เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 493 รั่วเมิ่งปล่อยวาง เตาหนูปะทะกุ่ยซา (2)
ตอนที่ 493 รั่วเมิ่งปล่อยวาง เตาหนูปะทะกุ่ยซา (2)
“ท่านพี่เชิญนั่ง! คุณหนูรั่วเมิ่งก็นั่งก่อนสิ” มั่วเชียนเสวี่ยจัดการให้ทั้งสองนั่งลงเรียบร้อยก็ให้ชูอีกับสืออู่ยกชากับขนมมาให้
ตั้งแต่เข้าบ้านไร่มาจนถึงตอนนี้เฟิงอวี้เฉินเอาแต่หน้านิ่วคิ้วขมวดตลอดเวลา
แม้ว่าสีหน้าน้องสาวจะไม่เลว แต่บ้านไร่แห่งนี้มันช่างธรรมดาเกินไปแล้ว
เมื่อก่อนตอนที่ท่านป้ายังอยู่ นางรักเอ็นดูน้องสาวยิ่งนัก ตอนที่ท่านป้าไม่อยู่ ตอนอยู่ที่บ้านตระกูลเฟิงของพวกเขาก็ถูกปฏิบัติดีด้วยมาตลอด เคยลำบากลำบนเช่นนี้ที่ไหนกัน
จริงสิ ตอนอยู่ในหมู่บ้านหวังจยา เรือนหลังนั้นยังใหญ่สู้บ้านไร่หลังนี้ไม่ได้เลย
เฟิงอวี้เฉินคิดไปเรื่อยๆ อารมณ์ก็เริ่มสงบลง
จากนั้นก็ไม่เสียเวลา เอ่ยจุดประสงค์ในการมาครานี้ทันทีเลย
“ที่พี่พาคุณหนูหลันมาหาก็แค่อยากมาเยี่ยมเจ้า ไม่รู้ว่าเจ้าอยู่ที่บ้านไร่คนเดียวเป็นอย่างไรบ้าง ขาดเหลืออะไรหรือไม่…”
เทียบกับเฟิงอวี้เฉินที่หน้าตาเรียบเฉยแล้ว คล้ายว่าหลันรั่วเมิ่งจะกระอักกระอ่วนอยู่เล็กน้อย
นับได้ว่าพวกเขามาหาอย่างกะทันหัน ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ส่งเทียบมาแจ้งว่าจะมาเยี่ยมเยือน ซ้ำยังมาแบบที่เจ้าบ้านรับมือไม่ทัน อีกทั้งยังมาด้วยกันกับเฟิงอวี้เฉินอีก มันทำให้นางเองรู้สึกค่อนข้างเกรงใจ
อีกทั้งนางก็ไม่ใช่คนโง่ ได้พูดคุยไปมาหาสู่กันอยู่หลายครา นางก็พอจะสัมผัสได้ว่าเฟิงอวี้เฉิงมีความรู้สึกไม่ธรรมดาต่อลูกพี่ลูกน้องหญิงคนนี้
ความคิดเด็กๆ เหล่านี้ทำให้นางรู้สึกขัดแย้งกันในใจ
ด้านหนึ่งนางชื่นชมมั่วเชียนเสวี่ยจากใจจริง อีกด้านหนึ่งนางก็ค่อนข้างจะ…หึงเสียแล้ว
มั่วเชียนเสวี่ยได้ยินดังนั้นกลับแย้มยิ้มจางๆ ให้
“ท่านพี่ เชียนเสวี่ยไม่ขาดเหลืออะไรหรอก หากมีเวลามาเยี่ยมเยือนเชียนเสวี่ย อยู่เป็นเพื่อนเชียนเสวี่ย เชียนเสวี่ยก็ดีใจมากแล้ว อีกอย่างเชียนเสวี่ยกับคุณหนูใหญ่ตระกูลหลันเดิมทีก็ถูกชะตากันอยู่แล้ว ท่านพี่พาคุณหนูหลันมาด้วยตรงใจเชียนเสวี่ยพอดี”
ในระหว่างหัวเราะพูดคุยกันนั้น หลันรั่วเมิ่งก็ถูกมั่วเชียนเสวี่ยทำให้คลายความกระอักกระอ่วนลงไป
ความใจกว้างของมั่วเชียนเสวี่ยทำให้หลันรั่วเมิ่งรู้สึกว่าตัวเองนิสัยเป็นเด็กๆ
แม้ว่าเฟิงอวี้เฉินกับมั่วเชียนเสวี่ยจะเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แต่มั่วเชียนเสวี่ยในยามนี้ก็มีหนิงเซ่าชิงแล้ว ต่อให้มีความรู้สึกดีๆ อะไรเกิดขึ้นจริงก็หายเข้ากลีบเมฆไปนานแล้วอยู่ดี
แน่นอนว่าเฟิงอวี้เฉินเข้าใจดีว่าตัวเองไม่มีทางครองคู่กับมั่วเชียนเสวี่ยตั้งนานแล้ว เขาแค่อยากจะเห็นว่านางสบายดี จึงนั่งอยู่เรือนเสวี่ยหว่านอยู่สักพัก เฟิงอวี้เฉินจึงอ้างว่าจะเดินเล่นไปข้างนอก แล้วออกจากเรือนเสวี่ยหว่านมา
ประการแรกเพื่อให้มั่วเชียนเสวี่ยได้อยู่กันตามลำพังกับหลันรั่วเมิ่ง จะได้สานสัมพันธ์กันเสียหน่อย
ประการที่สองเขาอยากเห็นว่าบ้านไร่หลังนี้ยังขาดเหลืออะไรบ้าง เขาจะได้ช่วยเหลือ
หลังจากที่เฟิงอวี้เฉินออกไปแล้ว มั่วเชียนเสวี่ยก็เชิญหลันรั่วเมิ่งออกไปเดินเล่นข้างนอก
อย่างไรเสียยามนี้อากาศก็กำลังร้อน อยู่แต่ในห้องก็อบอ้าว
ด้านนอกยังพอมีลมโชยผ่านมาเป็นระยะๆ เดินเล่นเดินชมทิวทัศน์กันไปพลางๆ ดีกว่าทนร้อนอยู่ในห้องมากโขเลย
ทั้งสองคนเดินมาถึงป่าไผ่ด้านนอก พูดคุยสัพเพเหระกันไปพลาง ลมเย็นๆ โชยพัดมาให้เย็นสบายยิ่ง
แม้ว่ามั่วเชียนเสวี่ยจะไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านางจะไม่รู้เรื่องราวความเป็นไปของตระกูลน้อยใหญ่ในเมืองหลวง
ตระกูลเฟิงกับตระกูลหลันแลกสมุดผูกดวงกันแล้ว ยามนี้พูดได้เลยว่าหากไม่มีอะไรผิดพลาดล่ะก็ หลันรั่วเมิ่งก็จะเป็นพี่สะใภ้ของนางอย่างแน่นอน
มั่วเชียนเสวี่ยดีใจกับเรื่องนี้ไม่น้อย
อย่างไรเสียตอนที่เสวี่ยเสวี่ยจากไป สิ่งที่ยังปล่อยวางไม่ได้ที่สุดก็คือเฟิงอวี้เฉิน เพราะนางหวังอย่างยิ่งว่าเฟิงอวี้เฉินจะลืมนาง และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
ยามนี้เฟิงอวี้เฉินปล่อยวางลงแล้ว ปล่อยวางความยึดติดทั้งหมดทิ้งไปแล้ว ในอนาคตมีภรรยาที่เข้าอกเข้าใจอย่างหลันรั่วเมิ่งเช่นนี้อยู่ข้างๆ เสวี่ยเอ๋อร์ก็คงไปสู่สุคติได้แล้ว
หัวเราะพูดคุยกันไปมา หลันรั่วเมิ่งก็เปลี่ยนเรื่องคุยจากมั่วเชียนเสวี่ยไปยังเฟิงอวี้เฉิน
นางยิ้มลองหยั่งเชิงว่า “เชียนเสวี่ย เจ้ารู้อดีตของอวี้เฉินหรือไม่”
หลันรั่วเมิ่งไม่ใช่ท่านหญิงซูซูที่อยากจะรู้เรื่องใดให้กระจ่างแต่ก็ไม่อาจเอ่ยออกไปตรงๆ ได้
จากข่าวที่นางได้รับมา เฟิงอวี้เฉินเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฟิง แต่ยามนี้อายุยี่สิบกว่าปีแล้ว กลับยังไม่มีแม้แต่นางต้นห้อง
ข่าวนี้ทำให้นางปรีดาแต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้นางหวาดหวั่นไม่สบายใจด้วย
โดยปกติแล้วคนที่อายุพอๆ กันกับเขา ต่อให้ไม่มีอนุ แต่นางต้นห้องคนสองคนก็ยังมีพร้อม
หากไม่มีก็คงมีแค่เหตุผลไม่กี่อย่าง ประการแรกเป็นพวกชอบบุรุษ ประการที่สองมีคนในใจแล้ว ประการที่สามครองตนให้บริสุทธิ์
นางหวังว่าจะเข้าใจเรื่องเหล่านี้ได้มากขึ้น
ขอแค่เขาไม่ได้ชอบบุรุษด้วยกันก็พอ ต่อให้มีคนในใจและเจ็บปวดจากความรัก นางก็จะปลอบประโลมเขาอย่างดี ปลอบโยนความเจ็บปวดในส่วนลึกของจิตใจเขาให้
หลันรั่วเมิ่งฉลาดมาก และมีไหวพริบมากเช่นกัน แม้ว่าเฟิงอวี้เฉินจะมีมารยาทต่อตนมาก แต่กลับขาดความกระตือรือร้นที่ทำให้ใจเต้น มารยาทนั้นทำให้เกิดช่องว่างอยู่ไม่น้อย และช่องว่างนี้เกิดจากสาเหตุใดกันแน่ นางกลับไม่รู้เลยแม้แต่น้อย
ความรู้สึกนี้ของนางเป็นความไวต่อความรู้สึกของสตรี และเป็นปฏิกิริยาตอบสนองชนิดหนึ่งระหว่างคนรัก
เมื่อก่อนนางไม่เคยมีความรัก โตมาในครอบครัวใหญ่ ไม่เคยพบเคยเจออะไรมาก่อน
หลังจากวิเคราะห์อย่างอุสาหะก็พอจะรู้ได้ว่าบางทีอาจจะเกี่ยวกับมั่วเชียนเสวี่ย
ทว่ามั่วเชียนเสวี่ยหมั้นหมายกันกับนายน้อยตระกูลหนิงอย่างหนิงเซ่าชิงแล้ว นี่ก็เป็นเรื่องที่เดิมทีเป็นไปไม่ได้เช่นกัน แต่ใจนางกลับรู้สึกปล่อยวางไม่ได้เสียที หากไม่ถามให้กระจ่างคงเป็นปมในใจไปตลอดแน่
นางไม่ชอบปมในใจเลย
หากเขาต้องการปกป้องใครสักคนจริง นางสามารถร่วมกันปกป้องกับเขาได้ ขอแค่เขาเปิดใจให้นาง
แต่จุดสำคัญในการเปิดใจน่าจะอยู่ที่ตัวสตรีงามตรงหน้าคนนี้นี่ล่ะ
หลันรั่วเมิ่งหยุดฝีเท้าก่อนเบี่ยงกายไปจ้องมั่วเชียนเสวี่ย
มั่วเชียนเสวี่ยมองกลับ
ก่อนจะหัวเราะเบาๆ
เป็นโรคหัวใจก็ต้องใช้ยารักษาหัวใจ!
หลันรั่วเมิ่งเป็นสตรีไม่ธรรมดาดังคาด จิตใจและจิตวิญญาณของเธอนั้นหาที่เปรียบมิได้ ตนจะมาใจแคบให้คนดูถูกไม่ได้
เดิมทีพาหลันรั่วเมิ่งมาในป่าไผ่ที่ทำให้จิตใจผ่อนคลายเพราะมั่วเชียนเสวี่ยคิดจะเล่าเรื่องระหว่างนางกับเฟิงอวี้เฉินให้อีกฝ่ายฟังทั้งหมดอยู่แล้ว
มองแค่ท่าทีของหลันรั่วเมิ่ง
อย่างไรเสียในอนาคตหลันรั่วเมิ่งไปตระกูลเฟิงแล้ว เรื่องเก่าๆ ที่เกี่ยวข้องกับร่างเดิมของนางกับเขาก็คงมีคนเอ่ยถึงให้นางฟังอยู่ดี
ให้คนอื่นพูดไม่สู้นางเป็นคนพูดเองไปเลยดีกว่า
ทั้งสองคนจับมือกัน มั่วเชียนเสวี่ยคิดมาถึงตรงนี้ก็ยื่นมือไปจับมืออีกข้างของหลันรั่วเมิ่ง ทั้งสองจึงเผชิญหน้ากัน
ดวงตาสบกัน
มั่วเชียนเสวี่ยเอ่ยอย่างจริงใจว่า “ข้าเรียกเจ้าว่ารั่วเมิ่งได้หรือไม่”
ไม่รอให้หลันรั่วเมิ่งตอบ มั่วเชียนเสวี่ยก็จูงมือหลันรั่วเมิ่งเดินไปข้างหน้าต่อ ก่อนเอ่ยเสียงเบาว่า “อันที่จริงแม้ว่ารั่วเมิ่งจะไม่ถามเชียนเสวี่ย แต่เชียนเสวี่ยก็อยากบอกรั่วเมิ่งอยู่ดี เรื่องระหว่างพี่ชายกับเชียนเสวี่ยน่ะ”
หลันรั่วเมิ่งได้ยินว่ามีเรื่องราวความหลังระหว่างเฟิงอวี้เฉินกับมั่วเชียนเสวี่ยอยู่จริงๆ ก็ค่อยๆ ก้มหน้าลง ดวงตาหม่นแสงลง จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นสบตาตรงๆ อย่างกล้าหาญ
มั่วเชียนเสวี่ยแอบชื่นชมจิตใจของนางอย่างอดไม่ได้
ก่อนจะแย้มยิ้มจางๆ แล้วเล่าเรื่องราวความรักความแค้นที่เป็นของเจ้าของร่างเดิมกับเฟิงอวี้เฉินที่นางรู้ให้ฟังอย่างกระชับได้ใจความ