เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 398 เรื่องดีๆ ที่ได้รับโดยไม่ต้องเปลืองแรง (4)
ตอนที่ 398 เรื่องดีๆ ที่ได้รับโดยไม่ต้องเปลืองแรง (4)
ไม่เพียงแค่นี้ ทั้งยังอ้างว่าบ้านไร่เก็บเกี่ยวได้ไม่ดี มีคนขายเรือนไปหลายหลัง เวลานี้เหลือเพียงสองครอบครัวเท่านั้น
ครอบครัวหนึ่งคือครอบครัวลุงหูชายชราผู้คอยดูแลหลายเรือน
อีกครอบครัวหนึ่งคือครอบครัวลุงจางผู้คอยดูแลผลไม้บนเนินเขา นั่นคือครอบครัวที่อยู่มานานแล้ว คาดว่าผู้ดูแลไม่ได้ตั้งใจเก็บครอบครัวนี้เอาไว้ เพียงเพราะครอบครัวที่อยู่มานานมีเพียงลุงจางและภรรยาที่อายุมากด้วยกันทั้งคู่ เกรงว่าเขาอยากขายก็ขายไม่ออก
ลุงจางซึ่งเป็นชายชราวัยหกสิบและภรรยาที่แก่ชรา จะดูแลสวนผลไม้ขนาดใหญ่ไหวได้อย่างไร
ด้วยเหตุนี้ เมื่อปีกลายผลไม้หลายต้นล้มตายกันหมด หากแห้งตายจะไม่ว่าอะไรเลย แต่ว่ายามผลไม้สุก แม้แต่คนเก็บก็ยังไม่มี ผลไม้ทั้งหมดตกลงมาบนพื้นแล้วเน่าเสีย
ผู้ดูแลสวนไม่เพียงไม่เสียดาย ทั้งยังทุบตีลุงจาง บอกว่าพวกเขาไม่ดูแลต้นผลไม้ให้ดี ทั้งยังบอกอีกว่าผลไม้บนพื้นล้วนมีแมลงจึงทำให้ตกลงมาเน่าเสีย…
ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ ลุงหูจำต้องพูดออกมา สีหน้าของเขาฉายความโมโห พูดด้วยสีหน้าเสียดาย ทว่ามั่วเชียนเสวี่ยกลับเข้าใจอย่างกระจ่างชัด
เพราะเหตุใดน่ะหรือ…เหล่านี้ย่อมเป็นเจตนาของผู้ดูแลเฟิง
ตอนลุงหูพูด ลุงจางที่ทำหน้าที่ดูแลผลไม้ก็ถูกหวังเทียนซงเรียกตัวมา
จากที่ลุงจางพูด เมื่อปีกลายไม่เพียงแค่ผลไม้ตกลงบนพื้นแล้วเน่าเสียทั้งหมด ความเป็นจริงตอนที่เฟิงชิงอวี่อยู่ ผลไม้บนเนินเขาเหล่านี้ล้วนถูกเด็ดไปขาย แต่ว่าขายไม่ได้กว่าครึ่ง สุดท้ายก็เน่าเสียบนพื้น กลายเป็นปุ๋ย
ไม่ใช่ว่าท่านแม่เฟิงชิงอวี่ไม่ดูแล และไม่ใช่ว่าท่านแม่เฟิงชิงอวี่ไม่รับผิดชอบ เพียงแต่ ไม่ว่าสวนของตระกูลใดล้วนมีผลไม้ที่ขายไม่หมด นี่คือเรื่องปกติ
แม้แต่ในยุคปัจจุบันก็เช่นเดียวกัน ในโลกอินเทอร์เน็ตมักจะเห็นผลไม้สุกเต็มพื้นขายไม่ออกแล้วร้องขอความช่วยเหลือไม่ใช่หรือ ดีที่ในยุคสมัยปัจจุบันมีข้อมูลข่าวสารมากมาย การสื่อสารล้ำหน้า การขนส่งล้ำสมัย ทั้งยังมีวิธีจัดการผลไม้เหล่านี้มากมาย จึงทำให้ไม่สิ้นเปลืองมากขนาดนี้ก็เท่านั้น
ช่างเป็นโจทย์ที่ยากจริงๆ
หากตัดต้นไม้เหล่านี้ แล้วปลูกอย่างอื่น ต้องใช้คนงานมากเท่าใด จึงจะดูแลไหว
หากเก็บต้นไม้เหล่านี้เอาไว้ แม้จะไม่ต้องเปลืองแรงเท่าใด แต่ว่าการเก็บเกี่ยวย่อมมีจำกัด…
ฤดูกาลของผลไม้มีจำกัด ทั้งยังยากจะเก็บรักษา ยิ่งยากที่จะขนส่ง ผลไม้ไม่อาจกระทบกระเทือน และไม่อาจสัมผัส…สิ่งสำคัญกว่านั้นคือ คนมากมายแค่กินข้าวก็ยังกินไม่อิ่ม จะเอาเงินที่ใดมาซื้อผลไม้กิน คนที่ได้กินผลไม้ โดยมากล้วนเป็นเพราะมีที่นาและสวน คนส่วนมากล้วนปลูกผลไม้เอาไว้กินเอง
ผู้บริโภคเป็นพวกชนชั้นกลาง แน่นอนว่า คนเหล่านี้โดยมากล้วนอยู่ในเมืองหลวง
คนที่มีที่นา เป็นคนหมู่น้อย เฉกเช่นเดียวกับคำพูดในยุคปัจจุบัน สินทรัพย์ร้อยละแปดสิบอยู่ในการครอบครองของคนร้อยละยี่สิบ
เมื่อสำรวจดูบ้านไร่นี้ขึ้นมาจริงๆ มั่วเชียนเสวี่ยมีความคิดมากมาย นางไม่รู้จะทำอย่างไร ทั้งยังตัดสินใจไม่ได้
ตามความคิดของหวังเทียนซง ที่ดินด้านล่างหุบเขาให้ผู้เช่าเป็นคนปลูก
แล้วค่อยซื้อครอบครัวสองสามครอบครัว หรือไม่ก็รับคนจากหมู่บ้านหวังจยาให้มาอยู่บนเนินเขา ที่ดินที่ไม่ได้ปลูกผลไม้ ให้ปลูกพืชผลอื่นๆ
แล้วค่อยเพิ่มจำนวนคนดูแลต้นผลไม้ ตัดต้นไม้ที่ตายแล้วทิ้ง แล้วปลูกผลไม้ใหม่ ให้คนคอยตรวจดูอย่างสม่ำเสมอ ต้นไม้จะได้ไม่ต้องถูกแมลงกินจนตายหรือว่าแห้งตาย เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยว จะได้ไม่ถึงขั้นไม่ได้เก็บผลไม้แล้วปล่อยผลไม้ตกลงบนพื้น
สำหรับคำแนะนำนี้ มั่วเชียนเสวี่ยไม่เห็นด้วย นางเห็นด้วยเพียงข้อแรกที่บอกให้ซื้อครอบครัวต่างๆ มาอยู่ที่นี่ ชาวบ้านหมู่บ้านหวังจยาที่หวังเทียนซงพามานั้นมีทั้งหมดแปดคน ได้แก่หวังเทียนซงกับภรรยาและสองสามีภรรยาตระกูลฟางกับตระกูลเกา ทั้งยังมีลูกศิษย์แกะสลักอีกสองคน
นางไม่อยากทำให้ที่นี่กลายเป็นหมู่บ้านหวังจยาอีกหนึ่งหมู่บ้าน
เพราะเมื่อเป็นเช่นนี้ แม้จะสบายใจ แต่ยากจะควบคุม นางเชื่อมั่นในตัวหวังเทียนซง แต่นางไม่อยากสร้างปัญหาให้ตนเอง
หลังจากเห็นด้วยกับการซื้อครอบครัวที่หวังเทียนซงเสนอ มั่วเชียนเสวี่ยสั่งให้หวังเทียนซงรอครอบครัวที่ซื้อมาถึง ให้พวกเขาเลือกคนหนึ่งมาเป็นหัวหน้าสวนผลไม้แห่งนี้ พาลุงจางและคนอื่นๆ คอยดูแลต้นไม้บนเนินเขา
สำหรับที่ดินใต้เนินเขา นางมีความตั้งใจอื่น
เวลานี้หวังเทียนซงเป็นผู้ดูแลสวนของบ้านไร่ สิ่งที่เขาต้องดูแลไม่ใช่แค่ต้นไม้ แต่เขาต้องดูแลทั้งบ้านไร่ ต้องดูแลที่ดินรกร้าง ต้องดูแลเรื่องแกะสลัก ทั้งยังต้องดูแลการตลาดของพืชผลในอนาคต
เรือนในบ้านไร่มีขนาดใหญ่มาก สร้างไว้เอย่างอลังการ แต่ไม่ได้ซ่อมบำรุงมานานหลายปี สีถลอกหลายแห่ง ไม่ก็ถูกกาลเวลาทำลาย จึงทำให้ดูเก่าและทรุดโทรม หากให้คนมาซ่อมบำรุง ก็เป็นสถานที่ที่ดีในการผ่อนคลาย
ซีซีเชื่อฟังมาก นางอายุน้อยแต่เฉลียวฉลาด อยู่ที่นี่หนึ่งเดือน แต่เข้าใจทุกอย่างจนกระจ่างชัดแล้ว
มั่วเชียนเสวี่ยใจดีกับนางมาก นางเองก็สนิทสนมกับมั่วเชียนเสวี่ย ตอนมั่วเชียนเสวี่ยมา นางดึงดันที่จะติดตามขึ้นมาบนเนินเขา ตอนลงเขา ก็ดึงดันที่จะนำทางให้มั่วเชียนเสวี่ยและคนอื่นๆ
เด็กน้อยเดินนำทางอยู่ด้านหน้าอย่างมีความสุข ไม่เพียงทำให้มั่วเชียนเสวี่ยหัวเราะ แต่ยังทำให้หวังเทียนซงและภรรยามีความสุขอย่างมาก
หวังเทียนซงและภรรยาแต่งงานกันมานานกว่าหนึ่งปีแล้ว แต่อาซ้อหวังกลับไม่ตั้งครรภ์ ทว่าเมื่อมาถึงบ้านไร่เพียงไม่กี่วัน ก็เพิ่งรู้ตัวว่าตนตั้งครรภ์ พวกเขาเอาแต่บอกว่าเป็นเพราะซีซีนำโชคมาให้พวกเขา ต่างคิดว่าตั้งท้องบุตรชาย
ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองจึงเอ็นดูซีซีมาก
แม้อวิ๋นอิ๋นจะยืนกรานหนักแน่นไม่ให้มั่วเชียนเสวี่ยรับซีซีมา ทว่ากลับตัดเสื้อผ้าให้ซีซีหลายตัว นำไปให้ชูอี ให้ชูอีนำมาให้ซีซีสวมใส่
ตอนมั่วเชียนเสวี่ยนั่งพักในเรือน ชูอีเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ซีซี
เสื้อผ้าผืนใหม่ตัดเย็บจากผ้าชั้นดี ทั้งยังเป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมในเมืองหลวง ซีซีเป็นเด็กน่ารัก จึงทำให้ดูน่ารักมากยิ่งขึ้น
ทุกคนต่างชื่นชม นางจึงกระโดดโลดเต้นในเรือน
การกระทำที่น่ารักของนาง ทำให้มั่วเชียนเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะคิดถึงอวิ๋นอิ๋นมารดาของซีซี นางตัดสินใจ กลับไปจะถามอวิ๋นอิ๋น ว่าพบเจอความลำบากอะไรกันแน่
หากเป็นไปตามที่นางคิด คือสามีที่ออกจากเรือนไปสอบยังไม่ตาย แต่ว่าแต่งงานกับสตรีอื่น
ไม่ว่าอวิ๋นอิ๋นจะคิดอย่างไร อยากจะหย่ากับบุรุษไร้หัวใจคนนั้นหรือว่ากลับไปเป็นสามีภรรยากัน มั่วเชียนเสวี่ยก็จะช่วยให้อวิ๋นอิ๋นได้เชิดหน้าชูตา
นางจะทำให้คนรู้ว่า คนของจวนกั๋วกงไม่อาจรังแกได้ง่ายๆ
……
วังหลวง ตำหนักฮองเฮา
ระยะหลังมานี้ฮองเฮาไม่ชอบเล่นกับนกแล้ว แต่ชอบชมดอกไม้
นางในเวลานี้กำลังตัดแต่งกระถางดอกโบตั๋นข้างๆ คนที่ไม่รู้จักนิสัยของฮองเฮา ต้องคิดว่านางเป็นคนรักต้นไม้ดอกไม้แน่นอน!
“ฮองเฮาเพคะ องค์หญิงอวี้เหอมาเพคะ” หมัวมัวคนสนิทเดินมาตรงหน้าฮองเฮา ย่อตัวลงทำความเคารพ พูดอย่างระมัดระวัง
ฮองเฮามองซ้าย มองขวา ชื่นชมดอกไม้ที่ทำให้นางเพลิดเพลินด้วยความอิ่มเอมใจ นางตอบรับสั้นๆ “ให้นางเข้ามา”
—————————–