เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 469 เรื่องตลกร้าย หนิงเซ่าชิงถูกลวนลาม (2)
ตอนที่ 469 เรื่องตลกร้าย หนิงเซ่าชิงถูกลวนลาม (2)
ดังนั้นความเป็นห่วงที่เขามีให้กับมั่วเชียนเสวี่ยก็ไม่น้อยไปกว่าเจี่ยนชิงโยว
ได้ยินเช่นนั้น เจี่ยนชิงโยวก็ทำได้แค่พยักหน้า ฝืนบังคับใจตนเองให้ปล่อยวาง!
จากนั้น ก็นึกอีกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
“อี้หมิง…” เจี่ยนชิงโยวเรียกชื่อเขาเบาๆ น้ำเสียงแฝงความอาลัยอาวรณ์
แต่แม้ว่าจะอาลัยอาวรณ์เพียงใด กลับไร้ซึ่งหนทางอื่น
แม้ว่าท่านแม่สามีที่แท้จริงจะไม่อยู่แล้ว แต่ว่ายังมีท่านพ่อสามีอยู่ และยังมีเหล่าอี๋เหนียงของท่านพ่อสามี วาจาที่พวกเขากล่าว มากน้อยอย่างไร นางก็ได้ยินมาบ้าง
“ทำไมหรือ”
“วันไหนมีเวลา ข้าจะเชิญน้องสาวกับหลานสาวอี๋เหนียงหลายคนมารวมตัวกัน…ดีไหม” นางเอ่ยวาจานี้ด้วยความทุกข์ใจเป็นอย่างมาก!
กระทั่งน้ำเสียงก็สั่นเล็กน้อย!
ก่อนที่ซินอี้หมิงจะแต่งงานกับนาง กระทั่งสาวใช้ห้องข้างก็ไม่มี แต่ตอนนี้ นางกลับต้องจัดเตรียมให้เขา
ซินอี้หมิงไม่เอ่ยอันใด
วาจานี้กล่าวได้ชัดเจน เขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไร
เขาเพียงแค่กระชับอ้อมแขนกอดเจี่ยนชิงโยวเอาไว้
เจี่ยนชิงโยวถูกเขากอดไว้ในอ้อมแขน ไม่รู้ว่าตอนนี้เขามีสีหน้าท่าทางเช่นไร ในใจจึงรู้สึกกระสับกระส่ายอย่างยิ่ง
อยากให้เขาตกลง แต่กลับกลัวว่าจะได้ยินคำตอบตกลงมาก
หัวใจเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา
“อี้หมิง…”
“ชิงโยว เจ้าเชื่อข้าหรือไม่”
ทันใดนั้น ซินอี้หมิงก็ปล่อยร่างของเจี่ยนชิงโยว แล้วโน้มตัวลงมามองตาเจี่ยนชิงโยว พลางถาม เจี่ยนชิงโยวไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้ถามเช่นนี้ แต่กลับพยักหน้าด้วยความจริงใจ
“ดี! ในเมื่อชิงโยวเชื่อใจข้า เช่นนั้นหลังจากนี้ ก็ไม่ต้องสนใจวาจาของคนอื่น พวกเราสองคนใช้ชีวิตกันอย่างสงบดีไหม”
แต่ไหนแต่ไรเจี่ยนชิงโยวก็เป็นคนที่ชอบความสงบ จะอยากจัดงานเลี้ยงแล้วเชิญน้องสาวที่เป็นบุตรีอนุภรรยาที่ไม่ได้ความจากตระกูลตนเองกับหลานสาวของอี๋เหนียงหลายคนนั่นมาร่วมงานอย่างไม่มีสาเหตุได้อย่างไร
คิดจะ…ให้เขารับอนุภรรยาหรือ
เจี่ยนชิงโยวไม่มีทางคิดเช่นนี้เด็ดขาด ดูจากวาจาที่นางเอ่ยออกมาเมื่อครู่นี้ ความรู้สึกที่น้ำตาเกือบจะรินไหลออกจากนัยน์ตาก็พิสูจน์ถึงความอาลัยอาวรณ์จากส่วนลึกในใจของนางได้
นางไม่อยาก แต่คนอื่นเล่า บิดามารดาของเขาล่ะ
จะต้องเป็นตาแก่กับพวกชั่วช้าไร้ยางอายไม่กี่คนนั่นแน่ๆ ที่สร้างแรงกดดันอะไรบางอย่างให้กับเจี่ยนชิงโยว ถึงได้ทำให้นางเอ่ยวาจาไม่ตรงกับใจจริงให้ตนเองรับอนุภรรยา!
ดูท่า เขาต้องจัดการสักรอบถึงจะได้
เขาเอ่ยแล้วว่าไม่มีทางให้ชิงโยวได้รับความไม่เป็นธรรม
ซินอี้หมิงปฏิเสธอย่างไม่อ้อมค้อม ทำให้เจี่ยนชิงโยวทั้งดีใจ และกังวลใจ “แต่ว่า พวกเราแต่งงานกันมานานขนาดนี้แล้ว ข้าก็ยังไม่ตั้งครรภ์ ข้ากลัว…”
“ปัญหาอยู่ที่เจ้าคนเดียวหรือ บางที ไม่แน่อาจจะเป็นข้าก็ได้!” ซินอี้หมิงรู้ว่า เรื่องไม่มีบุตรนั้นเป็นปัญหาหนักใจสำหรับเจี่ยนชิงโยว จึงลากปัญหามาที่ตนเอง
พวกชายชรากับหญิงแก่แพศยา ไม่ยอมแพ้สักที!
กล่าวให้ชัดเจนก็คือ คิดถึงทรัพย์สมบัติพวกนั้นของเขา
เจี่ยนชิงโยวรีบปิดปากซินอี้หมิง “ไม่อนุญาตให้เอ่ยวาจาเหลวไหล!”
วาจาเช่นนี้จะกล่าวเหลวไหลได้เช่นไร กล่าวว่าบุรุษผู้หนึ่งใช้การไม่ได้ เช่นนั้นก็เป็นการปฏิเสธทุกสิ่งของบุรุษผู้นี้ นางจะแบกรับไหวได้อย่างไร ถ้าหากในสองคน มีคนหนึ่งที่มีปัญหาขึ้นมาจริงๆ
นางยอมให้คนคนนั้นเป็นนาง!
“ปัญหาจะอยู่ที่ท่านได้เช่นไร เป็นข้า! จะต้องเป็นข้าแน่!”
มอง เจี่ยนชิงโยว ที่เศร้าเสียใจและสิ้นหวัง ซินอี้หมิงก็พลันปวดใจอย่างสุดซึ้ง!
ซินอี้หมิงถอนหายใจ เอามือที่ปิดปากออก แนบลงบนใบหน้า “พวกเราแต่งงานกันไม่กี่เดือน จะเร็วขนาดนั้นเสียที่ไหนกัน!”
“แต่ว่า อี๋เหนียงเอ่ยกับข้าทุกวันว่า สะใภ้ตระกูลจางตั้งครรภ์ในคืนเข้าหอ สะใภ้ตระกูลหลี่แต่งเข้ามาได้เดือนหนึ่งก็ตั้งครรภ์แล้ว สะใภ้ตระกูลเหอ…”
“ชิงโยวเด็กดี! เจ้าฟังข้านะ!”
รวบเจี่ยนชิงโยวเข้ามาในอ้อมแขนอีกครั้ง ซินอี้หมิงเอ่ย “บางทีอาจจะยังไม่ถึงเวลา ลูกจึงยังไม่มา พวกเราล้วนยังเยาว์วัยขนาดนี้ สุขภาพก็แข็งแรง จะไม่มีลูกได้อย่างไร เจ้าว่าใช่หรือไม่”
“ยังมี ไม่ต้องคิดจะให้ข้ารับอนุภรรยาหรือเรื่องอันใด แม้ว่าจะแค่คิดก็ไม่ได้! ข้า ซินอี้หมิง ชั่วชีวิตนี้มีแค่เจ้าเจี่ยนชิงโยวก็พอใจแล้ว! เหตุใดยังต้องการสตรีอื่นอีก”
เจี่ยนชิงโยวเจ็บปวดรวดร้าว มีประโยคนี้ประโยคหนึ่ง ให้นางตายก็ยอม ความรักลึกซึ้งเอ่อล้นออกมาจากหน่วยตา
ทว่า สิ่งที่เอ่ยออกมากลับเป็น “แต่ว่า…”
กล่าวตามตรง นางเป็นสตรีที่ได้รับการอบรมหลักสี่คุณธรรม สามคล้อยตามมาจนเติบใหญ่ จึงไม่สามารถแหวกขนบธรรมเนียมประเพณีได้ในทันที ทางท่านพ่อสามีกับอี๋เหนียง กระทั่งคนก็เลือกเรียบร้อยแล้ว นางยังต้องให้คำตอบอีก
มองเจี่ยนชิงโยวที่มีท่าทางเช่นนี้แล้ว ซินอี้หมิงก็เจ็บปวดใจเป็นอย่างมาก เขาพลันรู้สึกเสียใจที่บริจาคเงินแลกตำแหน่งผู้ว่าการมณฑลเทียนเซียงให้กับตาแก่นั่นขึ้นมา
แต่ว่า หากไม่ใช่ว่าหลายสิบปีมานี้เขามุ่งมั่นกับการช่วงชิง และหาตำแหน่งขุนนางให้ตาแก่ มีฐานะเป็นคุณชายใหญ่ผู้ว่าการมณฑล อาศัยตระกูลซินที่ไม่มีรากฐาน แม้ว่าจะมีเงินมากเพียงใด ก็แต่งงานกับเจี่ยนชิงโยวไม่ได้!
“ไม่มีแต่! ชิงโยวอยากให้สามีรับอนุภรรยาจริงๆ หรือ หลังจากนั้นก็สตรีพวกนั้นทำลายความรักระหว่างเราเช่นนั้นหรือ แบบนี้สามีจะเสียใจ”
เจี่ยนชิงโยวไม่เอ่ยอันใดอีก
นางจะยอมให้สตรีเหล่านั้นมาทำลายความรู้สึกระหว่างสามีภรรยาของพวกเขาได้อย่างไร
พวกเขาสองคน แม้ว่าจะรักกันดี แต่ท่านพ่อสามีกลับตำหนินางบ่อยครั้ง บอกว่าหลักการเป็นสตรีเตือนสตรีอะไรนั่น เอ่ยว่าคุณชายจางอะไรนั่นอายุสิบแปดก็เป็นบิดาของบุตรสองคนแล้วซินอี้หมิงที่น่าสงสาร ตอนนี้อายุยี่สิบสี่แล้ว ก็ยังไม่มีบุตรสักคน…
อี๋เหนียงหลายคนนั่นก็เยาะเย้ยเสียดสีนาง กล่าวว่านางชอบขัดขวาง บอกว่านางใจแคบอะไรพวกนี้
“ชิงโยว เจ้าจำเอาไว้ว่า ชั่วชีวิตนี้ ซินอี้หมิงจะมีภรรยาแค่คนเดียว! ชั่วชีวิตนี้มีสตรีเพียงคนเดียว นั่นก็คือเจ้า เจี่ยนชิงโยว เรื่องอื่นๆ เกี่ยวอันใดกับพวกเราด้วย”
เพียงแค่ซินอี้หมิงนึกถึงมารดาตนเองที่ถูกบิดาของเขาและอี๋เหนียงพวกนั้นทำให้โมโหจนจะเป็นบ้า โมโหจนไม่รู้จะทำเช่นไร
เขาก็ตัดสินใจนานแล้วว่า ชีวิตนี้จะไม่รับอนุภรรยา
เขาต้องคิดหาวิธีไปจากอำเภอเทียนเซียงเร็วๆ ไปจากคฤหาสน์ซินหลังนี้
แม้ว่าชิงโยวจะมีสติปัญญาและความสามารถ เป็นสะใภ้บุตรชายคนโต และเป็นภรรยาเอกอย่างถูกต้องตามประเพณี
ทว่า อี๋เหนียงพวกนี้ดูแลเรื่องต่างๆ ภายในเรือนหลังของตระกูลมาสิบกว่าปี ทั้งยังมีตาแก่ให้การสนับสนุน ชิงโยวถูกบีบให้ต้องกตัญญู จะยึดอำนาจกลับคืนมาได้เช่นไร และจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้อย่างไร
มั่วเชียนเสวี่ยเป็นคนที่เมื่อตั้งเป้าหมายไว้แล้ว ก็จะพยายามทำให้สำเร็จสุดความสามารถ!
และนางในตอนนี้จำเป็นต้องสร้างโรงเรือนกระจกเพาะปลูกพืชให้ได้ ดังนั้นจึงเริ่มเตรียมตัวและซ่อมแซมสิ่งต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
เมื่อคืน กินมื้อดึกแล้ว ก็กลับไปนอนบนเตียงอีกครั้ง นางครุ่นคิดมากมายเกี่ยวกับการสร้างโรงเรือนเพาะปลูกพืชและวิธีการขนส่งอย่างละเอียด
เช้าตรู่ ถงจื่อจิ้งก็ยืนเฝ้าอยู่หน้าเรือนมั่วเชียนเสวี่ยตั้งแต่เช้า เหมือนกับตอนที่อยู่หมู่บ้านหวังจยา เขาก็เฝ้าอยู่หน้าประตูห้องมั่วเชียนเสวี่ยแบบนี้ รอมั่วเชียนเสวี่ยตื่นขึ้นมา
เพียงแต่ตอนนั้น บ้านในหมู่บ้านหวังจยาเล็กมาก ไม่ได้มีกฎระเบียบมากมาย เขาสามารถบุกเข้าไปด้านในได้และยืนอยู่นอกห้องได้ แต่ตอนนี้กลับทำได้เพียงแค่ยืนอยู่นอกเรือน