เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 467 คุณชายหนิงจอมเผด็จการ VS จื่อจิ้งผู้น่ารัก (5)
ตอนที่ 467 คุณชายหนิงจอมเผด็จการ VS จื่อจิ้งผู้น่ารัก (5)
นางถอยหลังไปเล็กน้อย ขณะที่กำลังจะใช้แรงกระแทกประตูให้เปิดออก ประตูห้องส่วนตัวของมั่วเชียนเสวี่ยก็ถูกเปิดจากด้านใน!
ชูอีเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ตลอดเวลา แต่เมื่อเห็นคนที่ปรากฏตัวตรงประตู ก็ตกตะลึง จากนั้นถึงได้โล่งใจ
“คุณหนู เมื่อครู่ท่านเป็นอะไรหรือเจ้าคะ”
นางอายที่จะเอ่ยว่าเมื่อครู่คุณหนูของพวกนางกรีดร้องได้สยดสยองเกินไป ทำให้นางนึกว่าถูกลอบทำร้ายขึ้นมาทันที!
แม้ว่าคิดเช่นนี้จะไร้ศีลธรรมไปหน่อย แต่ตอนนั้นนางคิดเช่นนี้จริงๆ!
“ไม่มีอะไร…ข้าจะนอนแล้ว!”
ปัง!
สิ้นเสียง ประตูห้องมั่วเชียนเสวี่ยก็ถูกนางปิดลง!
ทิ้งชูอีที่ตะลึงตาค้าง เอ่ยอะไรไม่ออกไว้กับความสับสน…ยุ่งเหยิง…และวุ่นวาย!
เมื่อครู่นางเพียงแค่เป็นห่วงความปลอดภัยของคุณหนู จึงลืมเรื่องอาภรณ์ที่คุณหนูสวมใส่…นั่นมันเขย่าขวัญเกินไปแล้วเข้าใจไหม
แม้จะบอกว่าคุณหนูของพวกนางไม่ได้เป็นสตรีงามล่มเมือง แต่รูปโฉมก็ไม่ได้แย่! โดยเฉพาะตอนที่แต่งตัวขึ้นมา ก็ยิ่งสูงศักดิ์จนไม่อาจเอื้อม
แต่เมื่อครู่นี้นางเห็นอะไร
คุณหนูที่งดงามสูงส่งของนาง สวมเสื้อชั้นในกางเกงชั้นในเปิดไหล่ เรือนผมสีดำยาวสยาย ยุ่งเหยิงอยู่ข้างหลัง และยังมีปอยผมบางส่วนที่หลุดรุ่ยลงมาด้านหน้าด้วย!
วิ่งมาเปิดประตูด้วยสภาพแบบนี้
และไม่คลุมเสื้อสักตัว
แม้ว่าอากาศจะร้อน แต่ไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้…
กูเหยีย จะต้องเป็นกูเหยียที่สอนให้คุณหนูเหลวไหลแน่นอน
ก็ได้ เรื่องพวกนี้สามารถมองข้ามไม่เอ่ยถึงมัน แต่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเศร้าเสียใจของคุณหนู…
คุณหนูของพวกนางเป็นอะไรไปนะ…
ชูอียืนอึ้งอยู่ที่หน้าประตูตลอด
ตอนที่กุ่ยซาซึ่งอยู่ในมุมมืดเห็นสีหน้าท่าทางเช่นนี้ของชูอีแล้วก็เป็นห่วงมากจริงๆ!
เสียงเมื่อครู่นี้ เขาก็ได้ยิน แต่จนปัญญาที่ห้องส่วนตัวของสตรีมิสามารถบุกเข้าไปได้ตามใจชอบ
ยิ่งไปกว่านั้นคนผู้นี้ก็เป็นนายหญิงในอนาคต และประจวบเหมาะกับที่เขาเห็นชูอีวิ่งเข้าไปพอดี จึงทะยานตัวขึ้นไปบนหลังคาห้อง รออีกครู่หนึ่ง หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมากะทันหัน เขาจะได้ลงไปช่วย
แต่สุดท้ายก็ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ส่วนชูอีก็เดินออกมาด้วยท่าทางไร้วิญญาณ
จะไม่ให้กุ่ยซาเป็นห่วงได้เช่นไร
เดิมคิดจะมองดูนางอยู่ในมุมที่นางไม่เห็นเงียบๆ ไปชั่วชีวิตก็เพียงพอแล้ว แต่ตอนนี้ เขากลับปล่อยวางไม่ได้อีกแล้ว!
คนที่เคยผ่านประตูนรกมารอบหนึ่ง ก็จะรู้ว่าปกติตนเองให้ความสำคัญกับใครมากที่สุด ดังนั้นความมุ่งมั่นในจิตใจมากมายล้วนมีการเปลี่ยนแปลง
“คุณหนูใหญ่มั่วสบายดีไหม” กุ่ยซาทะยานตัวลงมายืนอยู่ข้างกายชูอี
นางที่สดใส มีชีวิตชีวายืนอยู่ตรงหน้าเขา นาสิกล้วนเต็มไปด้วยกลิ่นหอม กุ่ยซาจึงจิตใจฟุ้งซ่านเล็กน้อยไปชั่วขณะ
“หือ?” เดิมชูอีอยู่ในสภาวะสติหลุดลอย จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงคนดังขึ้นข้างกาย จึงสะดุ้งตกใจทันที
รีบหันหน้าไปมอง ก็เห็นแววตาเป็นห่วงของกุ่ยซา
นางนิ่งอึ้ง!
เป็นสาวใช้เฝ้ายาม แม้ว่าจะมีห้องเล็กๆ และเตียงในขณะเข้าเวร แต่กลางดึกกลับต้องลุกขึ้นมาลาดตระเวนอยู่หลายครั้ง
ชูอีเฉลียวฉลาด ทุกครั้งที่ได้ยินสืออู่เอ่ยเรื่องตื่นขึ้นมาลาดตระเวนกลางดึก ไม่ได้นอนอยู่บนพื้น ก็บอกว่าปวดคอ แต่นางกลับมักจะอยู่บนเตียง ใจนางรู้มานานแล้ว นัยน์ตาสองคู่ประสานสายตากัน พวกเขาล้วนลืมเรื่องที่จะเอ่ยเมื่อครู่ไป ลืมทุกสิ่ง เพียงแค่เหม่อมองนัยน์ตากันและกันอยู่แบบนั้น
“ชูอี…ข้าหิวแล้ว”
แต่ทว่า ในตอนนี้ พลันมีเสียงน่าสงสารของมั่วเชียนเสวี่ยดังลอยมา ทำลายความสงบเงียบนี้ลง
ชูอีสะดุ้งอีกครั้ง รีบได้สติขึ้นมาจากนัยน์ตาที่คล้ายกับดวงดาราของกุ่ยซาทันที ดวงหน้าขึ้นสีเงียบๆ…
“เจ้าค่ะ! คุณหนู รอสักครู่ มื้อดึกอุ่นอยู่ในห้องครัว บ่าวจะไปยกมาให้ท่านเดี๋ยวนี้!”
ชูอีรีบตอบรับคำของมั่วเชียนเสวี่ย ดวงหน้าแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย
นางไม่กล้ามองกุ่ยซาอีก จึงหมุนกายตรงดิ่งไปยังห้องครัวเล็กแทน
แต่หลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็หยุดนิ่ง และค่อยๆ หันกลับมา
เมื่อหันหน้าไปก็เห็นสายตาที่ยังมองตามนางของกุ่ยซา
แววตานั้นมีแรงดึงดูดเกินไป ทำให้หัวใจของนางเต้นตึกตักอย่างบ้าคลั่ง
“มองอะไร”
ชูอีเม้มริมฝีปากแง่งอน
และหมุนกายอีกครั้ง บนใบหน้ากลับระบายไปด้วยรอยยิ้ม ขณะมุ่งหน้าไปยังห้องครัวเล็ก
ส่วนกุ่ยซานั้น…เคลิบเคลิ้ม ตะลึงงัน มัวเมาในทุกสีหน้าท่าทาง และการเคลื่อนไหวต่างๆ ของชูอีนานแล้ว…
มั่วเชียนเสวี่ยอารมณ์ไม่ดี กระทั่งมื้อเย็นก็ไม่ได้กิน
ก่อนหน้านี้ยังมีท่าทางเสียใจสิ้นหวัง รอชูอียกมื้อดึกเข้ามา กลับฟื้นคืนสู่สภาพเดิม เต็มไปด้วยกำลังวังชาที่จะสู้รบ!
นางไม่สามารถอดอาหารเพราะเกิดความขัดแย้งกับหนิงเซ่าชิง หรือทำลายสุขภาพตนเอง
อย่างไรเสียร่างกายนี้ก็เป็นของตนเอง ถ้าตนเองไม่เห็นคุณค่า จะมีใครเห็นคุณค่านี้เพื่อตนเองอีก?
ทะเลาะกับหนิงเซ่าชิงเรื่องนี้ แม้ว่านางจะโกรธจัด แต่กลับไม่สามารถงอนจนไม่ยอมเอ่ยวาจาต่อไปได้
เพราะตอนนี้นางยังมีเรื่องสำคัญยิ่งกว่าที่ต้องทำ!
นางระบายความโกรธลงบนอาหาร นึกเสียว่าอาหารเป็นหนิงเซ่าชิง และกินมันเข้าไปคำแล้วคำเล่า!
หนิงเซ่าชิงไม่อยากให้ตนเองสร้างโรงเรือนกระจกใช่หรือไม่
ต้องให้หนิงเซ่าชิงได้รู้ว่า นาง มั่วเชียนเสวี่ยเป็นสตรีที่ไม่แพ้บุรุษคนหนึ่ง!
กินมื้อดึกเสร็จ มั่วเชียนเสวี่ยก็เรอออกมาด้วยความอิ่ม และสั่งโดยไม่เงยหน้าขึ้นมา “ยังไม่รีบรินชามาอีก”
ผ่านไปนานชาก็ยังไม่มา
“ชูอี เจ้ากำลังทำอะไร”
มั่วเชียนเสวี่ยหันไปมองชูอีแวบหนึ่ง แต่กลับตะลึงเพราะค้นพบว่าชารินเต็มแล้ว น้ำชาหกเต็มโต๊ะแล้ว สาวใช้นางนี้ก็ยังไม่รู้สึกตัว!
ยังคงรินอยู่ตรงนั้น มุมปากถึงกับแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม
ผิดปกติ! ผิดปกติมากๆ!
“ชูอี! ไฟไหม้แล้ว!”
“หือ? ที่ไหน ที่ไหนหรือเจ้าคะ”
ชูอีเงยหน้า แววตามึนงงสับสน ตาลีตาเหลือกมองไปรอบด้าน
มั่วเชียนเสวี่ยมองชูอีด้วยนัยน์ตาที่เปี่ยมไปด้วยความนัยลึกซึ้ง และหัวเราะพรืดออกมา
สาวใช้นางนี้เป็นคนที่มีนิสัยสุขุมมากที่สุดมาโดยตลอด ไม่เคยทำเรื่องน่าตระหนกตกใจอะไรออกมา
แต่ว่าตอนนี้น่ะ…
“บอกมาซิว่าเจ้าคิดเรื่องอะไรอยู่”
มั่วเชียนเสวี่ยยกแก้วชาที่ถูกชูอีทำให้เปียกชุ่มโดยไม่รังเกียจแม้แต่น้อยขึ้นมาแตะที่ริมฝีปาก และจิบไปคำหนึ่ง
มีเรื่องสนุกเบนความสนใจ ความไม่สบอารมณ์ในใจมั่วเชียนเสวี่ยก็ปลิวไปไกลสุดขอบฟ้าชั่วคราว
อืม ความรู้สึกของการเห็นผู้อื่นจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนั้นดีกว่าที่ตนเองเป็นคนที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมาก!
“คุณ…คุณหนู…” ชูอีลนลานเล็กน้อย และรู้สึกลำบากใจอยู่บ้าง นางยืนมองชูอีที่มีสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ตรงนั้น
“มีอะไรต้องกลัวกัน มีอะไรต้องเขินอายด้วย ข้าก็แค่ถามว่าเจ้าคิดเรื่องอะไรอยู่ เหตุใดเจ้าถึงมีสีหน้าท่าทางเช่นนี้ หรือว่า…”