เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 410 ลงมืออย่างอำมหิต (5)
ตอนที่ 410 ลงมืออย่างอำมหิต (5)
นายท่านจางแสร้งทำเป็นห่วง “จริงด้วย จริงด้วย! หัวหน้าตระกูลมั่วไปดูเถอะ!”
หัวหน้าตระกูลมั่วมองสีหน้าของทุกคน รู้ดีว่าพวกเขาต่างมีความสุขบนความทุกข์ร้อนของตน เมื่อครู่เขาเพิ่งพูดโอ้อวดไป นี่เป็นการตบปากตนเองไม่ใช่หรือ ทว่า เกิดเรื่องขึ้นกับสตรีตระกูลมั่วของพวกเขา เขาในฐานะหัวหน้าตระกูล ย่อมต้องไปดูด้วยตนเอง
แม้หัวหน้าตระกูลมั่วจะหงุดหงิดและโมโหเพียงใด ก็ทำได้เพียงยกมือประสานแล้วกล่าวขอโทษทุกคน โดยมีสืออู่คอยนำทาง เดินตามนางไปด้วยความรีบร้อน
ระหว่างทาง หัวหน้าตระกูลมั่วพยายามถามสืออู่หลายครั้งว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่สืออู่ก็บอกเพียงว่าหลังจากเจอคุณหนูใหญ่ก็จะรู้เอง
เขาถามอีกสองสามประโยค ทว่าสืออู่กลับแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน เดินนำทางอยู่ด้านหน้าเท่านั้น ทำให้หัวหน้าตระกูลมั่วโมโหอย่างมาก
ตั้งแต่เมื่อใดกันที่สาวใช้ตัวเล็กๆ คนหนึ่งกล้าชักสีหน้าให้เขา
ตอนที่สืออู่พาหัวหน้าตระกูลมั่วไปถึงโถงหน้า คนที่อยู่ในป่าไผ่ ถูกมั่วเชียนเสวี่ยสั่งให้องครักษ์ลับลากตัวมาแล้ว!
สตรีทั้งสอง แน่นอนว่าคือมั่วปี้หรุ่ยและมั่วปี้หรงที่เมื่อครู่เพิ่งวางตัวสง่างามในโถงหน้า
แค่ว่า เวลานี้เสื้อผ้าของพวกนางไม่เรียบร้อยและสกปรกเลอะเทอะ เสื้อผ้าไม่อำพรางเรือนร่าง ดวงแก้มแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย
ไม่เพียงแค่ดวงแก้มที่แดงระเรื่อ เสียงครางที่น่าอับอายยังดังออกมาจากปากของพวกนางไม่หยุด ทำให้สตรีทุกคนในเหตุการณ์หน้าแดงไปหมด ก่นด่าในใจว่าไร้ยางอายสิ้นดี! ตอนที่หัวหน้าตระกูลมั่วมาถึง เห็นภาพตรงหน้า แล้วจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ชั่วขณะหนึ่ง เขาแทบกระอักเลือดออกมา!
แม้เขาจะโมโหจนแทบกระอักเลือด ก็ต้องกล้ำกลืนลงไป สถานการณ์เช่นนี้ ไม่อาจกระอักเลือดแล้วจบเรื่องได้
ไม่แน่ว่า สตรีตระกูลมั่วของเขา วันข้างหน้าไม่อาจตบแต่งออกเรือนได้อีก จึงอย่ากล่าวถึงเรื่องที่จะได้แต่งงานกับคุณชายตระกูลใหญ่ แต่งเข้าตระกูลหนิง? ยิ่งเป็นไปไม่ได้
หัวหน้าตระกูลมั่วมองมั่วเชียนเสวี่ยด้วยความคับแค้นใจ
ทั้งหมดนี้ หากกล่าวว่าไม่ใช่ฝีมือของนาง ตีเขาให้ตาย เขาก็ไม่เชื่อ
เป็นจริงตามคาด มั่วเทียนฟ่างเลี้ยงไม่เชื่อง มั่วเชียนเสวี่ยก็เป็นคนอกตัญญูเช่นเดียวกัน สำหรับตระกูลมั่ว พวกเขาไม่เพียงแต่ไม่สร้างคุณงามความดีให้ตระกูล ทั้งยังคิดอยากจะทำลายตระกูล
ช่างน่าเจ็บใจยิ่งนัก!
แต่ว่า แม้หัวหน้าตระกูลมั่วจะคับแค้นใจ ความคิดหนึ่งกลับแล่นขึ้นมา
ซึ่งก็คือบุรุษในป่าไผ่ ขอเพียงคนคนนั้นคือหัวหน้าตระกูลหนิง เขาก็ไม่พ่ายแพ้
มั่วจื่อฮว่าบอกเขาตั้งแต่แรกแล้วหัวหน้าตระกูลหนิงถูกบ่าวรับใช้เชิญเข้าไปในป่าไผ่
แม้ว่า เรื่องจะวุ่นวายเช่นนี้ สตรีทั้งสองคนของตระกูลมั่วที่ไม่ได้เรื่อง ไม่อาจแต่งเข้าตระกูลมั่วพร้อมกับมั่วเชียนเสวี่ย แต่ว่าสามารถเข้าทางประตูหลังแล้วเป็นอนุภรรยาได้
มั่วเชียนเสวี่ยดื่มน้ำชาอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่สนใจสายตาอาฆาตที่พร้อมจะสังหารคนของหัวหน้าตระกูลมั่ว
หัวหน้าตระกูลมั่วที่มีแผนการในใจ ข่มเลือดที่กระอักขึ้นมาถึงคอ ร้องตะโกนเสียงดัง “ใครก็ได้ เอาน้ำมา สาดให้หญิงชั้นต่ำสองคนนี้ได้สติ!”
มีคนเตรียมน้ำเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ที่ไม่ให้หญิงชั้นต่ำทั้งสองคนมีสติ แค่เพราะอยากจะรอให้หัวหน้าตระกูลมั่วเห็นกับตาตนเองว่า คนที่เขาส่งมาทำตัวขายหน้าเพียงใด
น้ำเย็นหนึ่งถัง ราดไปที่ศีรษะจรดเท้าของหญิงทั้งสอง
เพียงครู่หนึ่งมั่วปี้หรุ่ยและมั่วปี้หรงก็ดึงสติกลับมาจากความสะลึมสะลือ พวกนางก้มหน้าลง เห็นเสื้อผ้าอาภรณ์ของตนไม่เรียบร้อย แม้จะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับตนกันแน่ แต่พวกนางพอจะรับรู้ได้ว่าไม่ใช่เรื่องที่ดี พวกนางตกใจแล้วนั่งขดตัวทันที
บรรลุผลแล้ว ได้เวลาแสดงความเมตตาแล้ว มั่วเชียนเสวี่ยหัวเราะในใจ ทว่าเบื้องหน้ากลับเย็นยะเยือก นางวางแก้วน้ำชาลง จื่อหลิงและจื่อเฉี่ยวได้รับสัญญาณจากนางจึงเดินมาด้านหน้า เอาเสื้อผ้ามาคลุมตัวพวกนางทั้งสองคน
มั่วปี้หรุ่ยและมั่วปี้หรงคลุมตัวด้วยเสื้อผ้าแล้ว พวกนางเงยหน้าขึ้นมองรอบๆ เห็นว่าคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ไม่ได้มีแค่สตรี แต่ยังมีบุรุษอีกด้วย แม้กระทั่งหัวหน้าตระกูลก็อยู่ด้วย
หัวหน้าตระกูลไม่อยากสนใจความเป็นความตายของสตรีทั้งสอง สิ่งเดียวที่เขาคิดคือจะทวงคืนเกียรติยศและศักดิ์ศรีของตระกูลมั่วกลับมาได้อย่างไร จะทำอย่างไรให้กอบโกยผลประโยชน์ได้สูงสุด
ตอนที่หัวหน้าตระกูลมั่วข่มความโมโห เขาคิดได้แล้ว โบราณกล่าวเอาไว้ วิธีแก้ปัญหาเรื่องโสมมเช่นนี้ต้องอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง! มั่วเชียนเสวี่ยหาเรื่องแค่พวกนางสองคนเท่านั้น ไม่ลากตัวบุรุษคนก่อเหตุมาที่โถงหน้า แสดงว่านางร้อนตัว
คนผู้นั้น ต้องเป็นหัวหน้าตระกูลหนิงแน่นอน!
หัวหน้าตระกูลมั่วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขาพอจะมีความมั่นใจ ไม่ปรายตามองสตรีทั้งสอง แต่มองไปที่มั่วเชียนเสวี่ย “ผู้ใดช่างใจกล้านัก ทำเรื่องเลวร้ายกับสตรีตระกูลมั่วในจวนกั๋วกงได้ เชิญคุณหนูใหญ่เรียกตัวออกมา ให้คำอธิบายกับตระกูลมั่วของเรา ทั้งยังเป็นการให้คำอธิบายกับสตรีตระกูลมั่วอีกด้วย”
มั่วเชียนเสวี่ยถอนหายใจเบาๆ คล้ายจนปัญญายิ่งนัก “หัวหน้าตระกูลมั่ว เดิมทีข้าไม่อยากทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ แต่เนื่องด้วยหัวหน้าตระกูลต้องการคำอธิบาย เช่นนั้นเชียนเสวี่ยก็ไม่อาจไม่ให้”
เสียงถอนหายใจของนาง ทำให้หัวหน้าตระกลมั่วใจเต้นแรงราวกับมีคนตีกลอง รู้สึกไม่ดีขึ้นมาทันที คล้ายว่าตนจะหลงกลแล้ว ทั้งยังรู้สึกว่าคำพูดเมื่อครู่ของตน ติดกับที่มั่วเชียนเสวี่ยวางไว้แล้ว
แต่เขาพูดออกไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้
มั่วเชียนเสวี่ยถอนหายใจเบาๆ ออกคำสั่ง “ใครก็ได้ เอาตัวชายคนนั้นออกมา”
ชั่วขณะหนึ่ง บรรยากาศตึงเครียดอีกครั้ง
น้ำเสียงของมั่วเชียนเสวี่ยที่สั่งให้เอาตัวชายคนนั้นขึ้นมา ไม่มีความเคารพแม้แต่น้อย หัวหน้าตระกูลมั่วจะฟังไม่ออกได้อย่างไร หัวใจของเขาหล่นวูบ ดูเหมือนว่าความเป็นไปได้ที่จะเป็นหัวหน้าตระกูลหนิงกลายเป็นศูนย์แล้ว
เวลานี้ เขาได้แต่หวังว่า คุณชายที่มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสตรีทั้งสองจะมีฐานันดรศักดิ์สูงส่งเล็กน้อย หากเป็นคนที่ก่อนหน้านี้หมั้นหมายหรือแต่งงานแล้ว เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ตระกูลนั้นก็ได้แต่ยอมรับ แล้วรับสตรีทั้งสองเข้าตระกูล
เมื่อเป็นเช่นนี้ ตระกูลมั่วยังพอจะได้ประโยชน์อยู่บ้าง ไม่อับอายขายหน้าจนเกินไป
แต่ความเป็นจริงกลับไม่เป็นดังที่เขาคิด
เวลานี้บรรดาองครักษ์ออกไปและกลับเข้ามาแล้ว ลากตัวบุรุษเข้ามาสองสามคน ใบหน้าของบุรุษเหล่านี้แดงก่ำ แค่มองก็รู้แล้วว่าเป็นพระเอกของเรื่องนี้
นี่ ละครเรื่องนี้มีนางเอกสองคน แต่กลับ แต่กลับ…มีพระเอกสามคน
อีกทั้ง จากการแต่งตัวของบุรุษเหล่านี้ มองเพียงปราดหนึ่งก็ดูออกว่า เป็นบ่าวรับใช้ เป็นทาสรับใช้
ทุกอย่างเงียบสงัด!
ไม่ได้ยินเสียงแม้แต่น้อย
หัวใจของหัวหน้าตระกูลมั่วเวลานี้แตกสลายไปแล้ว
เพราะว่า เขารู้ว่าบ่าวรับใช้ทั้งสามคนไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นบ่าวรับใช้ของตระกูลมั่วที่เขาคัดเลือกมาเพื่อช่วยรับมือกับเรื่องต่างๆ
มั่วปี้หรุ่ยและมั่วปี้หรงจะโง่เขลาเพียงใด เวลานี้ก็ควรจะมีสติได้แล้ว
พวกนาง ถูกคนวางแผนเล่นงาน!
ทั้งยังมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับบ่าวรับใช้ของตระกูล
ไม่ใช่แค่คนเดียว แต่มากถึงสามคน!
เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้มั่วปี้หรุ่ยและมั่วปี้หรงตกตะลึง
หากแค่คนเดียว พวกนางยังมีหนทาง แม้จะเป็นบ่าวรับใช้ ก็สามารถกลบเกลื่อนได้ แม้ไม่แต่งงาน ก็เข้าไปอยู่ในวัดของตระกูลได้ ยังมีชีวิตต่อได้
แต่ว่า เวลานี้คนที่ถูกลากตัวเข้ามา มีถึงสามคน…
ตระกูลมั่วไม่มีวันปล่อยให้พวกนางมีลมหายใจ!
สีหน้าของมั่วเชียนเสวี่ยไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย แม้นางจะดีใจที่เรื่องนี้สำเร็จ ทว่านางไม่ได้รู้สึกละอาย ไม่ได้รู้สึกผิด
สตรีทั้งสองคนแย่งขนมของนางไปกินเอง พวกบ่าวรับใช้เหล่านี้นางก็ไม่ได้เป็นคนจัดเตรียม
องค์หญิงอวี้เหอลงมือ ไม่เคยส่งคนมาแค่คนเดียว ขอเพียงเป็นฝีมือขององค์หญิงอวี้เหอ ย่อมทำลายชีวิตของสตรีคนนั้นจนจบสิ้น ไม่เหลือหนทางใดๆ ไว้ให้