เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 484 ความคิดแย่ๆ ซูซูเสี่ยงอันตราย (2)
ตอนที่ 484 ความคิดแย่ๆ ซูซูเสี่ยงอันตราย (2)
คิดถึงจุดนี้ ทั่วร่างเตาหนูก็เปี่ยมไปด้วยพละกำลังและจิตวิญญาณ!
เสียง พรึบ! ดังขึ้น เตาหนูก็วิ่งออกมาจากมุมมืด จากนั้นก็ลงมือเก็บกวาดกับกุ่ยซา!
ภาพตรงหน้าทำให้มั่วเชียนเสวี่ยมึนงง หนิงเซ่าชิงก็อึ้ง!
สองคนนี้เป็นองครักษ์ที่ไม่ค่อยเอ่ยวาจาใดๆ สองคนนั้นจริงๆ หรือ
มั่วเชียนเสวี่ยมองเตาหนู แล้วมองกุ่ยซาอย่างสงสัย จากนั้นก็หันไปมองหนิงเซ่าชิง
พลันเข้าใจขึ้นมา
“นี่…สองคนนี้ล้วนชอบชูอีหรือ”
นอกจากเรื่องนี้ มั่วเชียนเสวี่ยคิดเหตุผลอื่นไม่ออกจริงๆ
คล้ายกับว่า เมื่อครู่นางตะโกนเอ่ยแค่ว่าไม่เก็บกวาดจะไม่ให้ชูอีหมั้นกับกุ่ยซาประโยคนี้ และไม่ได้เอ่ยอันใดอีกแล้วนะ
มั่วเชียนเสวี่ยรู้ว่ากุ่ยซากับชูอีมีเค้าลางอยู่บ้าง แต่ว่าเตาหนู…เขาชอบชูอีตั้งแต่เมื่อใด
ตอนที่เตาหนูได้ยินประโยคนี้ กำลังเก็บกิ่งไม้บนพื้นพอดี เมื่อได้ยินวาจานี้…
แกรก! ตึง…
จึงสะดุดกิ่งไม้! ร่างโงนเงนไปมา! น้ำตานองหน้า!
คุณหนูใหญ่ตระกูลมั่ว อย่านำโทษฐานที่ไม่มีจริงมาปรักปรำข้าจะได้ไหม เขาเป็นพลเมืองดีนะ! เขาชอบสืออู่ต่างหากเข้าใจไหม
สืออู่ของเขาน่ารักมากจริงๆ ปากเล็กได้รูปที่ ยามบ่นอุบอิบทำให้คนอยากจะกัดสักคำ เข้าใจไหม!
ส่วนตอนที่กุ่ยซาได้ยินมั่วเชียนเสวี่ยเอ่ยกับตนเอง ก็มองไปทางเตาหนูด้วยความระแวดระวัง
ในขณะเดียวกัน คนก็ชะงัก มือขยับเล็กน้อยอย่างตัดสินใจที่จะประมือกับเตาหนูเพื่อดูว่าใครเหนือกว่าใคร!
เตาหนูอยากจะจุดธูปถามจริงๆ ว่า เขาไปล่วงเกินเทพเซียนองค์ใดกันแน่
หนิงเซ่าชิงที่อยู่ด้านหลังมองดูด้วยสีหน้าที่สามารถเรียกได้ว่าไม่รู้อะไรเลยโดยสิ้นเชิง!
ทำไมเขาไม่เคยรู้เลยว่า ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาจะซื่อบื้อขนาดนี้
สามารถซื่อบื้อได้ถึงระดับนี้ ก็เป็นความสามารถที่แท้จริง และเป็นความกล้าหาญประเภทหนึ่งเช่นกัน!
คาดไม่ถึงเลยว่า ทั้งสองคนจะชอบสาวใช้ผู้หนึ่งในเวลาเดียวกัน ทั้งยังไม่ลังเลที่จะทะเลาะเบาะแว้งจนถึงขั้นลงไม้ลงมือกันด้วย
ท่ามกลางความกระอักกระอ่วน ก็กระแอมไอสองสามครั้ง “…เชียนเสวี่ย ในเมื่อมีพวกเขาเก็บกวาดบ้านไร่แล้ว เช่นนั้นพวกเราสองคนก็ไปเดินเล่นบนเขากันเถอะ”
สถานการณ์เช่นนี้ เปลี่ยนหัวข้อสนทนาดีที่สุด
ไม่แน่ว่า อีกครู่หนึ่งเชียนเสวี่ยจะนำเรื่องไร้สมองเช่นนี้มาลงที่เขา!
มั่วเชียนเสวี่ยมองหนิงเซ่าชิงอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง พลางเอ่ยแง่งอนเสียงเย็นว่า “ไม่ว่าง จะนอน!” จากนั้นก็ทิ้งหนิงเซ่าชิงไว้ในห้องโถงคนเดียว และกลับไปนอนในห้องนอนคนเดียว
สำหรับนาง แม้ว่าตอนนี้ข้างนอกจะเกิดเพลิงไหม้ ก็ไม่มีเรื่องอะไรสำคัญไปกว่าการนอนของนาง
เมื่อคืนหนิงเซ่าชิงกินจนอิ่มหมีพีมัน! แต่นางกลับเหนื่อยแทบตาย!
ตอนนี้นางไม่อยากเห็นหนิงเซ่าชิงแม้แต่น้อย!
เห็นเขาแล้วรู้สึกหงุดหงิด
หนิงเซ่าชิงก็รู้ว่าในใจมั่วเชียนเสวี่ยโกรธเขาอยู่ ดังนั้นสุดท้ายก็ทำได้เพียงแค่ลูบจมูกเงียบๆ แล้วนั่งอยู่ที่เก้าอี้
ก่อนที่องครักษ์ซื่อบื้อสองคนนี้จะเก็บกวาดบ้านไร่ให้เรียบร้อย เขาไม่สามารถจากไปได้!
อีกอย่าง ถงจื่อจิ้ง เจ้าหมอนั่นก็ยืนจ้องถมึงทึงอยู่อีกด้าน แม้ว่าเขาอยากจะไป ก็ไปไม่ได้!
ดังนั้น ตอนนี้ในบ้านไร่ ก็ปรากฏภาพเหตุการณ์แปลกประหลาดมากออกมา
คนด้านนอกเก็บกวาดอย่างกระตือรือร้น คนด้านในที่สมควรจะนอนก็นอน สมควรจะเหม่อลอยก็เหม่อลอย!
แสงอาทิตย์สาดส่องในช่วงเวลากลางวัน ในบ้านไร่ แม้ว่าจะยังเก็บกวาดไม่เรียบร้อย แต่ก็นับว่าดีขึ้นมาบ้างแล้ว ส่วนกุ่ยซากับเตาหนูสองคนล้วนเหนื่อยสายตัวแทบขาด!
พวกเขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่า ตอนทำลายนั้นเรียกได้ว่าสะใจมาก แต่ตอนเก็บกวาดขึ้นมานี่แทบจะร้องขอชีวิตเลยทีเดียว!
ทั้งสองคนล้วนรู้สึกเสียใจในภายหลัง! ล้วนเสียใจว่าเมื่อวานไม่สมควรหุนหันพลันแล่นเลย!
ตอนนี้เป็นอย่างไรเล่า คนที่ได้รับความทุกข์ทรมานก็คือพวกเขาสองคน ส่วนองครักษ์ตระกูลถงอีกสองคนที่มีส่วนร่วมในการทำลายครั้งนี้ ก็ใช้เหตุผลว่าได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องพักรักษาตัว ล้วนไม่รู้ว่าหนีไปเอ้อระเหยลอยชายที่ไหนแล้ว!
ในที่ไม่ไกล บนภูเขา องครักษ์ตระกูลถงสองคนที่ ‘บาดเจ็บหนัก’ กำลังอาบแดด กินผลไม้อย่างมีความสุข กลับรู้สึกว่ามีลมหนาวยะเยือกเข้าปกคลุมกะทันหัน จึงมองรอบด้านคราหนึ่งอย่างอดไม่อยู่
หลังจากที่พบว่าไม่มีเหตุการณ์ใด ก็กินผลไม้ และร้องเพลงต่อไป…
โดยไม่รู้เลยสักนิดว่า ลมหนาวเย็นเยียบเมื่อครู่นี้ เป็นความเคียดแค้นของใครสองคน…
นอกบ้านไร่ ตอนนี้รองผู้บัญชาการเหวยของกองกำลังทหารม้าที่ตั้งมั่นรักษาการณ์อยู่ ก็เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ต่อเรื่องในบ้านไร่ของมั่วเชียนเสวี่ยไปนานแล้ว
ครั้งแรกที่มั่วเชียนเสวี่ยเข้าเมือง เขาเอ่ยถามแค่ประโยคเดียว ก็ท้องเสียพร้อมกับผู้ใต้บังคับบัญชาไปวันหนึ่ง
ครั้งที่สองที่เข้าเมืองนั้นแย่ยิ่งกว่า
เขายังไม่ทันจะเข้าไป บนฟ้าพลันมีนกขนาดใหญ่ตัวหนึ่งถ่ายอุจจาระลงบนศีรษะเขากะทันหัน
ที่โชคร้ายยิ่งกว่าก็คือ เขาอยากจะไปจัดการนกขนาดใหญ่ที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงตัวนั้น กลับถูกหินใต้เท้าทำให้สะดุดล้มหน้าผากแตก
แน่นอนว่า ในฐานะที่เขาเป็นรองผู้บัญชาการ วรยุทธ์ย่อมไม่ด้อย แต่เขากลับไม่ได้โง่ สามารถมีชีวิตนั่งอยู่ในตำแหน่งสูงได้ย่อมไม่ใช่คนโง่ เขารู้ว่ามียอดฝีมือกำลังเตือนเขาอยู่
จึงรีบกลับไปยังค่าย ก็เห็นตั๋วเงินหนึ่งหมื่นตำลึงวางอยู่บนโต๊ะ มีตั๋วเงินให้กอด เขาก็ศีรษะไม่ปวด คนไม่สลบ และล้มตัวลงบนเตียงนอนหลับสักตื่นแทน
และไม่สนใจการเข้าออกของมั่วเชียนเสวี่ยอีก
สำหรับทางฮ่องเต้ เขามีข้ออ้างมากมายให้รายงาน
ยามบ่าย อวิ๋งอิ๋งก็เดินทางมาถึงอย่างสบายๆ
คนในบ้านไร่นับว่าคุ้นเคยกับอวิ๋นอิ๋น
อย่างไรเสียทุกคนก็ล้วนมาจากอำเภอเทียนเซียง เป็นคนที่บากหน้ามาขออาศัยคุณหนูเชียนเสวี่ยด้วยกัน!
ชุนเยี่ยนเห็นเงาร่างของอวิ๋นอิ๋นแต่ไกล ก็รีบวางงานในมือ แล้วก้าวเข้าไปต้อนรับ
“พี่อวิ๋นอิ๋น! อากาศร้อนเช่นนี้ เหตุใดถึงเดินกลับมาเพียงคนเดียวเล่า”
ชุนเยี่ยนเป็นคนจิตใจดีคนหนึ่ง เมื่อเห็นอวิ๋นอิ๋นฝ่าแสงอาทิตย์ร้อนระอุกลับมา อีกทั้งดวงหน้ารูปไข่ก็ถูกแดดเผาเสียจนแดงก่ำ จึงรู้สึกสงสารอยู่บ้าง
สำหรับเรื่องนี้ อวิ๋นอิ๋นเพียงแค่ยิ้มน้อยๆ
“คิดถึงซีซีหน่ะ จึงอยากจะมาเยี่ยม ครู่หนึ่งยังต้องกลับไปอีก”
“ยังกลับไปอีกหรือ อีกครู่หนึ่งฟ้าก็จะมืดแล้ว อีกทั้งระยะทางที่จะเข้าเมืองก็ไม่นับว่าใกล้ คืนนี้จะกลับไปได้หรือ”
อวิ๋นอิ๋นก็มองดวงอาทิตย์ที่กำลังลาลับไปทางทิศตะวันตกตามการเคลื่อนไหวของชุนเยี่ยนแวบหนึ่ง และเผยรอยยิ้มบางๆ ออกมาในมุมที่สายตาชุนเยี่ยนมองไม่เห็น
รีบกลับมาตอนนี้ กำลังเหมาะสมไม่ใช่หรือ
คุณหนูใหญ่คงไม่ให้นางจากไปในตอนที่นางเพิ่งมาเยี่ยมซีซี แล้วฟ้าใกล้มืดหรอกนะ
“อีกอย่าง ข้าก็แค่มาเยี่ยมซีซี ระยะนี้นางว่านอนสอนง่ายหรือไม่”
อวิ๋นอิ๋นเอ่ย นัยน์ตาคล้ายกับมีหยาดน้ำตา เปี่ยมไปด้วยท่าทีของมารดาที่รักบุตร ทำให้หัวใจของชุนเยี่ยนละลายตามไปด้วย!
ทั้งสองคนเดินเคียงไหล่กันเข้าไปในบ้านไร่
ชุนเยี่ยนเป็นคนมีน้ำใจคนหนึ่ง มีอะไรก็เอ่ยอย่างนั้น
ได้ยินอวิ๋นอิ๋นถามถึง ก็เอ่ยชมเชยทันที “ว่านอนสอนง่าย! จะไม่ว่านอนสอนง่ายได้เช่นไร ซีซีเด็กคนนั้นเป็นคนที่ทำให้หมดห่วง! เรื่องอะไรก็ไม่ต้องให้คนเป็นกังวล ดีมากเลยล่ะ!”