เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 375 ก่อเรื่อง ตามรอยเบาะแส (4)
ตอนที่ 375 ก่อเรื่อง ตามรอยเบาะแส (4)
หนิงเซ่าชิงประคองมั่วเชียนเสวี่ยให้นั่งลง “ระยะนี้พวกเขาหยุดกันบ้างหรือไม่” พวกเขาที่ว่านี้ย่อมหมายถึงคนตระกูลมั่ว
มั่วเชียนเสวี่ยไม่ได้ตอบคำถามทันที แต่กลับซุกไหล่ของหนิงเซ่าชิงเงียบๆ
หนิงเซ่าชิงไม่ใส่ใจ ลูบเรือนผมของนางอย่างอ่อนโยน เกี่ยวเอาไว้กับปลายนิ้ว พลางพินิจพิเคราะห์
คนพวกนั้นของตระกูลมั่ว…ไม่เคยประพฤติตนเรียบร้อย! ต้องการจัดการเชียนเสวี่ยให้ตายครั้งแล้วครั้งเล่า ในตอนที่นางลำบาก เขากลับไม่เคยอยู่ข้างกาย ทำให้นางต้องโต้กลับด้วยแผนการของนางเอง คิดถึงตรงนี้แล้ว หนิงเซ่าชิงก็ปวดใจ
เชียนเสวี่ยของเขา เดิมควรจะหลบอยู่ในอ้อมแขนเขาอย่างปลอดภัยไร้กังวล มองดูทิวทัศน์งดงามอย่างยิ้มแย้ม จำเป็นจะต้องระวังตัวตลอดเวลาเช่นนี้เสียที่ไหนกัน ทุกคราที่ตัดสินใจนั้นล้วนเดินอยู่บนปลายมีด…
ในสายตาของบุรุษผู้หนึ่ง ความคิดเช่นนี้ของหนิงเซ่าชิงนั้นปกติ แต่มั่วเชียนเสวี่ยกลับไม่คิดเช่นนั้น
มั่วเชียนเสวี่ยเพลิดเพลินไปกับความอบอุ่นจากหนิงเซ่าชิงแล้ว นางก็เอ่ยด้วยท่าทางสบายๆ ว่า “ก็ดี ช่วงนี้ทำตัวเรียบร้อยกันดี”
มือหนิงเซ่าชิงที่เล่นปอยผมอยู่ชะงัก “อืม นับว่ารู้จักปรับตัว”
มั่วเชียนเสวี่ยกลับยิ้มเย็น พลางเอ่ยว่า “แต่ว่า เมื่อพวกเรารู้ว่าข้าเป็นว่าที่สะใภ้ตระกูลหนิงของพวกท่าน ในตอนที่ข้ายังไม่ได้ย่างเท้าเข้าประตูใหญ่ตระกูลหนิง พวกเขาก็เริ่มยัดคนเข้าไปในเรือนหลังของท่านอย่างเอาใจใส่กันแล้ว!”
เอ่ยถึงตรงนี้ มั่วเชียนเสวี่ยก็รู้สึกหึงหวงเล็กๆ!
หนิงเซ่าชิงเป็นของนางคนเดียว สตรีนางใดล้วนมิอาจยื่นมือเข้ามายุ่มย่ามได้ มิเช่นนั้นก็ระวังว่านางจะกำจัดพวกนาง!
หนิงเซ่าชิงยิ้มเมื่อได้ยินวาจา…
“เสวี่ยเสวี่ยหึงแล้วหรือ สามีดีใจมาก” หนิงเซ่าชิงยิ้มกว้าง น้ำเสียงก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายประหลาดโดยไม่รู้ตัว
ในยามปกติมั่วเชียนเสวี่ยล้วนแสดงออกอย่างสงบเยือกเย็น แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่เกิดอารมณ์ปฏิพัทธ์กับเขา กิริยางดงามเยาว์วัยที่แสดงออกมาก็ยังเจือไปด้วยสติรู้ตัวเล็กน้อย
เวลาผ่านไปไม่นานนัก ท่าทีสงบเยือกเย็นของนางก็ทำให้หนิงเซ่าชิงรู้สึกกลุ้มใจไม่มีที่สิ้นสุด!
เขาสามารถรู้สึกโมโหโกรธาไม่หยุดเพียงเพราะมั่วเชียนเสวี่ยจูงมือกับสตรีคนหนึ่งได้ แต่มั่วเชียนเสวี่ยกลับมักจะสงบเยือกเย็น บางครั้งก็ยังล้อเขาเล่นด้วยการเอ่ยเรื่องขำขันที่ไม่ได้เป็นภัยอะไร
วันนี้สามารถเห็นท่าทางหึงหวงของนางได้ นับว่าหนิงเซ่าชิงสมปรารถนาแล้ว!
เขาในตอนนี้อยากจะดึงสตรีที่เป็นปีศาจน้อยนางนี้เข้ามาในอ้อมแขนจริงๆ จากนั้นก็แสดงความรักและทะนุถนอมนางดีๆ สักรอบ!
ทว่า รอบๆ ล้วนคลาคล่ำไปด้วยผู้คน ท้ายที่สุดเขาก็ต้องกังวลถึงชื่อเสียงของเชียนเสวี่ย ตอนนี้สถานะของนางคือสตรีที่ยังไม่ได้ออกเรือน อากัปกิริยาที่เร่าร้อนเกินไปยังคงไม่เหมาะสมที่จะกระทำต่อหน้าผู้อื่น
มั่วเชียนเสวี่ยหยิกบริเวณเอวหนิงเซ่าชิงอย่างแรง เมื่อหยิกเนื้อนิ่มที่เอวของเขาได้แล้ว ก็บิดอย่างแรง จากนั้นก็เอ่ยกับหนิงเซ่าชิงด้วยท่าทางดุร้าย “ท่านจำเอาไว้เลยว่า ในภายหลัง ถ้าหากท่านนอกใจข้า ข้าจะตัดมันทิ้งอย่างแน่นอน!”
ตัดที่ว่านั่นไม่ใช่ตัดสิ่งอื่นใด!
มั่วเชียนเสวี่ยทำมือเป็นรูปมีด ไม่ใช่ตัดคอของหนิงเซ่าชิง แต่…แนบมือลงบนหน้าท้องเขา และใช้การกระทำแทนคำพูดอย่างดุร้าย!
ถ้าหากว่าเป็นบุรุษอื่นจะต้องโมโหแน่นอน แต่ถ้าหากว่าเป็นสตรีนางอื่นจะกล้าทำเช่นนี้ที่ไหนกัน
เมื่อเห็นมั่วเชียนเสวี่ยวางมือลงบนจุดอ่อนไหว หนิงเซ่าชิงก็นัยน์ตาเป็นประกายวาบ กระซิบหยอกล้อเสียงเบาข้างหูนาง “เจ้าทำใจได้หรือ”
“ถ้าหากท่านกล้า ข้าก็ทำใจได้”
มั่วเชียนเสวี่ยก็ยิ้ม เพียงแต่สีหน้าดูชั่วร้ายอยู่บ้าง มือเล็กๆ นั่นไม่เพียงแต่จะดึงกลับไป แต่คล้ายกับจะเพิ่มแรงขึ้น ขยับเสียดสีตรงจุดนั้นไม่เบาไม่แรง
เมื่อแรงเพิ่มขึ้น บริเวณที่ถูกขวางกั้นด้วยชั้นผ้าก็ร้อนขึ้นมาเล็กน้อย หนิงเซ่าชิงร้อง “อุก” ออกมาอย่างอดไม่อยู่
เขามองมือเล็กที่นุ่มนิ่มราวกับไร้กระดูกของนางแล้ว ก็ยืนมือไปจับเอาไว้ รู้สึกอาลัยอาวรณ์เล็กน้อย แต่ก็ดึงออกแผ่วเบาอย่างแน่วแน่ ถ้าหากว่านางยังใช้การกระทำแทนคำพูดกับบริเวณนั้นอีก เขาคงทนไม่ไหวแล้ว
หนิงเซ่าชิงสูดลมหายใจลึก ข่มเพลิงอารมณ์ที่อยู่ในจิตใจ เขาไม่เพียงแต่ไม่โมโห แต่กลับมองนางที่มีแววตาแน่วแน่ และจุมพิตลงบนเปลือกตานั้นอย่างสนิทสนม
แม้ว่าน้ำเสียงจะยังอ่อนโยนเช่นเคย แต่กลับหนักแน่นเป็นอย่างมาก “วางใจเถอะ ชีวิตนี้ข้าจะไม่ให้โอกาสเช่นนี้กับเจ้าแน่นอน”
เขาจะรออยู่ด้วยกันกับมั่วเชียนเสวี่ยไปจนแก่ รอลูกหลานเต็มบ้าน จะยอมให้นางหักของตนเองทิ้งได้อย่างไร
มั่วเชียนเสวี่ยจ้องเขานิ่งๆ ไม่ใช่ว่านางไม่เชื่อหนิงเซ่าชิง ในทางกลับกัน นางเชื่อมาก เชื่ออย่างแท้จริง
แต่นางกลับไม่เชื่อในสังคมนี้ ประเพณีในสังคมนี้
ผู้อาวุโสมอบให้ มิกล้าปฏิเสธ
สมมติว่ามีวันใดวันหนึ่งที่บิดาของหนิงเซ่าชิง หรือท่านย่าของเขายัดคนเข้ามาในห้องของเขาจริงๆ ตอนนั้นจะทำเช่นไร
แม้ว่าหนิงเซ่าชิงจะไม่แตะต้องพวกนางจริงๆ แต่กลับทำให้รู้สึกขัดหูขัดตา ต่อมาก็โมโหปวดใจ ไม่สบายไปทุกส่วน!
มั่วเชียนเสวี่ยหรี่ตาลงเล็กน้อย พลางครุ่นคิด ตนเองในยามนี้ไม่ได้มีอำนาจมากพอ นางจะต้องมีอำนาจจนถึงขั้นที่ แม้ว่าพวกเขาที่เป็นผู้อาวุโสคิดจะมอบอนุภรรยาให้หนิงเซ่าชิง ก็ต้องพิจารณาสักหน่อยว่านางยินยอมหรือไม่!
“เห็นแก่ความจริงใจของท่าน จะเชื่อท่านชั่วคราวแล้วกัน”
หนิงเซ่าชิงที่ได้ยินก็ส่ายหน้าน้อยๆ และยิ้มจนปัญญา “เด็กโง่ ไม่เชื่อข้าขนาดนั้นเชียวหรือ”
“เซ่าชิง” มั่วเชียนเสวี่ยก็มองไปทางเขา พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างที่สุด “ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อท่าน ข้าเพียงแค่ไม่เชื่อในสังคมเช่นนี้ ไม่เชื่อประเพณีในสังคมนี้ ไม่เชื่อคนที่อยู่ข้างกายท่าน…เท่านั้นเอง!”
จย่าฮูหยินเป็นแม่บุญธรรมของนางยังคิดจัดเตรียมพี่สาวน้องสาวมาให้นางเลย
ยังไม่ทันไรตระกูลมั่วก็ส่งสตรีมาให้สองนาง
งานเลี้ยงชมบุปผาของตระกูลหลัน ญาติผู้น้องที่เรียกญาติผู้พี่คำแล้วคำเล่าบ้าบออะไรนั่น…
เงาร่างของคนเหล่านี้แวบผ่านห้วงความคิดของมั่วเชียนเสวี่ยไปทีละคน มั่วเชียนเสวี่ยมีจิตใจแน่วแน่ “เซ่าชิง ท่านวางใจได้ ข้า มั่วเชียนเสวี่ยก็ไม่ใช่คนอ่อนแอที่จะให้ใครมารังแก ข้าจะต้องสะสมอำนาจ ข้าคิดว่ารอวันที่ข้ามีความสามารถมากพอ แม้ว่าจะมีใครคิดส่งคนให้ท่าน ก็ต้องพิจารณาไตร่ตรองสักหน่อยว่า ข้า มั่วเชียนเสวี่ยยินยอมหรือไม่!”
เมื่อคิดถึงวันนั้น มั่วเชียนเสวี่ยก็ยิ้ม และพยักหน้าได้ใจเป็นอย่างมาก “ข้าเฝ้ารอให้ถึงตอนนั้นมากเลยล่ะ!”
หนิงเซ่าชิงกอดนางเเน่น จุมพิตลงบนศีรษะนางแผ่วเบา พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยแววตามใจและเอาอกเอาใจ
“เด็กโง่…”
เชียนเสวี่ยของเขา ไม่ว่าทำอะไรก็ดีทั้งนั้น!
ในเมื่อเชียนเสวี่ยอยากจะยิ่งใหญ่เช่นนั้นเขาจะช่วยให้นางมีอำนาจ ถ้าหากว่าเชียนเสวี่ยของเขาอยากจะแอบอิงอยู่ในอ้อมแขนเขา เช่นนั้นเขาก็ยินยอมสมัครใจ
สถานการณ์ในตอนนี้ แม้จะกล่าวว่าอารมณ์รักหวานชื่นก็ไม่มากเกินไปนัก
ทั้งสองคนกำลังแสดงความรักหวานชื่นกัน แต่ก็มีเสียงที่ไม่เข้ากับสถานการณ์ลอยเข้าหูมา
“นายท่าน ขอข้าวปลาอาหารให้ข้าน้อยหน่อยเถอะขอรับ ข้าน้อยไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว…”
กุ่ยซา ชูอี และสืออู่ ทั้งสามคนกำลังยืนมองดูอยู่ในสถานที่ไม่ไกลนัก
ความจริงถ้าจะกล่าวให้ถูกต้อง นั่นไม่ใช่การมองดู แต่เป็นการระแวดระวังตลอดเวลาต่างหาก