เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 532 พ้นวิกฤต ห่วงของกุ้ยเสี่ยวซี (2)
ตอนที่ 532 พ้นวิกฤต ห่วงของกุ้ยเสี่ยวซี (2)
“เซ่าชิง…ขอโทษ! ข้าไม่รู้เรื่องในปีนั้นจริงๆ หากข้ารู้ว่าหนิงเซ่าอวี่มีความคิดเช่นนั้น แม้ว่าจะฆ่าข้า ก็ไม่มีทางคารวะสุราให้ท่านดื่มต่อหน้าทุกคน!”
หยาดน้ำใสสองหยดร่วงหล่นจากหางตาของกุ้ยเสี่ยวซีในที่สุด ตกกระทบชายอาภรณ์ของหนิงเซ่าชิง กระทบหัวใจของมั่วเชียนเสวี่ย
ตัวการที่ทำลายบุพเพสันนิวาสนั้นคือตัวนางเอง!
ในปีนั้น หากไม่ใช่ว่านางอ่อนแอเกินไป หากไม่ได้เชื่อใบหน้าที่แสร้งทำเป็นคนดีของหนิงเซ่าอวี่กับเซี่ยซื่อ มารดาและบุตรคู่นี้ นางจะลำบากจนมีวันนี้ได้เช่นไร
ทั้งหมดนี้ล้วนโทษผู้อื่นมิได้ ต้องโทษตัวนางเอง เป็นนางที่รักตัวกลัวตาย นางเองที่ไม่หนักแน่น
หากวันที่เกิดเรื่อง นางดึงปิ่นปักผมมาจบชีวิตตนเอง บางทีอาจจะยังทิ้งเงาร่างที่บริสุทธิ์และเด็ดเดี่ยวเอาไว้ในก้นบึ้งหัวใจเขาได้
หากในวันพิธีสวมกวานของเขา นางไม่มีความคิดเหลวไหลเช่นกันคารวะสุราเมามายพันวันจอกนั้น ก็ไม่มีทางทำให้แผนร้ายในภายหลังของหนิงเซ่าอวี่ประสบความสำเร็จ ทำให้เขาต้องเร่ร่อนอยู่ข้างนอกถึงหนึ่งปีกว่า
บาดแผลที่หน้าอกยังคงมีโลหิตไหลริน แต่กุ้ยเสี่ยวซีกลับไม่สนใจสักนิดเดียว
“เซ่าชิง ไม่ว่าท่านจะเชื่อหรือไม่ ชั่วชีวิตนี้ของเสี่ยวซีรักแค่ท่านเพียงผู้เดียว…”
แม้ว่าหนิงเซ่าชิงจะประคองนางไว้ในอ้อมแขนตามสถานการณ์ แต่หลังจากกวาดตามองคราหนึ่งในตอนแรกสุด ก็ไม่ได้ก้มหน้ามองนางอีก
ไม่อยากเห็นนาง? ทนดูไม่ได้ต่างหาก!
“เซ่าชิง เสี่ยวซีผิดไปแล้ว ท่านให้อภัยเสี่ยวซีนะ หากชาติหน้ามีจริง เสี่ยวซีจะไม่ละโมบแน่นอน แม้ว่าจะต้องเป็นอนุภรรยาก็ยอม ขอแค่ได้อยู่ข้างกายท่านก็พอ…”
ช่วงเวลาเช่นนี้ ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตเช่นนี้
แม้ว่าวาจาทั้งหมดของนางจะผิดทำนองคลองธรรม
แม้ว่าหนิงเซ่าชิงจะไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่อาจแข็งใจเอ่ยขัดนางได้เช่นกัน
เพียงแต่นัยน์ตาที่มองไปทางอื่นนั้นเฉยชาระคนดูหมิ่น
กุ่ยเสี่ยวซีจับจ้องใบหน้าที่คิดถึงแม้อยู่ในความฝันมาเนิ่นนาน แต่ไม่ได้ก้มมองนางเลยตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว นัยน์ตาก็หม่นหมอง
เบื้องหลังความสุภาพอ่อนโยนของเขาล้วนกันนางให้ห่างไกลจากเขาพันลี้ แต่ว่านางกลับไม่ยอมตื่นขึ้นมา
ได้ตายเพื่อเขา สามารถตายอยู่ในอ้อมแขนเขาได้ ไม่ใช่ความสุขอย่างหนึ่งหรอกหรือ
มั่วเชียนเสวี่ยเม้มปาก ตอนนี้ สตรีอีกนางหนึ่งนอนอยู่ในอ้อมแขนบุรุษของตนเอง เอ่ยเล่าเรื่องราวในอดีตของบุรุษตนเองพวกนั้นอย่างละเอียด แม้ในใจนางจะรู้สึกแย่ แต่กลับไม่รู้สึกริษยาสักนิด
เพียงแต่เวทนาสตรีที่ชะตาชีวิตลำบากนางนี้อย่างสุดซึ้ง
มั่วเชียนเสวี่ยนึกถึงตอนที่ยื่นยาให้นางในงานชมบุปผา นึกถึงเหตุการณ์ที่นางดื่มน้ำแกงชามนั้นลงไปอย่างไม่ลังเล!
นางเกลียดตนเองสินะ ที่แย่งตำแหน่งที่เคยเป็นของนางไป นางก็คงเกลียดหนิงเซ่าอวี่เช่นกันสินะ ถึงได้ยอมดื่มยาหลีกเลี่ยงการมีบุตรชามนั้น ยอมสูญเสียคุณสมบัติในฐานะสตรี แต่ไม่ยอมให้กำเนิดบุตรและบุตรีแก่หนิงเซ่าอวี่แม้แต่คนเดียว!
นางจะยังกล่าวอันใดกับสตรีที่วางแผนจุดจบของตนเองตั้งแต่แรก และโหดเหี้ยมจนไม่เหลือทางถอยให้กับตนเองนางนี้ได้อีก
“เอ่อ…เซ่าชิง ไปตามท่านหมอมาดูอาการนางเถอะ” ความจริงวาจานี้เอ่ยไปก็ไม่มีความหมายอะไร
กระบี่นั่นของหนิงเซ่าอวี่แทงจากหน้าอกทะลุไปข้างหลัง กระบี่ที่ถึงแก่ชีวิตเช่นนี้ ยังจะมีหนทางรักษาอีกหรือ
กุ้ยเสี่ยวซีคล้ายจะไม่ได้ยินวาจาของมั่วเชียนเสวี่ย เพียงแค่จ้องมองหนิงเซ่าชิงอย่างลึกซึ้ง
จ้องมองเช่นนั้น เพราะต้องการจดจำท่าทางของหนิงเซ่าชิง
แม้ว่าจะข้ามสะพานไน่เหอ[1] ดื่มน้ำแกงยายเมิ่ง[2] แต่ก่อนที่จะสูญเสียความทรงจำทั้งหมดไป ก็ต้องการจดจำท่าทางของเขาในตอนนี้อย่างลึกซึ้ง
เป็นสายตาที่นางไม่กล้าเปิดเผยออกมาตามอำเภอใจ
ทว่า เขามีท่าทีเช่นนี้ต่อนางมาตลอด แม้ว่าตอนนี้เขาก็ไม่มองนาง กระทั่งหว่างคิ้วก็ไม่ขมวดเพื่อนางสักนิด
สมควรจะตัดใจได้แล้ว
แต่ว่า…ไม่อยากจะยอมแพ้!
“เซ่าชิง หากว่ามีชาติหน้า ข้าจะต้องรออยู่ที่เดิมก่อนแน่นอน และไม่มีทางทำผิดพลาดในเรื่องเดิมอีกแน่นอน แม้ว่าชาติหน้า ท่านจะไม่มองข้าสักแวบเดียว ข้าก็ขอแค่ให้ข้าสามารถหยุดอยู่ข้างกายท่านได้ตลอดไป”
เสี้ยววินาทีที่ดวงวิญญาณใกล้จะออกจากร่าง กุ้ยเสี่ยวซีได้ยินเสียงฮัมเพลงวนเวียนในที่ห่างไกล
ทางที่ดีอย่าพานพบ จะได้ไม่ต้องรู้สึกหวั่นไหว
ทางที่ดีอย่าได้รู้จัก จะได้ไม่ต้องรู้สึกเสียใจ
ทางที่ดีอย่าได้หักหลังความรู้สึกของกันและกัน จะได้ไม่ต้องรู้สึกติดค้าง
นับแต่วันนี้ต้องจากท่านไปตลอดกาล ขอแลกความเป็นความตายกับการถวิลหายามต้องไกลห่างกัน…
จ้องมองอย่างลึกซึ้ง มุมปากแย้มรอยยิ้มระทมทุกข์อ้างว้าง กุ้ยเสี่ยวซีค่อยๆ ยกมือขึ้น
ยกมือขึ้นคล้ายกับต้องการลูบใบหน้าของหนิงเซ่าชิง
แต่ทว่า เรี่ยวแรงกับถูกใช้จนหมดสิ้น
มือยกอยู่กลางอากาศ พลันร่วงอย่างไร้เรี่ยวแรง พร้อมกับเสียงเพลงที่ดังในห้วงความคิดเลือนหายวับไป
โลกพลันเงียบงัน
ตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่าควรจะพูดอะไร
กระทั่งมั่วเชียนเสวี่ยก็ไม่รู้ว่าควรจะกล่าวอันใด วาจาปลอบโยนนั้นกลวงเปล่า
นางก็ไม่สามารถปลอบโยนได้เช่นกัน!
หนิงเซ่าชิงวางคนในอ้อมแขนลง แต่ก็ไม่ได้ลุกขึ้นทันที หากกล่าวว่าในใจเขาไร้ซึ่งคลื่นความรู้สึกใดๆ สักนิด นั่นมันเป็นไปไม่ได้
แต่ก็เป็นเพียงแค่ความซาบซึ้งใจ และปฏิบัติต่อคนตระกูลกุ้ยอย่างมีเมตตาในภายภาคหน้าเท่านั้น
แม้ว่าเขากับกุ้ยเสี่ยวซีจะไม่ได้มีการหมั้นหมาย แต่บิดากลับเคยเปรยถึงเรื่องสัญญาหมั้นหมายนี้กับเขาแต่แรกแล้ว เขาก็เคยพบนางหลายครั้ง
ในความทรงจำ นางเป็นคนนิ่งเงียบ พูดน้อย
ส่วนเขาที่ดูเหมือนสุภาพอ่อนโยนนั้น ความจริงแล้วมีนิสัยเย็นชามากเช่นกัน ตอนนั้นไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าความรักคือสิ่งใด อุทิศตนให้กับการร่ำเรียนวรยุทธ์ ในภายหลังก็เป็นเพราะเรื่องกิจการของตระกูล จึงเชื่องช้าในเรื่องของความรู้สึกระหว่างชายหญิง
นอกจากรู้ว่านางอาจจะเป็นภรรยาในอนาคตของตนเอง ก็ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรมาก เขาจะมีความรู้สึกลึกซึ้ง ยากจะลืมเลือนได้อย่างไร
ครู่หนึ่ง มั่วเชียนเสวี่ยสูดลมหายใจลึก และเลือกที่จะก้าวขึ้นมาข้างหน้า
ย่อตัวลง ตบไหล่หนิงเซ่าชิง
“เซ่าชิง ข้ารู้ว่า นางจะต้องมีความสุขมากแน่นอน อย่างน้อยในตอนนี้! หากเป็นข้า ข้าก็จะสละตนเองอย่างไม่ลังเลเช่นกัน เพื่อปกป้องความปลอดภัยของท่าน”
หนิงเซ่าชิงยื่นมือออกมาข้างหนึ่ง จับมือมั่วเชียนเสวี่ยเอาไว้แน่น แล้วแตะเข้ากับริมฝีปากตนเอง พลางจุมพิตเบาๆ
ตอนนี้หน่วยตาของเขาแดงเล็กน้อย
“ข้ารู้ว่าการที่ข้าคิดเช่นนี้มันเลวมาก แต่ว่านะ…เชียนเสวี่ย โชคดีที่ไม่ใช่เจ้า!”
โชคดีที่ไม่ใช่เจ้า! หาไม่เช่นนั้น ชีวิตที่เชื่องช้าเช่นนี้ เจ้าจะให้ข้าใช้ชีวิตผ่านมันไปเช่นไร
มีประโยคนี้ของหนิงเซ่าชิง มั่วเชียนเสวี่ยก็รู้ว่า นางพอใจแล้ว!
“องครักษ์!” หนิงเซ่าชิงเอ่ยเสียงเบา พลันมีคนปรากฏตัวขึ้นมาจากที่ลับหลายคน คุกเข่ารอคอยด้วยท่าทางเคารพอยู่อีกด้าน
หนิงเซ่าชิงมองกุ้ยเสี่ยวซีที่จากไปด้วยรอยยิ้มบนพื้นแวบหนึ่ง แล้วถอนหายใจเบาๆ “นำร่างฮูหยินคุณชายรองออกไปจัดการให้เหมาะสม”
สตรีนางนี้อาศัยวิธีการเช่นนี้มีชีวิตในใจหนิงเซ่าชิง จะไม่นับเป็นความเด็ดเดี่ยวอย่างหนึ่งได้อย่างไรเล่า
หลังจากองครักษ์ยกร่างกุ้ยเสี่ยวซีออกไปแล้ว หนิงเซ่าชิงก็ลุกขึ้น โอบกอดมั่วเชียนเสวี่ยไว้ในอ้อมแขนแนบแน่น ไม่สนใจสายตาคนในเหตุการณ์ที่มองอยู่รอบด้าน
[1] สะพานไน่เหอ คือ ชื่อสะพานที่ทอดยาวจากขุมนรกสู่โลกมนุษย์ ตั้งอยู่หน้าตำหนักที่สิบของยมโลก ผู้ตายที่ยากไร้หรือตายตั้งแต่เยาว์วัยจะข้ามสะพานไปเกิดใหม่
[2] ยายเมิ่ง คือ เทพองค์หนึ่งในยมโลก มีหน้าที่ปรุงยาน้ำให้เหล่าวิญญาณภูติผีดื่มลงไป หลังจากนั้นจะลืมชีวิตในชาติภพก่อนจนหมดสิ้น