เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 482 ชดใช้ความผิด ความฉลาดแกมโกงของเตาหนูกับกุ่ยซา (6)
- Home
- เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค
- ตอนที่ 482 ชดใช้ความผิด ความฉลาดแกมโกงของเตาหนูกับกุ่ยซา (6)
ตอนที่ 482 ชดใช้ความผิด ความฉลาดแกมโกงของเตาหนูกับกุ่ยซา (6)
ถ้าทำให้หนิงเซ่าชิงเข้าใจผิดว่าซินอี้หมิงที่เป็นบุรุษผู้หนึ่งส่งจดหมายมาให้ตนเอง คนขี้หึงผู้นี้จะต้องหึงหนักมากแน่นอน!
และหนิงเซ่าชิงก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ!
ตอนที่ได้ยินมั่วเชียนเสวี่ยบอกว่าซินอี้หมิงเขียนจดหมายให้นาง ก็โมโหขึ้นมาทันที! แต่หลังจากได้ยินมั่วเชียนเสวี่ยบอกว่าเป็นวาจาของเจี่ี่ยนชิงโยว ก็หยุดชะงักในทันที
คนฉลาดเช่นเขา จะไม่รู้ว่ามั่วเชียนเสวี่ยของเขากลัวตนเองเข้าใจผิดได้อย่างไร ดังนั้นถึงได้อธิบายให้เขาฟัง
ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากตนเองคิดได้แล้ว เขาก็ไม่ได้โกรธเจี่ี่ยนชิงโยวขนาดนั้นอีกแล้วเช่นกัน
พยักหน้าเล็กน้อย แสดงออกว่าตนเองกำลังฟังอยู่ และให้มั่วเชียนเสวี่ยเอ่ยต่อไป
เห็นสีหน้าสงบนิ่งของหนิงเซ่าชิงแล้ว มั่วเชียนเสวี่ยก็โล่งใจ
“พวกชิงโยวได้ยินเรื่องจวนกั๋วกงในเมืองหลวงถูกเพลิงไหม้ ก็เป็นห่วงข้า ดังนั้นถึงได้เขียนจดหมายมาสอบถาม จดหมายนางยังเอ่ยอีกว่า ตอนนี้พวกเขาสองคนรักกันดีมาก สุดท้าย นางบอกว่าจะมอบอี้ผิ่นเซวียนให้ข้า โฉนดที่ดินในมือท่าน หลงจู๊ของอี้ผิ่นเซวียนก็เพิ่งจะให้ข้า
หนิงเซ่าชิงมองโฉนดที่ดินในมือแวบหนึ่ง และมองมั่วเชียนเสวี่ย พลางเลิกคิ้วยิ้มน้อยๆ
“เอ่ยเช่นนี้ ตอนนี้อี้ผิ่นเซวียนก็กลายเป็นของเสวี่ยเสวี่ยแล้วหรือ”
สตรีของเขา โดดเด่นที่สุดจริงๆ!
แต่มั่วเชียนเสวี่ยยังคงส่ายหน้า พลางเอ่ยว่า “ข้าไม่อยากได้!”
“ทำไมเล่า”
มั่วเชียนเสวี่ยถอนหายใจเล็กน้อย คนโจ๊กใสในชาม
“คราแรกที่ข้าช่วยพวกเขาสองคน ก็แค่เห็นแก่จิตใจที่ผูกพันกันของทั้งสองคน ไม่อาจทนเห็นคนที่มีคนรักแต่ไม่สามารถครองคู่กันได้ตลอดคู่นี้ได้ แต่ถ้าหากว่าตอนนี้ข้ารับอี้ผิ่นเซวียนเอาไว้ ก็รู้สึกเหมือนว่าความรู้สึกระหว่างพวกเราเปลี่ยนไปแล้ว ข้าไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้”
วาจานี้ทำให้มั่วเชียนเสวี่ยหดหู่ใจมาก
คราแรกที่นางช่วยซินอี้หมิงกับเจี่ี่ยนชิงโยว ก็ไม่ได้คิดอันใดมากขนาดนั้นจริงๆ!
แม้ว่า ตอนนั้นนางจะไม่มีเงิน แต่กลับใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเช่นกัน ช่วยพวกเขาก็ไม่ได้มีความคิดที่จะต้องการหาต้นไม้ใหญ่ไว้พึ่งพิง เพื่อที่จะสามารถทำเรื่องราวต่างๆ ได้ง่ายดาย
แต่ว่า…ตอนนี้…
หนิงเซ่าชิงได้ยินเช่นนั้น ก็ถอนหายใจเล็กน้อย
“ทำไมเสวี่ยเสวี่ยต้องคิดมากขนาดนั้นด้วย?” วางกระดาษในมือลง ในห้องโถงใหญ่ ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ เขาก็ไม่สามารถกระทำสิ่งใดที่สนิทสนมเกินไปได้
“ซินอี้หมิงกับเจี่ี่ยนชิงโยวไม่ใช่คนแบบนี้แน่นอน ไม่เช่นนั้นคราแรกตอนที่พวกเราไม่มีอันใด ก็คงคิดว่า จะสร้างบุญคุณกับพวกเราอย่างไรแล้ว สาเหตุที่พวกเขาแสดงออกเช่นนี้ในตอนนี้ คิดว่าคงเป็นห่วงเจ้า”
“เป็นห่วงข้า?” นี่ทำให้มั่วเชียนเสวี่ยตะลึงไปครู่หนึ่ง
เป็นห่วงนาง? เป็นห่วงนางเลยใช้อี้ผิ่นเซวียนมาแสดงความเป็นห่วง ขอโทษด้วย สำหรับความเป็นห่วงแบบนี้ นางหาคำอธิบายไม่ได้จริงๆ
“ในเมื่อพวกเขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองหลวง เช่นนั้นเรื่องอื่นๆ ก็คิดว่าพวกเขาต้องได้ยินแน่นอนเช่นกัน”
และสิ่งที่เรียกว่าเรื่องอื่นๆ นั้น ย่อมเป็นเรื่องที่คุณหนูใหญ่ตระกูลมั่วไร้บิดามารดา ไม่มีรากฐานในเมืองหลวง เคยถูกพวกตระกูลสูงศักดิ์พวกนั้นกล่าววาจาฉีกหน้าอะไรพวกนั้น
“พวกเขาไม่รู้สถานการณ์ของเจ้าในตอนนี้ เพียงแค่ต้องการมอบอี้ผิ่นเซวียนให้เจ้า เพื่อให้เจ้ามีที่พึ่งพิง เข้าใจไหม”
มั่วเชียนเสวี่ยชอบเอาชนะมากเกินไป จึงไม่คุ้นชิน และไม่ชอบรับของจากผู้อื่น ดังนั้นของขวัญชิ้นโตที่มาถึงกะทันหัน ทำให้นางลุกลี้ลุกลนทันที เพราะคิดไม่ถึงว่าพวกเจี่ี่ยนชิงโยวจะแอบทำเพื่อนางโดยไม่เปิดเผย
มั่วเชียนเสวี่ยฟังหนิงเซ่าชิงอย่างอึ้งๆ จนจบ คล้ายกับว่าไม่อยากจะเชื่ออยู่บ้าง “เป็นแบบนี้จริงๆ หรือ”
หนิงเซ่าชิงพยักหน้ายืนยัน
ถ้าหากไม่ใช่เพราะเสวี่ยเสวี่ยของเขาชอบเอาชนะเกินไป เขาก็หวังว่าจะประคองทุกอย่างของตนเองเอาไว้ในมือแล้วมอบให้นาง!
แต่ความรักก็เป็นเช่นนี้ ตกหลุมรักไปแล้ว ก็มักจะคิดเพื่ออีกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร
หนิงเซ่าชิงวางมั่วเชียนเสวี่ยไว้ในตำแหน่งคนที่รักมากที่สุดในใจ ดังนั้นย่อมเข้าใจนาง แม้ว่าจะเห็นนางลำบาก แต่ก็ไม่ยินยอมบังคับมอบสิ่งเหล่านั้นของตนเองให้นาง
จากที่เขารู้ มั่วเชียนเสวี่ยไม่ได้ทำเรื่องเหล่านี้ เพื่อเงินทองอัญมณี ความสำเร็จ และชื่อเสียงอะไร แค่เพลิดเพลินไปกับความสุขในการริเริ่มทุกสิ่งเท่านั้นเอง
สุดท้าย มั่วเชียนเสวี่ยก็รับอี้ผิ่นเซวียนเอาไว้ และหลังจากกลับไปถึงบ้านไร่ ก็รีบตอบกลับจดหมายให้พวกเจี่ี่ยนชิงโยว แสดงให้เห็นว่าตนเองสบายดีมาก ให้พวกเขาไม่ต้องเป็นห่วงเป็นต้น
แน่นอนว่าตอนที่ทำเรื่องพวกนี้ ก็ทำหลังจัดการเรื่องยุ่งวุ่นวายในบ้านไร่จนเสร็จเรียบร้อย
มั่วเชียนเสวี่ยไม่คิดเลยว่า การที่นางไม่ได้กลับมาแค่คืนเดียว บ้านไร่ของนางจะกลายสภาพเป็นเช่นนี้?
พายุไต้ฝุ่นเข้าหรือไร อีกทั้งพายุไต้ฝุ่นลูกนี้ยังพัดใส่บ้านไร่ของพวกนางโดยเฉพาะด้วย?
เศษซากปรักหักพังเต็มพื้นเลย!
เมื่อวานตอนจะออกไป บ้านไร่ยังเป็นระเบียบเรียบร้อย ตอนนี้กลับกลายสภาพไปโดยสิ้นเชิง
อีกทั้งสี่คนที่เป็นตัวการก่อเรื่อง ก็หยุดโจมตีใส่กันนานแล้ว
ผลลัพธ์ที่ได้ในตอนท้ายแค่คิดก็รู้แล้ว ย่อมเป็นเตาหนูกับกุ่ยซาที่ชนะ!
เดิมหลังจากที่ทั้งคู่จัดการองครักษ์ตระกูลถงสองคนนั้นเรียบร้อยแล้ว ก็ยังคิดจะโยนถงจื่อจิ้งออกไปด้วย แต่เมื่อถูกชูอีกับสืออู่ตำหนิว่ากล่าวไปรอบหนึ่ง ก็ตัดสินใจหยุดมือ
ถ้าหากว่าลงมือกับถงจื่อจิ้งจริงๆ ตอนคุณหนูกลับมา ก็ไม่แน่ว่าจะมาคิดบัญชีกับพวกเขา
ดึกดื่นค่ำคืนไม่หลับไม่นอน ทำได้แค่เก็บกวาดสถานที่ที่ยุ่งเหยิงจากการที่เมื่อครู่พวกเขาทะเลาะวิวาทกันเต็มที่มากเกินไปด้วยความลำบาก
แต่พลังทำลายล้างของพวกเขากว้างเกินไป ดังนั้นตอนที่มั่วเชียนเสวี่ยกับหนิงเซ่าชิงกลับมา บ้านไร่จึงยังคงเต็มไปด้วยเศษซาก
คนทั้งบ้านไร่ล้วนช่วยกันเก็บกวาด โดยไม่ได้ทำอันใดทั้งวัน
ถงจื่อจิ้งนั่งอยู่ในเรือนเสวี่ยหว่านคืนหนึ่งเต็มๆ
ตามองรูปปั้นในมือ คนท่าทางมึนๆ แข็งทื่อ นัยน์ตากลับเปี่ยมไปด้วยความวิตกกังวลและคิดถึง
ตอนที่มั่วเชียนเสวี่ยเข้ามาในห้อง เขาก็รีบลุกขึ้น และเก็บรูปปั้นกลับเข้าไปในเสื้อ
พลางพิจารณามองมั่วเชียนเสวี่ยขึ้นๆ ลงๆ รอบหนึ่ง มั่นใจแล้วว่าพี่เชียนเสวี่ยของเขาไม่ได้มีส่วนใดบุบสลาย ถงจื่อจิ้งถึงได้โล่งใจ
แต่กลับหันไปมองหนิงเซ่าชิงที่อยู่ข้างกายมั่วเชียนเสวี่ยด้วยสายตาเย็นชา
เขากำลังครุ่นคิดว่า แม้พี่เชียนเสวี่ยจะไม่เป็นอะไร แต่ตนเองยังคงต้องการแทงมีดแกะสลักเล่มนี้ลงบนอกหนิงเซ่าชิงหรือไม่
สำหรับเรื่องนี้ หนิงเซ่าชิงก็ไม่สนใจเช่นกัน เพียงแค่มองถงจื่อจิ้งอย่างเฉยชาแวบหนึ่ง แล้วเบนสายตาตนเองจากไป
แม้ว่าตอนนี้เขาจะคืนดีกับเชียนเสวี่ยแล้ว แต่เมื่อเขาเห็นถงจื่อจิ้งก็ยังคงรู้สึกโมโหอยู่ดี!
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ตนเองโมโหต่อไป เขาปฏิเสธที่จะมองถงจื่อจิ้ง
อีกอย่าง ตอนที่ถงจื่อจิ้งร้อนรนพิจารณามองมั่วเชียนเสวี่ยว่าได้รับบาดเจ็บหรือไม่ ในใจหนิงเซ่าชิงก็คิดอย่างใจแคบว่า…
แม้ว่าเขาจะเห็นจุดแดงๆ แต่ก็ยังคงมองไม่เห็นอันใด เพราะเสวี่ยเสวี่ยของเขา ได้รับบาดเจ็บภายใน!…
ภายใน!