เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 376 ก่อเรื่อง ตามรอยเบาะแส (5)
ตอนที่ 376 ก่อเรื่อง ตามรอยเบาะแส (5)
จนปัญญา กุ่ยซาที่ถูกผู้เป็นนายลงโทษคราหนึ่งอย่างเลี่ยงไม่ได้ก็หยุดนิ่งอย่างเห็นได้ชัด และไม่กล้าปฏิบัติหน้าที่บกพร่องอีก! เพราะเขาไม่อยากจะโดนแส้หวดอีก
ในตอนนี้เองที่ขอทานคนหนึ่ง…ไม่สิ…กลุ่มหนึ่งวิ่งตรงมาทางพวกเขาสามคน พลางเอ่ยขออาหารด้วยน้ำเสียงโศกเศร้า
พวกเขาสามคน แม้ว่าจะปรนนิบัติผู้เป็นนายที่เกิดในตระกูลสูงศักดิ์ แต่กลับไม่ได้มีท่าทียโสโอหัง และนิสัยรังเกียจคนยากจน
ชูอีกับสืออู่เป็นสตรี เมื่อเห็นกลุ่มคนที่สวมเสื้อผ้าสกปรกซอมซ่อ บางคนก็ไม่มีแม้กระทั่งรองเท้าจะใส่ จึงเกิดความรู้สึกเห็นอกเห็นใจขึ้นมา ดังนั้นทั้งสองคนจึงรีบปรึกษากันครู่หนึ่ง พลางดึงถุงเงินที่ห้อยอยู่บริเวณเอวออกมา ส่งให้กับคนที่ยืนอยู่หน้าสุดคนนั้น
เดิมนึกว่า แม้ว่าขอทานกลุ่มนี้จะไม่ขอบคุณ แต่ก็จะจากไปเมื่อรับเงินเรียบร้อยแล้ว?
แต่ว่าไม่ใช่ หลังจากที่สืออู่ส่งถุงเงินของทั้งสองคนให้คนคนนั้นแล้ว คนคนนั้นก็รับเอาไปโดยที่ไม่เหลือบมองสักนิด จากนั้นก็บีบเอาไว้ในมือ ปากกล่าววาจาขอบคุณ
นี่เป็นเรื่องที่ไม่อาจวิจารณ์ได้ แต่ครู่หนึ่ง ชูอีกับสืออู่ก็ค้นพบปัญหาอย่างหนึ่ง!
ขอทานกลุ่มนี้ดันไม่ยอมจากไป!
ทั้งสองคนสบตากันแวบหนึ่ง ล้วนเห็นความผิดปกติในสายตาของกันและกัน!
จึงขยิบตาบุ้ยใบ้ ชูอีตวาด “ให้เงินพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ายังไม่รีบไปอีก! ไปซื้อของกินกับเสื้อผ้าไว้ใส่เสีย ไม่ต้องขอบคุณพวกเราแล้ว! รีบไปเถอะ”
ขณะที่กล่าว ชูอีกับสืออู่ก็ถอยหลังไปด้วยความระแวดระวัง
ตอนนี้พวกนางถูกคนกลุ่มนี้ล้อมไว้อยู่ตรงกลาง ถ้าหากระหว่างนั้นเกิดอะไรขึ้นมากะทันหัน แม้ว่าตัวพวกนางจะมีวรยุทธ์ แต่เมื่อถูกขอทานพวกนี้ดึงเอาไว้ คิดอยากจะปลีกตัวออกไปนั้นยากมาก!
“ขอบคุณคุณหนู! คุณหนูทั้งสองท่านมีจิตใจดีจริงๆ…”
วาจาขอบคุณยังคงถูกเอ่ยออกมาจากปากขอทานกลุ่มนั้น พวกนางถอยหลังก้าวหนึ่ง ขอทานกลุ่มนั้นก็ก้าวขึ้นมาข้างหน้าก้าวหนึ่ง
แม้จะเป็นคนโง่ ก็ยังมองออกว่าขอทานกลุ่มนี้ผิดปกติ!
“กุ่ยซา! ขอทานกลุ่มนี้มีปัญหา!”
ชูอีร้อนใจ กลัวว่าขอทานกลุ่มนี้จะเป็นภัยต่อคุณหนูกับกูเหยียที่อยู่ในศาลาซึ่งอยู่ไม่ไกล! ดังนั้นจึงรีบเอ่ยเรียกกุ่ยซาที่ทำท่าไม่ใส่ใจที่อยู่ไม่ไกลทันที!
สุดท้ายก็เป็นเพราะอยู่ไกลไปหน่อย เสียงก็อึกทึก แม้ว่าความสามารถในการได้ยินของกุ่ยซาจะไม่เลว แต่ก็ได้ยินไม่ชัดเจนชั่วคราว
เมื่อเห็นขอทานกลุ่มนี้ล้อมรอบสาวใช้สองนางเอาไว้ ก็นึกว่ากำลังขอบคุณพวกนางอยู่ จนกระทั่งชูอีตะโกนออกมา กุ่ยซาถึงได้ลอยตัวมาทันที!
และในเวลาเดียวกัน! เหล่าขอทานที่แสดงท่าทางอ่อนแอ น่าสงสารเป็นที่สุดก็พากันดึงอาวุธออกมาจากเสื้อผ้าซอมซ่อที่หลวมผิดปกติของพวกเขา
คนสองกลุ่ม เริ่มต่อสู้กันดุเดือดอย่างเป็นทางการ
“ช่วยด้วย! ไม่ได้การแล้ว! จะฆ่าคนแล้ว! คนตระกูลสูงศักดิ์จะฆ่าคนแล้ว!”
“สาวใช้จากตระกูลสูงศักดิ์ร่วมมือกันฆ่าขอทาน! ช่วยด้วย!”
ทางด้านนี้เพิ่งจะเริ่มสู้กัน เหล่าขอทานที่ตามอยู่ด้านหลังขอทานกลุ่มนั้นก็เริ่มตะโกนโวยวายเสียงดัง! คนที่ไม่รู้สาเหตุ คงจะนึกว่าคนตระกูลสูงศักดิ์ทนมองขอทานเหล่านี้ไม่ได้ จึงทุบตีเข่นฆ่าตามใจชอบจริงๆ!
“พูดจาเหลวไหล!” เมื่อสืออู่ที่อารมณ์ร้อนได้ยินวาจานี้แล้ว ก็ถูกทำให้โมโหจนเวียนศีรษะ! จึงถีบขอทานที่วางแผนจะก้าวมาข้างหน้าทันที โดยไม่พูดพล่ามทำเพลง!
ส่วนขอทานที่เดิมกำลังทำท่าทางเตรียมโจมตีก็หงายหลัง และกระอักเลือดออกมาคำโต! เมื่อโดนสืออู่ถีบ
วาจาและเรื่องที่พวกเขากระทำเหล่านี้ ทั้งสามคนจะไม่เข้าใจได้เช่นไรว่าเรื่องมันเป็นมาอย่างไร
ดูท่า จะมีคนรังเกียจที่ใช้ชีวิตผ่านคืนวันสบายเกินไปเสียแล้ว ถึงได้ออกมาหาเรื่อง!
กุ่ยซาที่รีบหันไปมองผู้เป็นนายทั้งสองคนในศาลาที่อยู่ไม่ไกล กลับบังเอิญเห็นสายตาเรียบเฉยของหนิงเซ่าชิงที่มองมาทางเขา
แม้ว่าจะไร้คลื่นอารมณ์ แต่กุ่ยซาติดตามอยู่ข้างกายหนิงเซ่าชิงมานานขนาดนี้แล้ว ย่อมต้องเข้าใจว่าหนิงเซ่าชิงหมายความว่าอะไร!
ฆ่า! ไม่ต้องกังวลถึงสิ่งใด!
มิผิด ความหมายที่นายท่านให้เขาก็คือฆ่าไม่มีเว้น!
ในเมื่อนายท่านมีแผนการแล้ว เช่นนั้นพวกเขาก็จะไม่เกรงใจอีกแล้ว!
เขายกมือ วาดดาบ เตรียมจะเก็บชีวิตคนชีวิตแล้วชีวิตเล่า!
แต่กลับได้ยินคำสั่งของนายท่านดังลอยมา “จับเป็น”
กุ่ยซาตะลึงค้าง แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจว่าทำไมนายท่านถึงเปลี่ยนความคิด แต่ว่ามือกลับดึงดาบกลับมาอย่างรวดเร็ว และเปลี่ยนไปใช้สันดาบฟันขอทานที่อยู่ในมือผู้นั้นให้สลบ
เห็นได้ชัดว่าท่ามกลางกลุ่มขอทาน มีผู้ที่ไม่ใช่ขอทานอยู่ด้วย!
เพราะพวกเขาล้วนเป็นคนที่มีพื้นฐานกำลังภายใน แม้ว่าจะไม่สูง แต่ก็ยังสามารถสู้ได้เต็มที่ครู่หนึ่ง
บางคนก็ยังสามารถใช้หนึ่งสองกระบวนท่าภายใต้เงื้อมมือของกุ่ยซา
“ช่วยด้วย! จะฆ่าคนแล้ว! ตระกูลสูงศักดิ์จะฆ่าพวกเราที่เป็นกลุ่มคนน่าสงสารแล้ว…”
บริเวณรอบด้านยังคงมีคนตะโกนเสียงดัง ร้องโวยวาย
พวกเขากระทำเช่นนี้ ก็เพียงแค่ต้องการดึงความสนใจจากผู้คนเท่านั้นเอง!
มั่วเชียนเสวี่ยกับหนิงเซ่าชิงล้วนยืนดูเหตุการณ์เข่นฆ่าอยู่กลางศาลา โดยไม่กล่าวอันใด
คนกลุ่มนี้คิดจะให้พวกเขาฆ่าคน สร้างความวุ่นวายให้พวกเขา แต่พวกเขาดันไม่หลงกล
ครู่หนึ่ง มั่วเชียนเสวี่ยก็ยกริมฝีปากแย้มเป็นรอยยิ้มเย็นน้อยๆ “กลอุบายประเภทนี้ ตอนที่เพิ่งมาถึงเมืองหลวงก็เคยใช้ไปครั้งหนึ่งแล้ว ตอนนี้ยังจะใช้อีก?”
ที่มั่วเชียนเสวี่ยเอ่ยถึง ย่อมเป็นครั้งแรกหลังจากนางมาถึงเมืองหลวง ขณะเดินทางจากวังหลวงกลับจวน
นั่นน่ะสิ มาวันนี้ ก็เหมือนกันอย่างน่าประหลาด
ในใจหนิงเซ่าชิงนั้นโกรธเป็นฟืนเป็นไฟนานแล้ว
คนพวกนี้จะหยุดได้หรือยัง
การนัดพบของเขากับมั่วเชียนเสวี่ย ถูกคนทำลายครั้งแล้วครั้งเล่า แม้ว่าจะเป็นเทพต้าหลัวในสวรรค์ชั้นมหาอณูเทพก็ต้องโมโหเช่นกัน!
“กลอุบายไม่ได้อยู่ที่ซ้ำซาก ใช้งานได้ก็พอแล้ว!”
เอ่ยจบ หนิงเซ่าชิงก็โอบเอวมั่วเชียนเสวี่ย ปลายเท้าแตะพื้น ทั้งสองคนก็ลอยตัวขึ้นไปกลางอากาศ!
และกระโดดลงบนก้อนหินที่อยู่ไม่ไกลนักอย่างไม่ยอมถอย น้ำเสียงของหนิงเซ่าชิงเจือไปด้วยความเด็ดขาด! ทั้งยังสอดแทรกกำลังภายใน เรียบง่ายและจริงใจอย่างที่สุด!
“คนเร่ร่อนก่อความวุ่นวายวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน คนอื่นรีบหลบเร็วเข้า! ผู้ที่มีน้ำใจสามารถไปแจ้งความได้ที่แม่ทัพเก้าประตู ให้ทางการส่งคนมาจับกุม!”
เมื่อสิ้นเสียงหนิงเซ่าชิง มั่วเชียนเสวี่ยที่ถูกปกป้องอยู่ในอ้อมแขนเขาก็กลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่…
“ลูกไม้นี้สูงส่งมาก!”
สูงส่งสิ!
ให้แม่ทัพเก้าประตูมาจัดการ จะยังมีใครหน้าไหนกล้าบอกว่าพวกเขาฆ่าคนตามใจชอบอีก
หนิงเซ่าชิงได้ยินแล้วก็ยิ้ม และยังคงเอ่ยประโยคที่พูดไปก่อนหน้านี้ซ้ำ “อุบายไม่ได้อยู่ที่การใช้ซ้ำ แค่ใช้ได้ก็เพียงพอแล้ว!”
ในเมื่อพวกเขากล้าที่จะใช้ขอทานมาก่อความวุ่นวาย เช่นนั้นทำไมพวกเขาไม่ใช้คนเร่ร่อนก่อความวุ่นวายมาเป็นข้ออ้างในการจับคนทั้งหมดเอาไว้ล่ะ
ถึงอย่างไร…ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้มาก่อน
เพียงแต่ว่า พวกเขาไม่สามารถฆ่าคนพวกนี้ทิ้งทั้งหมด
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าคนพวกนี้มีเป้าหมาย หนึ่งครั้ง สามารถกล่าวได้ว่าคนเร่ร่อนก่อการจลาจลแย่งชิงทรัพย์ แต่ครั้งที่สองกลับไม่สามารถใช้ข้ออ้างนี้ในการฆ่าคนได้อีก
ครั้งที่แล้ว มั่วเชียนเสวี่ยถูกล้อม เรื่องนี้เกี่ยวกับความบริสุทธิ์ของสตรีนางหนึ่ง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องฆ่าทิ้งอย่างเสียมิได้ หากว่าคราวนี้ฆ่าอีก ก็เกรงว่าจะทำให้แต่ละฝ่ายไม่พอใจ