เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 384 วางใจ (6)
ตอนที่ 384 วางใจ (6)
สำหรับเรื่องนี้ มั่วเชียนเสวี่ยไม่ได้มีอันใดไม่พอใจ นางรู้ว่าคนที่ออกบวชล้วนมีนิสัยแปลกประหลาดอยู่บ้าง ที่สำคัญก็ที่สุดคือ คนที่ออกบวชล้วนไม่ยินดียินร้อน ทำสิ่งใดล้วนเอื่อยเฉื่อย ไร้ซึ่งความตื่นตระหนกเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลง
การคุกเข่าในครั้งนี้ เป็นการคุกเข่าลงบนหัวใจของหนิงเซ่าชิงอย่างแท้จริง!
เขารู้ว่ามั่วเชียนเสวี่ยไม่ชอบคุกเข่าให้คนอื่น!
ในวันที่พวกเขามุมานะต่อสู้กับความยากลำบาก เจี่ยนเหล่าไท่จวินจะรับนางเป็นบุตรีบุญธรรม ขอเพียงแค่นางคุกเข่าทำความเคารพ และโขกศีรษะ นางยังไม่ยินยอม
แม้ว่าตอนที่อยู่ในตำหนักจินหลวนเป่า นางคุกเข่าให้กับฮ่องเต้ แต่กลับยังคงมีความรู้สึกไม่พอใจ วันนี้เขาไม่บีบบังคับมั่วเชียนเสวี่ย ถ้าหากว่านางยินยอมคุกเข่าโขกศีรษะให้กับอาจารย์ เขาย่อมดีใจ
แต่ถ้าหากว่าตรงกันข้าม หนิงเซ่าชิงก็ไม่โกรธเคืองสักนิดเดียว
ความจริงใจอยู่ที่ตนเอง นางแกล้งทำเพื่อตนเองก็พอแล้ว
ทุกคนล้วนมีนิสัยที่ควบคุมไม่อยู่ และความดื้อดึง แม้ว่าจะเป็นเขา หนิงเซ่าชิงก็มีเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงไม่เรียกร้องให้มั่วเชียนเสวี่ยทำอย่างนั้นอย่างนี้!
ถ้าหากว่ามั่วเชียนเสวี่ยเปลี่ยนเพราะคำนึงถึงตนเอง เช่นนั้นนางก็ไม่ใช่มั่วเชียนเสวี่ยแล้ว ซึ่งเขาก็บังเอิญชื่นชอบมั่วเชียนเสวี่ยที่มีอิสระไร้กฎเกณฑ์และเจ้าเล่ห์เช่นนี้
แต่ทว่า มั่วเชียนเสวี่ยไม่รู้ว่าในใจหนิงเซ่าชิงคิดเรื่องเหล่านี้ ในตอนที่นางคิดว่า การคุกเข่าในครั้งนี้ไม่ได้มีอะไรจริงๆ! อย่างไรเสียก็เป็นคนที่คู่ควรกับการเคารพ ตอนที่เจ้าอาวาสหยวนเหรินท่านนี้สนทนากับหนิงเซ่าชิง นางก็รู้สึกได้ถึงความเป็นห่วงที่เจ้าอาวาสท่านนี้มีต่อหนิงเซ่าชิง
คนที่เป็นห่วงสามีในอนาคตของตนเอง ไม่คู่ควรจะให้นางคุกเข่าโขกศีรษะให้เช่นนั้นหรือ
นางไม่ใช่คนที่ยึดสตรีเป็นใหญ่ และไม่มีทางเรียนนิสัยแปลกๆ ของคนปัจจุบันที่ทะลุมิติมาพวกนั้น นิยายทะลุมิติที่เขียนถึงความเสมอภาคอะไรนั่น มันเพ้อเจ้อไร้สาระสุดๆ! ในยุคสมัยที่ฮ่องเต้เป็นใหญ่ จะมีความเสมอภาคอะไรนั่นได้เช่นไร
คราแรก ตอนที่นางไม่สมัครใจจะคุกเข่าในตำหนักจินหลวนเป่า ก็เพียงเพราะคิดว่าฮ่องเต้ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับนาง และไม่คู่ควรกับการที่จะให้นางคุกเข่าให้เท่านั้นเอง
เดิมทั้งสองคนตั้งใจเอาไว้ว่าจะพักที่นี่คืนหนึ่ง ทว่า ก่อนหน้านี้มั่วเชียนเสวี่ยแสดงท่าทางไม่สบายออกมา สุดท้ายหนิงเซ่าชิงจึงเลือกที่จะจากไป
ทั้งสองคนเที่ยวชมสักการะภายในวัดไปรอบหนึ่ง ก่อนจากไป เจ้าอาวาสหยวนเหรินกลับเชิญมั่วเชียนเสวี่ยเข้าไปในห้อง
หนิงเซ่าชิงประหลาดใจมาก แต่กลับไม่ได้ดึงดันจะตามเข้าไป เพียงแต่จึงเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูเท่านั้น
เจ้าอาวาสหยวนเหรินเชิญให้มั่วเชียนเสวี่ยนั่งลง จากนั้นก็นั่งลงตรงข้ามกับนาง ไม่พูดสิ่งใด แต่กลับขมวดคิ้วมองมั่วเชียนเสวี่ย
ตอนนี้ในใจมั่วเชียนเสวี่ยยังคงตื่นเต้นอยู่บ้าง!
อย่างไรเสียเจ้าอาวาสท่านนี้ก็ถูกเหล่าเณรน้อยในวัดของพวกเขายกย่องจนเกือบจะเทียบเท่าเทพเซียน! ส่วนนางที่เป็นพวกหัวมังกุท้ายมังกรนั้น…ก็หายใจไม่คล่องอยู่บ้าง
ท้ายที่สุดมั่วเชียนเสวี่ยก็ทนบรรยากาศกดดันเช่นนี้ไม่ไหว ในใจก็คิดว่า เอาเถอะ! ตายเร็วหน่อยก็ไปผุดไปเกิดเร็วหน่อย! นางตัดสินใจสบตากับเจ้าอาวาสหยวนเหริน
“ท่านอาจารย์ เชียนเสวี่ยมีจุดใดที่ผิดปกติหรือเจ้าคะ” ไม่เช่นนั้นทำไมท่านถึงได้มองเชียนเสวี่ยแบบนี้ ทำให้เชียนเสวี่ยรู้สึกกดดันมากนะเจ้าคะ!
เจ้าอาวาสหยวนเหรินลูบเคราด้วยท่าทางลึกซึ้งจนคาดเดาไม่ถูก “ตัวสีกามีสิ่งใดผิดปกติ ตนเองไม่รู้หรอกหรือ”
นี่คือการ…เล่นปริศนาคำทายกับนาง หรือว่าสร้างความกดดันทางจิตใจให้นางกันแน่
มั่วเชียนเสวี่ยไม่เอ่ยอันใดแล้ว นางก้มหน้ามองปลายนิ้วตนเอง
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ มั่วเชียนเสวี่ยยังคงไม่กล่าวอันใด นางเข้าใจแล้ว! ปล่อยเวลาผ่านไปทั้งอย่างนี้แหละ! ถึงอย่างไรเจ้าอาวาสก็ไม่อาจทำอันใดนางได้!
เจ้าอาวาสหยวนเหรินตะลึงต่อความใจเย็นของแม่นางน้อยผู้นี้เล็กน้อย! ถ้าหากว่าเป็นคนปกติทั่วไป คงจะหนีไปด้วยสภาพย่ำแย่ตั้งแต่ที่เขาจงใจสร้างบรรยากาศเช่นนี้ออกมาแล้ว! ไม่ก็เอ่ยความจริงกับเขา หรือขอร้องให้เขาปิดบังบางสิ่ง จะยังมีท่าทางใจเย็นเฉกเช่นมั่วเชียนเสวี่ยเสียที่ไหนกัน?
เป็นอย่างที่คาดการณ์เอาไว้เลยจริงๆ ท่านสังฆราชกล่าวได้ถูกต้อง แขกที่มาจากต่างโลกนั้นล้วนใจเย็นเช่นนี้
เจ้าอาวาสหยวนเหรินยิ้มจางๆ ขณะเอ่ยว่า “บรรพชิตไม่ได้มีความหมายอื่นใด สีกาไม่จำเป็นต้องกังวลใจ เดิมสีกาเป็นแขกที่มาจากต่างโลก แต่กลับลงหลักปักฐานในโลกนี้ ก็กล่าวได้เพียงว่าเป็นโชคชะตา”
“ลงหลักปักฐาน?” สี่คำนี้ดึงดูดความสนใจของมั่วเชียนเสวี่ยได้สำเร็จ!
วาจานี้หมายความว่าอะไร “หรือจะบอกว่า ข้าไม่สามารถกลับไปได้อีกแล้วเช่นนั้นหรือ” โลกใบนั้นของนางยังมีคนในครอบครัวอยู่นะ! คนในครอบครัวที่ใกล้ชิดที่สุด! นางทำใจไม่ได้!
แต่ ความจริงแล้ว ลึกๆ ในใจ นางกลับรู้ว่าไม่มีวิธีที่จะได้ผลดีทั้งสองฝ่าย
“ทำใจไม่ได้หรือ” เจ้าอาวาสหยวนเหรินคล้ายกับมองสภาพจิตใจในเวลานี้ของนางออก จึงยิ้มบางๆ “สีกาทำใจปล่อยคนในครอบครัวของชาติก่อนไปไม่ได้ แล้วจะทิ้งคนรักในชาตินี้ได้เช่นนั้นหรือ”
คนรัก…หนิงเซ่าชิง…
กล่าวตามตรง มั่วเชียนเสวี่ยทำใจไม่ได้! ถ้าหากให้นางเลือกทางใดทางหนึ่งระหว่างหนิงเซ่าชิงกับกลับบ้าน เช่นนั้นนางจะต้องเลือกหนิงเซ่าชิงแน่นอน!
จะบอกว่านางใจร้ายก็ช่าง บอกว่านางไร้ผิดชอบชั่วดีก็ช่าง แต่นางคิดเช่นนั้นจริงๆ!
กลับบ้าน…เป็นเพียงแค่ความหวังหนึ่งเท่านั้นเอง
ซีรีย์ทะลุมิติมากมายขนาดนั้น จะมีสักกี่คนที่ได้กลับไปจริงๆ แม้ว่าจะกลับไปแล้ว นางเอกก็โดดเดี่ยวและลำบากข้นแค้นอยู่คนเดียว ทั้งยังคิดถึงคนรักต่างโลกอีก หลังจากจัดการคนในครอบครัวเรียบร้อยแล้ว ก็พยายามทุกวิถีทางเพื่อกลับไปยังอีกโลกหนึ่งอีก แต่กลับไม่ได้
โดดเดี่ยวและลำบากยากแค้นไปชั่วชีวิต น่าสงสารที่สุด!
มั่วเชียนเสวี่ยที่คิดได้แล้วส่ายหน้าเงียบๆ แสดงให้เห็นว่าตนเองทำใจจากหนิงเซ่าชิงไปไม่ได้
ในที่สุดเจ้าอาวาสหยวนเหรินก็เผยรอยยิ้มน้อยๆ ออกมา แววตาที่มองมั่วเชียนเสวี่ยก็เหมือนกับก่อนหน้านี้ อ่อนโยนขึ้นมาก
“โชคชะตาของมนุษย์มีสวรรค์เป็นผู้ลิขิต มนุษย์เรามิอาจเปลี่ยนแปลงอันใดได้ สีกาอย่าได้คิดมาก สงบจิตสงบใจเสียเถอะ”
มั่วเชียนเสวี่ยรู้ว่านี้เป็นหัวข้อสนทนาสุดท้ายระหว่างพวกเขาสองคนแล้ว เมื่อสิ้นเสียง ก็ไม่รอให้เจ้าอาวาสกล่าววาจาส่งแขกออกมาอย่างชัดเจน มั่วเชียนเสวี่ยลุกขึ้นอย่างรู้สถานการณ์ ทำความเคารพเจ้าอาวาสหยวนเหรินเล็กน้อย
“สิ่งที่อาจารย์กล่าวในวันนี้ทั้งหมด เชียนเสวี่ยจะจำเอาไว้เสมอ เชียนเสวี่ยขอลาเจ้าค่ะ” เอ่ยจบ ก็เปิดประตูห้องเดินออกไป
นอกประตู เมื่อหนิงเซ่าชิงที่ยืนรออยู่ตรงนั้นตลอดเห็นมั่วเชียนเสวี่ยออกมา ก็กุมมือนางเอาไว้ทันที สิ่งที่ได้รับกลับมาคือ รอยยิ้มบางๆ อันอ่อนโยนของมั่วเชียนเสวี่ย
มุมปากของหนิงเซ่าชิงก็โค้งขึ้นเช่นกัน ในการรับรู้ของเขา บนโลกใบนี้ นอกจากเชียนเสวี่ย สิ่งอื่นๆ ล้วนเป็นว่างเปล่า
“ต่อไปจะไปที่ใดหรือ” เพราะไม่รู้การเตรียมการของหนิงเซ่าชิง ดังนั้นมั่วเชียนเสวี่ยจึงหันไปถามเขาด้วยความสงสัย
สำหรับเรื่องนี้หนิงเซ่าชิงไม่ได้คิดเลยจริงๆ
ในแผนการของเขา พวกเขามาถึงที่นี่ในตอนเย็น จากนั้นก็พักที่นี่คืนหนึ่ง พรุ่งนี้ค่อยกลับไป การเดินทางในครั้งนี้ก็นับว่าสิ้นสุดลงด้วยดี
แต่ตอนนี้แผนการทั้งหมดล้วนถูกทำให้วุ่นวาย นี่ทำให้หนิงเซ่าชิงกลัดกลุ้มไปครู่หนึ่ง
เงียบไปพักหนึ่ง หนิงเซ่าชิงก็เอ่ยเสียงเบาว่า “เชียนเสวี่ยอยากไปที่ไหน” เขาไม่ได้เตรียมการเอาไว้ และไม่อยากกลับไป จึงทำได้เพียงแค่ฟังความเห็นของมั่วเชียนเสวี่ย
เมื่อได้ยินเช่นนั้น มั่วเชียนเสวี่ยก็รู้สึกหนักใจขึ้นมาเช่นกัน!
—————————–