เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 394 รักษาโรคให้หญิงวิปลาส (5)
ตอนที่ 394 รักษาโรคให้หญิงวิปลาส (5)
มั่วปี้หรงกัดฟันแน่น แม้จะไม่พอใจ แต่นางก็ทำได้เพียงก้มหน้าลง กล่าวขอโทษมั่วเชียนเสวี่ย
“คุณหนูใหญ่จริงจังเกินไปแล้ว พวกเราเพียงแค่ล้อคุณหนูเล่นเท่านั้น”
“ล้อเล่น?” มั่วเชียนเสวี่ยเลิกคิ้วขึ้น… “มั่วเหนียง!” หลังจากนั้นนางก็ร้องตะโกนเสียงดัง
นางส่งเสียงร้อง ทำให้หญิงตระกูลมั่วทั้งสองตกใจอย่างมาก!
“เจ้า…เจ้าคิดจะทำอะไร หรือว่าคิดอยากจะฆ่าผิดปาก ข้าขอบอกเจ้า หากเจ้ากล้าแก้แค้นพวกเราแม้แต่น้อย หัวหน้าตระกูลและบรรดาผู้อาวุโส ไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!” มั่วปี้หรงหวาดกลัว แกล้งทำเป็นกล้าหาญแล้วพูดข่มขู่มั่วเชียนเสวี่ย
แต่ว่าสิ่งที่ตอบกลับนาง มีเพียงรอยยิ้มของมั่วเชียนเสวี่ยเท่านั้น
รอยยิ้มของนาง ทำให้สองพี่น้องหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม!
มั่วเหนียงข่มความโมโหมานานแล้ว ตอนนี้ได้ยินมั่วเชียนเสวี่ยร้องเรียก นางปรากฏตัวอย่างรวดเร็วราวกับเท้าติดปีก เพียงครู่หนึ่งก็เข้าไปในห้องแล้ว!
“หมัวมัว ข้าไม่ชอบพวกนางสองคน โยนพวกนางออกไป!”
คำว่าโยน ไม่ได้บอกว่าให้โยนออกไปจากห้อง หรือว่าโยนออกไปจากจวนกั๋วกง!
มั่วเหนียงแสยะยิ้ม หรี่ตาลงจนกลายเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว! หลังจากขานตอบแล้ว นางก็พุ่งตัวไปที่สองพี่น้อง!
“ยัยแก่เจ้าคิดจะทำสิ่งใด ข้าขอบอกเจ้า! พวกเราเป็นแขกของจวน! พวกเราเป็นคุณหนูของตระกูลมั่ว เจ้าเป็นเพียงสาวใช้! ไม่อาจแตะต้องพวกเราได้!”
“เจ้าปล่อยข้า! มั่วเชียนเสวี่ยเจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร…”
มั่วเหนียงจะสนใจคำพูดของพวกนางได้อย่างไร นางเป็นคนมีวรยุทธ์ จัดการสตรีทั้งสองในมือเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นใช้มือเพียงข้างหนึ่ง ก็กระชากตัวพวกนางขึ้น สาวเท้าออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว!
“โอ๊ย…”
“เจ็บ…”
เสียงร้องโอดครวญสองเสียงดังขึ้นพร้อมกัน ชูอีเห็นมั่วเหนียงลากตัวพวกนางสองคนออกไปนอกประตูเรือน ทว่า นางเพียงแค่ปรายตามองเท่านั้น ไม่ได้พูดอะไร
มั่วเหนียงรู้ดีว่าคุณหนูเพียงอยากจะสั่งสอนพวกนางสองคนที่หยิ่งยโส ดังนั้นจึงไม่ได้ทำอะไรเกินกว่าเหตุ เพียงแค่โยนพวกนางออกไปจากเรือนเท่านั้น
มั่วเชียนเสวี่ยนั่งอยู่บนตั่งหญิงงาม นางไม่สะทกสะท้านกับเสียงร้องโอดครวญด้านนอกแม้แต่น้อย ในทางตรงกันข้ามนางกลับหัวเราะ ทั้งยังหัวเราะอย่างมีความสุข
ไม่อาจตำหนิหญิงสาวในละครที่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ที่แท้การรังแกผู้อื่นทำให้อารมณ์ดีจริงๆ!
มั่วปี้หรุ่ยสะอื้นเสียงเบา ไม่กล้าพูด
ทว่ามั่วปี้หรงเป็นสตรีที่โง่เขลา เมื่อถูกโยนออกมาเช่นนี้ นางลืมทุกอย่างจนหมดสิ้น เริ่มด่าทอ
“นางหญิงชั้นต่ำไร้ยางอายมั่วเชียนเสวี่ย อายุน้อยๆ ก็รู้จักยั่วยวนผู้อื่นแล้ว ยั่วยวนหัวหน้าตระกูลหนิงให้หลงใหลเจ้า ทำดีกับเจ้าราวกับแก้วตาดวงใจ…”
ด้านนอกมีเสียงด่าทอของมั่วปี้หรงผู้โง่เขลาดังขึ้น มั่วเชียนเสวี่ยไม่สนใจแม้แต่น้อย
บนโลกใบนี้มีคนด่าทอนาง เกลียดชังนางมากมาย หากนางสนใจ เช่นนั้นนางก็คงไม่มีชีวิตจนถึงทุกวันนี้แล้ว!
เก็บพวกนางเอาไว้ นางยังใช้ประโยชน์ได้
แต่ว่า สำหรับเรื่องที่พวกนางบอกว่าหนิงเซ่าชิงหลงใหลตน เห็นตนเป็นแก้วตาดวงใจ มั่วเชียนเสวี่ยยินดีที่จะฟัง!
เพื่อแสดงให้เห็นว่าตอนนี้นางอารมณ์ดียิ่งนัก มั่วเชียนเสวี่ยตั้งใจจะเมตตาพวกนาง ทำให้พวกนางรู้ว่าการพึ่งพิงคนอื่นเป็นอย่างไร ท่าทีของคนอ้อนวอนผู้อื่นควรจะเป็นเช่นไร!
อย่าทำตัวเหมือนบรรดาผู้อาวุโสตระกูลมั่ว แต่ละคนนิสัยแย่ยิ่งนัก ทำให้นางไม่ชื่นชอบจากใจจริง
ตอนมั่วเชียนเสวี่ยเดินออกไป ชูอีและมั่วเหนียงยืนอยู่ข้างๆ มองสองหญิงตระกูลมั่วที่ถูกโยนลงบนพื้นด้วยแววตาเยือกเย็น
“ด่าจบหรือยัง”
“มั่วเชียนเสวี่ยนางคนชั้นต่ำ!”
มั่วปี้หรงโมโหจนอกเกือบแตกตาย นางเงยหน้าขึ้นเห็นมั่วเชียนเสวี่ยเดินออกมา อ้าปากเตรียมที่จะด่าต่อ แต่เมื่อสบตากับสายตาเยือกเย็นของมั่วเหนียง นางก็ตกใจ…
นางเงียบ ตั้งสติได้เล็กน้อย
เวลานี้นางไม่อาจจัดการหญิงชั้นต่ำคนนี้ได้ แต่วันข้างหน้าหากนางได้ครอบครองหัวใจของหนิงเซ่าชิง นางจะทำให้หญิงชั้นต่ำมั่วเชียนเสวี่ยร้องขอความตาย!
ทว่าทางด้านมั่วปี้หรุ่ยกลับไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว! ไม่ได้ด่าทอเหมือนมั่วปี้หรง แม้กระทั่งแววตาของนางก็คล้ายไม่มีความคับแค้นใจ มีเพียงความน้อยอกน้อยใจเท่านั้น
“ด่าจบแล้ว”
ทั้งสองสบตากันครู่หนึ่ง สำหรับมั่วเชียนเสวี่ยที่เป็นเช่นนี้ ทำให้พวกนางคาดเดาไม่ได้จริงๆ ชั่วขณะหนึ่งพวกนางไม่รู้จะพูดอะไร
มั่วปี้หรุ่ยยังคงน้อยอกน้อยใจเช่นนั้น แต่มั่วปี้หรงกลับเงียบ ครั้งนี้ถึงขั้นก้มหน้าลง
เชื่อฟังยิ่งนัก…
“ฟังเมื่อพวกเจ้าพูดจบแล้ว เช่นนั้นก็ควรถึงคราวของข้าใช่หรือไม่”
“อย่าลืมว่าพวกเจ้ามาที่จวนกั๋วกงของข้าได้อย่างไร! ที่นี่คือถิ่นของข้า พวกเจ้าไม่มีอำนาจใดๆ ในจวนหลังนี้แม้แต่น้อย! ตระกูลมั่วส่งพวกเจ้ามาทำอะไร หากตอนนี้ข้าส่งพวกเจ้ากลับไป พวกเจ้าคิดว่า…พวกเจ้ายังจะได้รับสิ่งดีๆ หรือไม่”
ตระกูลมั่วส่งพวกนางสองคนมาทำอะไร ผู้ใดบ้างที่จะไม่รู้ แค่ถ้อยคำนี้ ก็ทำให้สองพี่น้องหน้าเปลี่ยนสี!
เรื่องดำเนินมาถึงขั้นนี้ได้อย่างไร ไม่ควรเป็นเช่นนี้! ควรจะเป็นมั่วเชียนเสวี่ยที่ถูกพวกนางจัดการจนยินยอมทุกอย่าง แม้วันข้างหน้านางจะตบแต่งเข้าตระกูลหนิงในฐานะฮูหยินน้อยตระกูลหนิง แต่ว่าต้องเคารพพวกนางสองคน!
แต่ตอนนี้…
คิดไม่ถึงว่า พวกนางสองคนจะไม่อาจสั่งสอนนางคนเดียวได้ การลองเชิงในวันนี้ยังทำให้บาดหมางกับมั่วเชียนเสวี่ย ในทางตรงกันข้ามพวกนางกลับเป็นฝ่ายถูกสั่งสอน ตอนนี้พวกนางจะได้อยู่ต่อหรือกลับไป ล้วนขึ้นอยู่กับมั่วเชียนเสวี่ย!
“คุณ…คุณหนูใหญ่…พวกเราผิดไปแล้วเจ้าค่ะ! พวกเราผิดไปแล้วจริงๆ เจ้าค่ะ!”
คนที่ดึงสติกลับมาได้เป็นคนแรกคือมั่วปี้หรุ่ย นางไม่อยากลับตระกูลมั่ว! แม้การอยู่ในจวนกั๋วกง พวกนางจะได้พักในเรือนหลังเล็กที่ห่างไกล แต่อย่างน้อยก็มีชีวิตอย่างอิสระ! อย่างน้อย พวกนางก็ยังมีโอกาส
หากอยู่ในจวนกั๋วกงจนถึงวันที่มั่วเชียนเสวี่ยออกเรือน แม้มั่วเชียนเสวี่ยไม่อยากให้พวกนางตบแต่งออกเรือนไปด้วยก็ต้องทำ มิเช่นนั้น นางต้องจมอยู่ในกองน้ำลายของผู้คนอย่างแน่นอน ขอเพียงตบแต่งติดตามไปด้วย ไม่แน่พวกนางสองคนอาจจะพลิกชะตากลายเป็นอนุภรรยาก็ได้! กลายเป็นฮูหยินหรุ่ยและฮูหยินหรง
เรื่องดีๆ เช่นนี้ จะยอมแพ้ได้อย่างไร
มั่วปี้หรงเห็นมั่วปี้หรุ่ยคุกเข่าคำนับมั่วเชียนเสวี่ย แม้จะไม่สบอารมณ์ แต่นางรู้ความรุนแรงของเรื่องนี้! รู้ว่าหากกลับไป จะมีจุดจบเช่นไร
ดังนั้น นางจึงคุกเข่าคำนับมั่วเชียนเสวี่ยพร้อมกับมั่วปี้หรุ่ย!
มั่วเหนียงและชูอียืนมองอยู่ข้างๆ ด้วยแววตาเยือกเย็น คุณหนูย่อมมีความคิดของคุณหนู ขอเพียงคุณหนูไม่ถูกรังแกก็พอแล้ว! เรื่องอื่น…ขอโทษด้วย นางใจแคบยิ่งนัก ไม่อาจเมตตามากจนเกินไป!
—————————–