เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 519 เชียนเสวี่ยวางหมาก อวิ๋นอิ๋นรนหาที่ตาย (1)
ตอนที่ 519 เชียนเสวี่ยวางหมาก อวิ๋นอิ๋นรนหาที่ตาย (1)
ตอนไปก็ไปส่ง ตอนกลับก็มาส่ง ปกติก็นิสัยดี โอนอ่อนผ่อนตามคุณหนูทุกอย่าง
หลังมั่วเชียนเสวี่ยออกไปข้างนอก อวิ๋นอิ๋นก็ใช้ข้ออ้างช่วยพวกจื่อจู้ทำความสะอาดห้อง ค้นหาไปทั่วทั้งห้องแล้ว แต่ก็ไม่พบป้ายไม้ดำประหลาดที่ประทับตราเฮยมู่รั่วสุ่ยอะไรนั่น
ได้ยินว่ามั่วเชียนเสวี่ยกลับมาแล้ว นางก็รู้สึกจิตใจไม่สงบอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าทำไม หัวใจถึงได้เต้นแรงมาก อีกทั้งหนังตาขวาก็กระตุกไม่หยุดตลอด!
การตายของทูตชายแดนตะวันตก นางมักจะรู้สึกว่าคุณชายเป็นคนทำ
แต่ ทำไมคุณชายต้องทำเช่นนี้ด้วยกัน
คุณชายไม่ได้ต้องการแค่ป้ายไม้ดำหรอกหรือ
เฮยมู่ รั่วสุ่ย ใช่แล้ว ชนเผ่าเฮยมู่รั่วสุ่ย สองชนเผ่านี้ เดิมก็ให้การสนับสนุนทาสของตระกูลคุณชาย ทว่า สุดท้ายพวกเขากลับทรยศ ถึงกับมอบสมบัติล้ำค่าที่เดิมเป็นตระกูลหลูให้กับมั่วเทียนฟ่าง
กล่าวเช่นนี้แล้ว คนของเฮยมู่รั่วสุ่ยล้วนสมควรตาย
ครุ่นคิดเช่นนี้ ห้วงความคิดอวิ๋นอิ๋นก็ปรากฏเงาร่างหลูเจิ้งหยาง และรอยยิ้มของเขา
ถ้าหากตนเองได้ป้ายไม้ดำมาเร็วหน่อย ก็จะสามารถช่วยให้คุณชายทำเรื่องในใจได้สำเร็จ คุณชายก็จะสามารถพาตนเองจากไปได้เร็วขึ้น และไม่ต้องอกสั่นขวัญแขวนอีกแล้ว
แน่นอนว่านางไม่รู้ว่า การที่นางสามารถทำความสะอาดห้องรอบแล้วรอบเล่านั้น เป็นมั่วเชียนเสวี่ยที่อนุญาต
นางไม่รู้ว่า ทุกจุดที่นางทำความสะอาดล้วนมีคนทำความสะอาดอีกครั้ง
นางไม่รู้เช่นกันว่า ทุกความเคลื่อนไหวของนางล้วนตกอยู่ภายใต้การจับตามองของทุกคน
สืออู่เพิ่งจะส่งข่าวมา บอกว่าคุณหนูใหญ่จะอาบน้ำชำระกาย ผลัดเปลี่ยนอาภรณ์
นี่เป็นโอกาสอันดีในการสืบหาป้ายไม้ดำว่าอยู่ที่ตัวคุณหนูใหญ่หรือไม่ นางจะพลาดได้เช่นไร
ประจวบเหมาะกับที่นางมีเรื่องจะขอคำแนะนำจากคุณหนูใหญ่ นางจัดระเบียบสินสอดทองหมั้นที่ตระกูลหนิงส่งมาเมื่อวานไป และจัดทำสมุดบันทึกขึ้นมาเล่มหนึ่ง
เมื่อมั่วเชียนเสวี่ยเข้ามาในเรือนเสวี่ยหว่าน อวิ๋นอิ๋นก็แย้มรอยยิ้ม ก้าวเข้าไปต้อนรับ หลังจากช่วยชูอีประคองมั่วเชียนเสวี่ยเข้าไปนั่งในห้องโถงแล้ว ก็ยื่นสมุดบันทึกไป
มั่วเชียนเสวี่ยคล้ายกับไม่ได้สนใจเพชรนิลจินดาเหมือนเมื่อวาน แต่ถามไปตามเนื้อผ้ามากมาย
สิ่งเหล่านี้ตรงกับความต้องการของอวิ๋นอิ๋นพอดี นางกำลังต้องการเหตุผลอะไรบางอย่างที่ทำให้อยู่นานขึ้นอีกครู่หนึ่ง ให้ดีที่สุดคือสามารถอยู่ปรนนิบัติคุณหนูใหญ่อาบน้ำได้
ความใจดีของมั่วเชียนเสวี่ยไม่ได้ทำให้อวิ๋นอิ๋นรู้สึกประหลาดใจอะไร
อย่างไรเสีย เมื่อวานนี้อารมณ์ของมั่วเชียนเสวี่ยก็ไม่ดี สินสอดทองหมั้นเหล่านั้นก็ดูแค่แวบเดียวเท่านั้นเอง มนุษย์คนไหนบ้างไม่ชอบความร่ำรวย ตอนนี้นึกขึ้นมาได้ อยากจะทำความเข้าใจให้ชัดเจนว่ามีมูลค่าเท่าใด ก็เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์เรา
โชคดีที่นางไม่ใช่คนละโมบในเงินทอง ไม่อย่างนั้น คาดว่าปัญหาก็คงหล่นใส่ศีรษะแล้ว!
แต่ ยิ่งพูดมาก ใจนางกลับยิ่งไม่สงบ!
อวิ๋นอิ๋นกุมหน้าอกตนเองด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย กดหัวใจที่เต้นอยู่ดวงนั้นเอาไว้
ไม่ว่าอย่างไร นางก็ต้องทำเรื่องตรงหน้าให้เรียบร้อย นั่นถึงจะสำคัญที่สุด! ขอแค่สามารถได้รับความไว้วางใจจากมั่วเชียนเสวี่ย เช่นนั้นในภายภาคหน้า ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น นางก็จะมีตำแหน่งให้ยืน เพื่อแก้ตัวให้กับตนเอง
ระหว่างที่สนทนาสอบถาม น้ำก็ถูกยกเข้ามาแล้ว
อวิ๋นอิ๋นถือโอกาสเอ่ยเรื่องช่วยชูอีกับสืออู่ปรนนิบัติมั่วเชียนเสวี่ยอาบน้ำออกมา
ชูอีกลับใช้เหตุผลว่าตอนคุณหนูใหญ่อาบน้ำเคยชินกับการมีแค่นางและสืออู่ปรนนิบัติในการไล่นางออกไป
ทว่าชูอี เป็นคนที่เรื่อยเฉื่อย กระตือรือร้น ตรงไปตรงมา เห็นนางมีจิตใจจงรักภักดี ก็เอ่ยว่า “จื่อจู้ไปเตรียมอาหารให้คุณหนูใหญ่ เจ้าไม่มีอันใดทำ ก็ช่วยเฝ้าประตูให้คุณหนูใหญ่ข้างนอกนั่นได้ ให้จื่อจิงไปดูว่า จื่อจู้เตรียมอาหารเรียบร้อยแล้วหรือไม่ คุณหนูใหญ่อาบน้ำเสร็จก็จะกินเลย”
“เจ้าค่ะ” แม้ว่าอวิ๋นอิ๋นจะผิดหวังอยู่บ้าง แต่ก็ยังคงถอยออกไป
แรกเริ่มที่ชูอีอาบน้ำให้มั่วเชียนเสวี่ย เห็นร่องรอยจางๆ ทั่วร่างนาง ก็ยังเขินอายอยู่บ้าง
แต่เรื่องแบบนี้ต้านทานไม่ไหว ครั้งแรกไม่คุ้นเคย ครั้งที่สองก็คุ้นชิน
ตอนนี้ เมื่อพวกนางสองคนเผชิญหน้ากับร่องรอยทั่วตัวมั่วเชียนเสวี่ย ก็สามารถควบคุมความรู้สึกตัวเองได้ดีเยี่ยมแล้ว
เห็นร่องรอยทั่วตัวมั่วเชียนเสวี่ย ไหนจะท่าทางละล้าละลังไม่ยอมจากกันตอนกูเหยียจะจากไปนั่นอีก และยังมีสินสอดยาวสิบลี้ที่ยกเข้ามาเมื่อวานตอนพิธีหมั้นหมาย ทั้งหมดของทั้งหมดนี้ล้วนทำให้ชูอีและสืออู่อิจฉาและปิติยินดีในใจ
สุดท้ายพวกนางก็เป็นคนยุคโบราณ ดังนั้นจึงแทบจะถูกแนวความคิดขนบธรรมเนียมประเพณีสมัยโบราณผูกมัดเอาไว้ลึกซึ้งมาก
แม้ว่าตอนนี้คุณหนูจะสามารถรับผิดชอบภาระด้านหนึ่งเพียงคนเดียวได้ สามารถใช้อำนาจสร้างความตกตะลึงให้กับอีกฝ่ายได้ แต่ตั้งแต่ต้นจนจบ นางกลับยังรู้สึกว่า เดิมสตรีก็ต้องพึ่งพาการมีตัวตนของบุรุษ
มั่วเชียนเสวี่ยไม่ได้อบรมสั่งสอนแนวความคิดเหล่านั้นให้พวกนางแค่รอบสองรอบแล้ว แต่จนปัญญาที่พวกนางไม่เคยเปิดใจ ดังนั้นสุดท้ายมั่วเชียนเสวี่ยจึงยอมแพ้ไป
สืออู่พูดไม่เก่ง นิสัยตรงไปตรงมา จึงตักน้ำเพิ่มให้มั่วเชียนเสวี่ยเท่านั้น
ชูอีนั้นไม่เหมือนกัน นางถูหลังให้มั่วเชียนเสวี่ย พลางเอ่ยว่า “กูเหยียดีกับคุณหนูเช่นนี้ คุณหนูก็ต้องปรนนิบัติกูเหยียให้ดีนะเจ้าคะ เฉกเช่นทรงผมที่คุณหนูทำในวันนี้ ก็มีแค่กูเหยียที่เดินออกไปได้ หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่น คงตำหนิต่อว่าไปนานแล้วเจ้าค่ะ”
ได้ยินวาจาของชูอี มั่วเชียนเสวี่ยก็หัวเราะ
หากหนิงเซ่าชิงเดินอยู่บนถนนในเมืองหลวงรอบหนึ่งด้วยทรงผมนั้น ก็ไม่แน่ว่าผู้อื่นจะนึกว่าเป็นทรงผมใหม่ล่าสุดของบุรุษ พรุ่งนี้มะรืนนี้ ก็เกรงว่าบุรุษในเมืองหลวงจะแย่งกันลอกเลียนแบบ
มั่วเชียนเสวี่ยถูกความคิดจินตนาการของตนเองทำให้หัวเราะ “กาลเวลาพิสูจน์ใจคน ชูอี เจ้าถูกหนิงเซ่าชิงใช้อะไรซื้อตัวไป ทำไมถึงได้กล่าวแต่เรื่องดีๆ แทนเขา”
ชูอีได้ยินก็ขยี้เท้าอย่างไม่คล้อยตาม “คุณหนู!”
“เอาเถอะๆ!” รู้ว่าสาวใช้นางนี้ไม่ใช่คนที่ชักจูงได้ตามใจชอบคนหนึ่ง มั่วเชียนเสวี่ยโบกมือให้หยุด จากนั้น ก็หันไปมองชูอีแวบหนึ่งอย่างไม่ปิดบัง
หลังจากชูอีได้รับสายตาที่มั่วเชียนเสวี่ยส่งมา ก็มองไปนอกหน้าต่าง ใบหูของเงาร่างนั้นกำลังแนบกับรอยแยกบานประตู จึงเข้าใจขึ้นมาทันที
หมากทั้งหมดล้วนวางเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้พวกนางก็แค่รอ…ดาบนั้นคืนสนอง
มุมปากของชูอีมีรอยยิ้มพาดผ่าน
“อุ๊ย! คุณหนู ป้ายของท่านเล่าเจ้าคะ?”
ดังนั้น อวิ๋นอิ๋นที่อยู่นอกห้องจึงได้ยินเสียงกรีดร้องที่พยายามข่มเอาไว้
แม้ว่าเสียงนี้จะไม่ได้ดังมาก แต่อวิ๋นอิ๋นก็ได้ยินอย่างชัดเจน
หูของนางรับรู้ได้ไวมาตลอด ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ตัวนางก็เป็นวัวสันหลังหวะ แค่เหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ ก็ทำให้นางเอาใจใส่เพิ่มอีกเท่า
ป้าย? ป้ายอะไร?
อวิ๋นอิ๋นพลันนัยน์ตาเบิกกว้าง!
หรือว่า…
สิ่งที่ชูอีเอ่ยจะเป็นป้ายไม้ดำที่คุณชายมอบหมายให้นางต้องหาให้พบจงได้ป้ายนั้น?
คิดถึงตรงนี้ อวิ๋นอิ๋นก็รู้สึกถึงขนาดที่ว่าลมหายใจของตนเองกระชั้นถี่แล้ว!
“เจ้าเบาเสียงหน่อย! ต้องให้คนอื่นได้ยินถึงจะยอมเลิกราหรือ” เสียงเย็นเยียบ เจือไปด้วยเพลิงโทสะของมั่วเชียนเสวี่ยที่ตวาดใส่ชูอีลอยออกมาจากในห้อง
“บ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ! แต่คุณหนู ป้ายนั่นไปอยู่ที่ไหนกันแน่? นั่นเป็นสิ่งที่ท่านกั๋วกงทิ้งเอาไว้ให้ท่านนะเจ้าคะ! ท่านน่าจะรู้ว่า ป้ายนั่นสำคัญต่อท่านมากเพียงใด! ถ้าหากหายไป กำลังทหารของชายแดนตะวันตก สองชนเผ่า และสองแม่ทัพ จะยังภักดีต่อพวกเราเหมือนตอนนี้อีกหรือ”