพราะหวาดกลัวมากเกินไปจึงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง นักรบเดนตายเริ่มยกมือลงดาบ…
แสงสะท้อนต่างๆ นาๆ กลายเป็นทัศนียภาพที่ยามบ่ายที่งดงามฉากหนึ่ง
พ่อบ้านแอบมองนายท่านถงแวบหนึ่ง ก็เห็นประกายตกตะลึงในแววตาของเขา จึงส่ายหน้า…
รู้อยู่แท้ๆ ว่าคุณชายรังเกียจสตรี แต่ก็ยังยัดเยียดสตรีให้กับคุณชาย นี่นายท่านทำอันใดกัน หรือว่าเตรียมตัวจะเปลี่ยนจากพ่อลูกมาเป็นคู่แค้นกันจริงๆ
ดูท่า การตัดสินใจของเขาไม่ผิด ถ้าหากไม่รีบให้คุณชายรับช่วงต่อตระกูลถง วันใดที่นายท่านคิดที่จะไม่มอบให้ ก็เกรงว่า…เกรงว่า…
พ่อบ้านถงตัวสั่นระริก!
ความลับระหว่างเขากับนายน้อยนั้นจะให้นายท่านรู้ไม่ได้เด็ดขาด
ภายในห้อง ถงจื่อจิ้งหยิบไม้แกะสลักมะเฟืองที่ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา และถือมีดแกะสลักเอาไว้
เมื่อมือของถงจื่อจิ้งจับมีดแกะสลัก ตอนที่จ้องมองไม้มะเฟืองที่ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างนั้น แววตามีประกายเย็นเยียบ สีหน้าสนุกสนานนั้นเลือนหายไปหมดแล้ว
เหลือเพียงแค่…ความใจจดใจจ่อ และความอ่อนโยน
ผ่านไปเนิ่นนาน ถงจั่นก็ผลักประตูเข้ามาจากด้านนอก เห็นได้ชัดว่ามีเรื่องจะรายงาน
ถงจื่อจิ้งไม่ได้เงยหน้า มือยังคงแกะสลัก พลางเอ่ยถามอย่างไม่ใส่ใจ “มีข่าวส่งมาจากในเมืองหลวงหรือไม่”
นับตั้งแต่ที่ถงจั่นถูกพ่อบ้านถงซึ่งเป็นปู่ของเขามอบให้กับถงจื่อจิ้ง ก็ทุ่มเททั้งหัวใจทำเพื่อถงจื่อจิ้ง และสงสารคุณชายที่พบเจออุปสรรคท่านนี้มาทั้งชีวิต
ถงจื่อจิ้งกำลังแกะสลักวัตถุ ถงจั่นไม่แปลกใจแม้แต่น้อย ทุกวันคุณชายจะแกะสลักวัตถุชิ้นหนึ่ง เขาไม่ต้องมองก็รู้ว่าคุณชายกำลังแกะสลักอะไร เพราะแต่ไหนแต่ไรคุณชายก็แกะสลักเพียงแค่สิ่งเดียว
หีบใหญ่ใบหนึ่งในห้องใส่งานแกะสลักของคุณชายเอาไว้ ทั้งหมดล้วนแกะสลักเป็นคนคนหนึ่ง แต่กลับมีท่าทางแตกต่างกันออกไป
ถงจั่นที่ดึงสติกลับมาค้อมกายทำความเคารพ “เรียนนายท่าน ฮ่องเต้พระราชทานสมรสให้คุณหนูใหญ่มั่วกับท่านอาจารย์หนิงในช่วงพิธีปักปิ่นตอนอายุสิบห้าของคุณหนูใหญ่มั่วขอรับ ทางเมืองหลวงส่งข่าวมาว่า รอคุณหนูใหญ่ปักปิ่นเรียบร้อยแล้ว ท่านอาจารย์หนิงก็จะไปขอหมั้นหมาย หลังจากนั้น…”
ถงจั่นรายงานจบแล้ว ถงจื่อจิ้งก็ไม่ได้กล่าวอันใดมาก เพียงแค่เอาวัตถุแกะสลักในมือไปใกล้ปากแล้วเป่า เมื่อเป่าเศษไม้ด้านบนสะอาดแล้ว ก็มองไม้แกะสลักที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างด้วยแววตาอ่อนโยน
ตั้งแต่มั่วเชียนเสวี่ยไปจากอำเภอเทียนเซียง เขาก็ติดตามข่าวสารที่เมืองหลวงมาโดยตลอด
ทุกครั้งที่ได้ยินรายงานข่าว ก็ได้ยินเรื่องที่มั่วเชียนเสวี่ยได้รับความลำบาก การกลั่นแกล้งเล่นแง่ต่างๆ เขาล้วนเกลียดตนเองที่ไร้ความสามารถ
เกลียดเสร็จแล้ว เขาก็จะม้วนแขนเสื้อตนเองขึ้นมากรีดมีดลงบนแขนตนเองในสถานที่ที่ไร้ผู้คน เขาต้องจำว่าตนเองไร้ความสามารถ เขาต้องจำความลำบากที่พี่สาวได้รับ
จากนั้น ก็จะไปฝึกวรยุทธ์บนลานฝึกพิเศษของตระกูลถงจนกระทั่งเหนื่อยสายตัวแทบขาด
ยังดีที่ แม้ว่าสิบกว่าปีมานี้เขาจะไม่ได้ฝึกวรยุทธ์ แต่พื้นฐานในช่วงวัยเยาว์ยังคงอยู่ ทั้งยังมียารักษาและการบำรุงจากหมอประหลาดมาหลายปีขนาดนี้ บวกกับนิสัยที่เฉลียวฉลาดปราดเปรียว ขอเพียงแค่ขยัน และหาช่องทางพบ ก็ก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว
ความเหี้ยมโหดที่เก็บซ่อนอยู่ในใจเขา ย่อมเพียรพยายามที่จะทำเรื่องที่ตั้งใจไว้ให้สำเร็จ
เมื่อมีความเชื่อ การใช้ชีวิตในทุกวันของเขาก็น่าเบื่อหน่ายสุดขีด ทำซ้ำไปซ้ำมาอยู่ไม่กี่อย่าง ร่ำเรียน ฝึกวรยุทธ์ แกะสลัก แอบรับช่วงต่องานทั้งหมดภายในตระกูล
เมื่อถงจั่นถอยออกไป ถงผิงถงอันก็ปิดประตูเฝ้าอยู่ด้านนอก
ถงจื่อจิ้งแกะสลักวัตถุในมือไป พลางบ่นพึมพำ
“พี่สาว รอข้า จื่อจิ้งจะสืบทอดผู้นำตระกูลถงในเร็วๆ นี้แล้ว รอจื่อจิ้งพาผู้นำตระกูลถงไปเมืองหลวง ยืนอยู่ข้างหลังท่าน มาคนหนึ่งฆ่าคนหนึ่ง มาสองคนก็ฆ่าสองคน ดูซิว่าใครจะกล้ามารังแกถึงที่อีก
ไม่นาน วัตถุที่แกะสลักก็ค่อนข้างละเอียดแล้ว นั่นคือรูปปั้นสตรีนางหนึ่ง สตรีนางนั้นรูปโฉมงดงาม ยิ้มสวยราวกับบุปผา…
……
หนิงเซ่าชิงกับมั่วเชียนเสวี่ยเดินไปเดินมา ก็สนทนาเรื่องความรู้สึกจนถึงเหตุการณ์ในปัจจุบัน พูดคุยเรื่องที่เกิดขึ้นในระยะนี้ แผนร้ายลับๆ กลยุทธ์ที่เปิดเผยพวกนั้น
ใจกลางทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยว มีศาลากลางทะเลสาบหลายหลัง ทั้งสองคนเดินข้ามสะพานบนทะเลสาบไปหยุดที่ศาลากลางทะเลสาบหลังหนึ่ง