เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 471 เรื่องตลกร้าย หนิงเซ่าชิงถูกลวนลาม (4)
ตอนที่ 471 เรื่องตลกร้าย หนิงเซ่าชิงถูกลวนลาม (4)
เดิมคิดจะไปหานางตอนกลางคืน แต่กลับกล้ำกลืนความโมโหนั้นไม่ลง สุดท้ายจึงไม่ได้ไป และอายที่จะไป แต่ตอนนี้เขากลับไม่มีเวลามาสนใจอะไรมากขนาดนั้นแล้ว! ทะเลาะกันเป็นเวลานานจะทำร้ายความรู้สึก ยิ่งไปกว่านั้น ข้างๆ ก็ยังมีคนที่จับจ้องตาเป็นมันอยู่คนสองคน
ในเมืองหลวง ทุกอย่างล้วนจัดการได้ง่ายมาก
บังเอิญพบกันสักครั้ง ก็เป็นความคิดที่ไม่เลว
ดรุณีน้อยผู้นี้ ยามปกติมักจะเอ่ยถึงความโรแมนติกที่เขาไม่เข้าใจอะไรพวกนั้น วันนี้ก็ให้นางได้รู้สักหน่อยว่าอะไรที่เรียกว่าโรแมนติก…
ทว่า เมื่อคิดถึงถงจื่อจิ้งที่อยู่ข้างกายมั่วเชียนเสวี่ย และจับจ้องพร้อมตะครุบดั่งพญาเสือแล้ว ริมฝีปากที่ยังแย้มรอยยิ้มได้ไม่ทันจะสมบูรณ์แบบก็เม้มปากทันที
แต่ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขายังจะมีเวลาไปโมโหหรือทำอันใดอีกที่ไหน
เขาแทบอยากจะไปปรากฏตัวอยู่ข้างกายมั่วเชียนเสวี่ยในตอนนี้เลย จากนั้นรวบคนมากอดไว้ในอ้อมแขนแน่นๆ!
“ถอยออกไปเถอะ”
เอ่ยเสียงเรียบๆ ให้อาซานออกไปแล้ว หนิงเซ่าชิงก็ร้อนอกร้อนใจกลับไปผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ ตอนที่ออกมาอีกครั้ง ก็ยืนเปล่งประกายหล่อเหลาอยู่ตรงนั้น ยังจะมีท่าทางหงอยเหงาเศร้าซึมก่อนหน้านี้อีกเสียที่ไหน
การเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ผู้คนตกตะลึง ยิ่งทำให้เตาหนูที่เห็นมุมปากกระตุก ในใจก็ชูนิ้วโป้งให้หัวหน้าตระกูลองอาจสง่าผ่าเผย!
…
คฤหาสน์สวี่ที่ครอบครองที่ดินผืนนาต่างๆ ของ ทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยว
หลายวันก่อนหน้านี้ คุณหนูใหญ่ตระกูลสวี่ถูกบิดาของนางส่งมาขังไว้ในคฤหาสน์อันห่างไกล!
แต่ เขาเห็นมั่วเชียนเสวี่ยซื้อที่ดิน ตนเองก็กำลังหาคู่ให้บุตรีที่รัก คิดๆ ดูแล้วว่าไม่สำคัญ จึงรับตัวบุตรีกลับมา
เพียงแต่ไม่กล้าปล่อยออกไป ขังเอาไว้ในห้องส่วนตัวที่จวน
ทว่า แม้ว่าจะขังเอาไว้ สวี่หยวนหยวนที่บ้าผู้ชาย ก็ยังไม่รู้ว่าการหยุดคือสิ่งใดตลอดกาล!
ตอนนี้นางร้อนใจอยากออกไป เพราะในใจมีคนคนหนึ่ง!
บุรุษที่ยอดเยี่ยมไม่มีใครเทียบเทียมได้ รูปโฉมหล่อเหลา ชั่วชีวิตนี้กำหนดเอาไว้แล้วว่ามีเพียงแค่นางที่คู่ควร!
นางถูกคนในครอบครัวขังเอาไว้เป็นเวลานานแล้ว! ไม่รู้ว่าบุรุษรูปงามของนางเป็นอย่างไรบ้าง นางจะไม่ร้อนใจได้เช่นไร
ประจวบเหมาะกับตอนนี้ สาวใช้ข้างกายนางมาส่งอาหารเช้าให้แล้ว
สวี่หยวนหยวนเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมาอย่างเฉียบไว!
“อ๊า…เจ็บ…เจ็บมาก…”
สวี่หยวนหยวนล้มลงไปบนพื้น ส่งเสียงครางออกมาด้วยความเจ็บปวดและอัดอั้นตันใจ
เพราะว่านางเป็นบ้า หน้าต่างของนางจึงถูกตอกตะปูไว้
ทุกครั้งที่สาวใช้ข้างกายนางมาส่งอาหาร ก็จะส่งผ่านทางหน้าต่างบานเล็กตรงนั้น
แต่หน้าต่างบานนั้นเล็กเกินไป นางออกไปไม่ได้ด้วยซ้ำ!
สวี่หยวนหยวนรู้ดีว่า บนร่างสาวใช้จะต้องมีกุญแจแน่นอน!
สาวใช้นางนั้นได้ยินเสียงร้อนรน เมื่อเดินเข้าไปใกล้ ก็ได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของคุณหนูอยู่ข้างใน
จึงรีบก้าวเข้าไปดู ก็เห็นคุณหนูของพวกนางล้มอยู่บนพื้น เจ็บปวดจนกลิ้งอยู่ตรงนั้น!
ตอนนี้ ใครก็ไม่มีทางไปคิดว่าเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องหลอกลวง!
สาวใช้นางนั้นหวาดกลัวอย่างยิ่ง จึงรีบเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไป
“คุณหนู? คุณหนู ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหมเจ้าคะ? โอ๊ย…”
ในมือสวี่หยวนหยวนซ่อนจานฝนหมึกเอาไว้ตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ เมื่อสาวใช้นางนี้วิ่งเข้ามาถึงข้างกายนาง ก็ทุบลงที่ท้ายทอยนางอย่างแรงไปครั้งหนึ่ง
สาวใช้ส่งเสียงร้องออกมาแล้วล้มลงกับพื้น โดยไม่ทันจะได้หันกลับไป
“ข้าย่อมไม่เป็นอะไร!”
มองสาวใช้ที่หมดสติไปแล้ว และมองไปยังประตูที่เปิดอ้าอยู่ สวี่หยวนหยวนก็ดีใจจนเนื้อเต้น!
รีบถอดเสื้อผ้าบนร่างสาวใช้ และลากนางไปที่เตียงตนเอง สร้างภาพลวงตาว่าตนเองกำลังหลับอยู่
สวี่หยวนหยวนเปลี่ยนไปสวมชุดของสาวใช้ และจากไปด้วยความพึงพอใจ!
บุรุษรูปงาม รอข้า ข้ามาแล้ว!
…
มั่วเชียนเสวี่ยกับถงจื่อจิ้ง นำรากไม้แกะสลักของเหล่าลูกศิษย์ไปยังสถานที่ที่ขายรากไม้แกะสลักในเมืองหลวงก่อน
ของสิ่งนี้เพิ่งจะได้รับความนิยม ได้รับความชื่นชอบจากเหล่าผู้มีอำนาจและสูงศักดิ์ แรกเริ่มสุดล้วนมาจากโรงงานแกะสลักแห่งนั้นของมั่วเชียนเสวี่ยในอำเภอเทียนเซียง
เพียงแต่ งานแกะสลักเป็นงานฝีมือประเภทหนึ่ง เมื่อมีของใหม่ๆ ย่อมต้องมีผู้ลอกเลียนแบบ
รากไม้แกะสลัก แม้ว่ามองดูแล้วยุ่งยากมาก แต่ขอเพียงแค่ใช้สมองนิดหน่อย ขยันฝึกฝน จะเรียนรู้จนทำเป็นก็ไม่ยาก
ดังนั้น จึงปรากฏของคล้ายๆ กันออกมา
เรียนรู้นั้นง่าย แต่จะเชี่ยวชาญนั้นยาก
เดิมการผลิตรากไม้แกะสลักนั้นช้ามาก อีกทั้งผู้ลอกเลียนแบบคนอื่นๆ ล้วนไม่ได้ผ่านกระบวนการขัด แบบที่ทำออกมาหรือฝีมือไม่เลว แต่กลับขาดจิตวิญญาณไปหลายส่วน
ดังนั้น ตลาดรากไม้แกะสลักยังคงอยู่ในกำมือซินอี้หมิง รากไม้แกะสลักจึงขาดตลาดนัก
เหล่าลูกศิษย์ที่หวังเทียนซงพามาล้วนไม่ใช่คนที่เคยเรียนตามระบบของนางในตอนแรกสุด สิ่งที่แกะสลักก็มีมากมายหลายรูปแบบ
แม้ว่าพวกเขาจะทำออกมาหยาบๆ แต่สำหรับสิ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากในเมืองหลวงตอนนี้ ก็นับว่าเป็นของล้ำค่าที่หาได้ยากประเภทหนึ่ง
ลองสืบเรื่องสภาพการณ์ของตลาดในเมืองหลวงแล้ว มั่วเชียนเสวี่ยกับถงจื่อจิ้งก็ตรงไปยังอี้ผิ่นเซวียน
แต่ก่อนเคยได้ยินซินอี้หมิงเอ่ยว่า อี้ผิ่นเซวียนเป็นร้านของตระกูลพวกเขา
แม้ว่านางจะไม่ได้ขายตัวให้เขา แต่เมื่อผ่านการสอบถามเมื่อครู่นี้มา กลับรู้ว่าซินอี้หมิงจริงใจต่อนางมาก
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำสิ่งที่ไม่คุ้นเคยไม่สู้ทำสิ่งที่ตนเองเชี่ยวชาญ รากไม้แกะสลักในเมืองหลวง ก็ยังคงให้ซินอี้หมิงเป็นตัวแทนขายเหมือนเดิมแล้วกัน
ตอนที่ถงจื่อจิ้งเห็นมั่วเชียนเสวี่ยสั่งอาอู่ให้บังคับรถม้าไปอี้ผิ่นเซวียน ก็ประหลาดใจมาก
“พี่เชียนเสวี่ย ทำไมพวกเราถึงไม่เปิดร้านขายรากไม้แกะสลักของตนเองร้านหนึ่งเล่าขอรับ”
ต้องรู้ว่า ตอนนี้รากไม้แกะสลักขายดีมาก ถ้าหากพวกเขาเปิดร้านของตนเองร้านหนึ่ง ไม่เพียงแต่จะขายได้ในราคาดี แต่ยังไม่ต้องแบ่งกำไรกับคนอื่นด้วย ต้องรู้ว่ากำไรตรงจุดนี้สูงมาก
“ไม่ล่ะ!” มั่วเชียนเสวี่ยส่ายหน้าอย่างไม่ต้องคิด
“ตอนนี้ข้าต้องการสร้างโรงเรือนกระจกให้เรียบร้อยเท่านั้น ไม่อยากคิดเรื่องอื่นๆ อีกอย่างก็เป็นการทำเกินความสามารถด้วย รากไม้แกะสลักนี้คงไม่สอดมือเข้าไปแล้ว”
ความจริงคำถามนี้ของถงจื่อจิ้ง แต่ก่อนมั่วเชียนเสวี่ยก็เคยคิดเช่นกัน
แต่ว่าตอนนั้น อย่างแรกคือถูกอำนาจต่างๆ ในเมืองหลวง และการเข้าร่วมงานเลี้ยงต่างๆ ทำให้ไม่มีเวลา
อีกอย่าง นางก็มีโรงงานเครื่องปรุงแล้ว ไม่อยากจะสร้างอุตสาหกรรมกดดันให้เป็นภาระตนเอง
คนคนหนึ่งไม่สามารถดูแลทุกอย่างได้
รากไม้แกะสลักมีตลาด แต่เงื่อนไขการเข้าสู่ตลาดของรากไม้แกะสลักนั้นก็ไม่สูง หากมีคนทุ่มเทเรียนรู้อย่างเจาะลึก ฝีมือของผู้ลอกเลียนแบบก็จะตามทันอย่างรวดเร็ว ตอนนั้นกำไรในตลาดก็จะไม่สูงเหมือนตอนนี้แล้ว
ตอนนี้นางต้องเตรียมเรื่องโรงเรือนเพาะปลูกพืชผักในฤดูหนาว และยังต้องสร้างโรงงานเครื่องปรุงในเมืองหลวงอีก นี่ถึงจะเป็นสิ่งที่คนอื่นศึกษาไม่ได้ชั่วคราว และยิ่งเป็นเรื่องที่ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้
นึกถึงโรงงานเครื่องปรุงที่จะเตรียมก่อสร้างใหม่ ก็คิดถึงที่ดินข้างทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยวแห่งนั้น กับสตรีนิสัยน่ารังเกียจที่นางมองเห็นหน้าไม่ชัดในตอนนั้น และยิ่งคิดถึงพระเอกของเรื่องนั้น…หนิงเซ่าชิง