เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 533 ชุลมุนวุ่นวาย จุดจบของอวิ๋นอิ๋ง (1)
ตอนที่ 533 ชุลมุนวุ่นวาย จุดจบของอวิ๋นอิ๋ง (1)
เขาไม่ใช่คนเลือดเย็น ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย ก็ยิ่งรู้จักที่จะรักและทะนุถนอม
ขอแค่มั่วเชียนเสวี่ยไม่เป็นอะไรก็พอแล้ว!
“เซ่าชิง ไหล่ของท่านบาดเจ็บ พวกเราไปทำแผลกันก่อนเถอะ!”
ตั้งแต่ต้นจนจบ มั่วเชียนเสวี่ยเป็นห่วงแต่บาดแผลบริเวณหลังแขนของหนิงเซ่าชิง เมื่อเห็นว่าจัดการเรื่องราวเรียบร้อยหมดแล้ว ก็รีบดึงแขนที่ไม่ได้รับบาดเจ็บอันใดอีกข้างหนึ่งของหนิงเซ่าชิงอย่างต้องการจะพาเขาไปทำแผล
กระบี่นี้ของหนิงเซ่าอวี่รุนแรงมากจริงๆ ไม่เพียงแต่จะแทงกุ้ยเสี่ยวซีตายในเหตุการณ์ ปลายกระบี่ยังแทงผ่านร่างของกุ้ยเสี่ยวซีจนทำให้หนิงเซ่าชิงได้รับบาดเจ็บไปด้วย
เพียงแต่กุ้ยเสี่ยวซีกระโจนออกมาเบียดรับแทน เขาก็ไร้เรี่ยวแรงจะลงมือต่อ หลังจากปลายกระบี่แทงเข้าที่ร่างของกุ้ยเสี่ยวซีแล้ว ก็เพียงแค่บาดถูกหลังแขนของหนิงเซ่าชิง ทำให้เป็นแผลถูกบาดที่ไม่ใหญ่มากแผลหนึ่งเท่านั้นเอง
แต่เรื่องตรงหน้ายังจัดการไม่เรียบร้อย หนิงเซ่าชิงจะมีอารมณ์ไปทำแผลที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไรนี่ได้อย่างไร
เขายกมือขึ้นแตะลงบนไหล่ตนเองเบาๆ สองสามครั้ง แล้วยิ้มปลอบมั่วเชียนเสวี่ย “ตอนนี้ไม่เป็นอันใดแล้ว เชียนเสวี่ย พวกเราจัดการเรื่องที่ควรจะจัดการก่อนเถอะ”
แบบนี้ ทุกคนจะได้สบายใจ
“แต่ว่าบาดแผลของท่าน…” มั่วเชียนเสวี่ยยังคงกังวล ไม่ทำแผลตอนนี้ อักเสบขึ้นมาจะทำอย่างไร!
“ไม่เป็นไร ไปกันเถอะ!” ยิ้มปลอบมั่วเชียนเสวี่ยแล้ว ก็จูงมือนางไปทางหนิงเซ่าอวี่
แววตาปราศจากความรู้สึกระหว่างพี่น้อง หรือความรู้สึกที่มีต่อสายเลือดเดียวกัน
“เดิมคิดว่า หากเจ้าประพฤติตัวดี ไม่สร้างปัญหา ข้าจะปกป้องให้เจ้าอยู่อย่างไร้กังวลไปตลอดชีวิต แต่สุดท้าย เจ้ามีความคิดที่ทะเยอทะยานเกินไป! โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!”
สำหรับหนิงเซ่าอวี่แล้ว ความผิดหวังในนัยน์ตาหนิงเซ่าชิงไม่ได้ก่อให้เกิดคลื่นอารมณ์ใดสักนิด!
เขาแค้น!
เขาแค้นที่นางแพศยากุ้ยเสี่ยวซีพุ่งออกมากะทันหัน ขัดขวางแผนการของเขา! ทำลายเรื่องดีๆ ของเขา!
นางสารเลวนั่นตายไป ก็สมควรแล้ว!
ร่างเขาถูกเข็มเงินของมั่วเชียนเสวี่ย ทั้งยังถูกองครักษ์ลับสองนายกดเอาไว้ แม้ว่าร่างกายจะขยับไม่ได้ แต่ปากสามารถกล่าววาจาได้
“หนิงเซ่าชิง! ท่านแสร้งทำเป็นเห็นแก่ส่วนรวมให้น้อยๆ หน่อย มักจะคิดว่าตนเองทำสิ่งใดล้วนถูกหมด คิดว่าตนเองดีที่สุด คิดว่าไม่ว่าเรื่องใดก็ล้วนทำเพื่อคนอื่น…ท่าทางเช่นนี้ของท่านทำให้คนสะอิดสะเอียนจริงๆ! หากว่าท่านเป็นห่วงข้าจริงๆ หากว่าท่านเห็นข้าเป็นพี่น้องจริงๆ เช่นนั้นท่านก็ไม่ควรกลับมา! ท่านควรจะตายอยู่ข้างนอกนั่น!”
หนิงเซ่าชิงขมวดคิ้ว ไม่กล่าวอันใด หนิงเซ่าอวี่ยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห
“ชนะเป็นเจ้า แพ้เป็นโจร! ตอนนี้ก็ท่านก็สมปรารถนาแล้ว ท่านอยากจะจัดการข้าอย่างไรก็ได้หมด ท่านมีความสุขมากใช่หรือไม่ ระบายความโมโหได้แล้วใช่หรือไม่ ท่านพี่ที่รักของข้า…”
มองหนิงเซ่าอวี่ที่โกรธแค้นชิงชัง หนิงเซ่าชิงก็มีสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้รู้สึกหดหู่หรือเสียใจอะไรกับเรื่องนี้
เขาไม่ตั้งความหวังอะไรกับหนิงเซ่าอวี่นานแล้ว
เขาหันหน้าไปอีกด้านอย่างไม่คิดจะมองเขา เอ่ยเสียงเรียบเฉยจนฟังไม่ออกถึงอารมณ์ความรู้สึก “หนิงเซ่าอวี่ เจ้าคิดผิดแล้ว! ไม่ว่าเจ้าพูดสิ่งใด ข้าก็ไม่มีทางจัดการเจ้า ข้าจะมอบเจ้าให้กับท่านพ่อ มอบให้หอบรรพชนเป็นผู้จัดการ เจ้าสวดภาวนาขอให้ตนเองโชคดีเถอะ”
หนิงเซ่าอวี่หน้าเปลี่ยนสี “ท่าน…ท่าน…ท่านโหดเหี้ยมจริงๆ! พวกท่านล้วนไม่ใช่คนดีอะไร ท่านไม่ใช่ ตาแก่นั่นยิ่งไม่ใช่”
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ‘หากต้องการให้ผู้ใดพินาศ ก็ต้องทำให้เขาเป็นบ้าไปเสียก่อน’ แววตาของหนิงเซ่าอวี่ในตอนนี้มีท่าทีของอาการวิกลจริตเช่นกัน
“ตั้งแต่เล็ก ในสายตาเขามีแต่ท่าน แม้ว่าข้าจะทำดีเพียงใด ก็ไม่เคยได้รอยยิ้มจากเขาสักครั้ง ข้าทำสิ่งต่างๆ มากมายเพียงใด ก็ไม่เห็นเขาจะให้กำลังใจ…ในเมื่อตระกูลหนิงมีข้า หนิงเซ่าอวี่แล้ว เหตุใดยังต้องมีท่าน หนิงเซ่าชิงอีก? หนิงเซ่าชิง ทำไมท่านถึงต้องถือกำเนิดบนโลกใบนี้ ท่านต่างหากที่เป็นตัวการที่ก่อให้เกิดหายนะทุกอย่าง!”
สำหรับวาจาของเขา หนิงเซ่าชิงปล่อยให้เข้าหูซ้าย ทะลุหูขวาไป แต่มั่วเชียนเสวี่ยกลับมองหนิงเซ่าอวี่ราวกับเห็นผี
“คนเช่นเจ้าเป็นเดรัจฉานหรือ สามารถลงมือกับพี่ชายแท้ๆ ของตนเองอย่างโหดเหี้ยมได้ เจ้าไม่กลัวฟ้าผ่าหรืออย่างไร เรื่องดำเนินมาจนถึงตอนนี้ เจ้าไม่เพียงไม่ยอมรับผิด ยังจะโทษฟ้า โทษคนอื่นอีก…”
หนิงเซ่าอวี่ด่ากราดอย่างดูแคลน “มั่วเชียนเสวี่ย นางแพศยาเช่นเจ้า! มีที่ให้เจ้าเอ่ยวาจาเสียที่ไหน…”
เพียงแต่ เขายังเอ่ยไม่ทันจบ ก็ถูกหนิงเซ่าชิงยกขาถีบจนร่างปลิวกระแทกกับกำแพง วาจาด้านหลังย่อมถูกกลืนกลับลงไป
หนิงเซ่าชิงที่เมื่อครู่ยังมีท่าทีสบายๆ ตอนนี้กลับมีสีหน้าทะมึนเสียแล้ว!
“ด่าข้า ข้าไม่สนใจ แต่ถ้าเจ้ากล้าด่านางแม้ครึ่งคำ ข้าจะไม่สนใจความสัมพันธ์ทางสายเลือดระหว่างพวกเราอีก ตอนนี้ข้าจะให้เจ้าอยู่มิสู้ตาย!”
มองดูเขาด้วยสายตาเย็นเยียบ เผยด้านที่พาลพาโล ไร้เหตุผลออกมา!
มั่วเชียนเสวี่ยไม่อยากให้หนิงเซ่าชิงลงมือจัดการหนิงเซ่าอวี่ด้วยตนเอง จะเกลียดเช่นไร อย่างไรเสียคนผู้นี้ก็เป็นน้องชายของเขา
ให้เขาเป็นคนจัดการ คนนอกจะพูดกันว่าอย่างไร แม้ว่าคนนอกจะไม่พูดอันใด หัวหน้าตระกูลรุ่นก่อนกับฮูหยินผู้เฒ่าจะคิดอย่างไร ในภายภาคหน้า หากมีวันหนึ่ง เขาเกิดคิดเรื่องสายสัมพันธ์ทางสายเลือดขึ้นมาแล้วเสียใจในภายหลังจะทำอย่างไร
“กับคนเช่นเจ้า พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ เป็นแค่การสร้างความหงุดหงิดใจให้กับตนเองเท่านั้น พวกเราไปกันเถอะ!”
มั่วเชียนเสวี่ยเอ่ยอ้อมไปอ้อมมา หนิงเซ่าชิงก็ถอนสายตาดั่งใบมีดกลับมา สั่งงานคนสนิท “จับไปขังคุกใต้ดิน เฝ้ายามอย่างเข้มงวด พรุ่งนี้มอบให้หัวหน้าตระกูลรุ่นก่อนจัดการ!”
วันนี้ถูกกำหนดให้มีเรื่องมากมายจนไม่สามารถนอนหลับได้ เป็นช่วงเวลาสำคัญในการกวาดล้างคนภายในตระกูลหนิง หลังจากนี้เขายังมีปลาตัวใหญ่ที่ต้องจับอีก ไม่จำเป็นต้องแบ่งความสนใจไปให้คนเลวทรามไร้ค่าผู้นี้
หลังจากสั่งการเสร็จ หนิงเซ่าชิงก็เมินเสียงแช่งชักหักกระดูกชั่วร้ายด้านหลังไป แล้วจับมือมั่วเชียนเสวี่ยเดินไปยังห้องโถงด้านหน้าด้วยกัน
อย่างไรเสียหนิงเซ่าอวี่ก็เป็นบุตรชายของท่านพ่อ ในรุ่นของพวกเขา เดิมก็มีคนน้อยมากอยู่แล้ว เขาไม่อยากทำให้ท่านพ่อต้องเป็นทุกข์เพราะความโมโหชั่ววูบของตนเอง
หนิงเซ่าชิงก็เข้าใจเช่นกันว่า จากท่าทีที่ท่านพ่อมีต่อหนิงเซ่าอวี่กับเซี่ยซื่อ คืนวันของพวกเขาจะต้องผ่านไปอย่างทุกข์ทรมานแน่นอน
ที่เขาทำได้ ก็เมตตามากพอแล้ว
ตระกูลชนชั้นสูงนั้นเรื่องเยอะ นับว่ามั่วเชียนเสวี่ยได้รู้อย่างลึกซึ้งแล้วในตอนนี้!
คิดไม่ถึงว่า สายเลือดเดียวกัน จะมีคนที่เสียสติเฉกเช่นหนิงเซ่าอวี่อยู่ด้วย ช่างทำให้คนรู้สึกผิดหวังจริงๆ
เพิ่งจะไปถึงห้องโถงด้านหน้า ก็มีคนเข้ามารายงาน
“รายงานหัวหน้าตระกูล! คนทรยศในจวนได้ให้การสนับสนุนหลูเจิ้งหยาง คนของพวกเราถูกขัดขวาง หลูเจิ้งหยางหนีรอดออกจากจวนไปได้แล้ว กำลังมุ่งหน้าหลบหนีอยู่นอกจวน องครักษ์เตานำกำลังคนติดตามอยู่ขอรับ”
หนิงเซ่าชิงไม่รู้สึกประหลาดใจแม้แต่น้อย เพียงแค่ถามว่า “คนทรยศที่ให้การสนับสนุนเขาคือใคร”
“รายงานหัวหน้าตระกูล เป็น…เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของผู้อาวุโสใหญ่ขอรับ”
ได้ยินคนที่มารายงานแล้ว หนิงเซ่าชิงก็แค่ยิ้มเย็นชา “อืม ถ่ายทอดคำสั่งไปว่า วันนี้จะเปิดหอบรรพชน เชิญหัวหน้าตระกูลรุ่นก่อน จงเหล่าและผู้อาวุโสทุกท่านไปหารือกันที่หอบรรพชน”
วันนี้เขาจะตัดเนื้องอกชิ้นโตสุดในตระกูลทิ้งไป
ผู้อาวุโสใหญ่…เขาสงสัยนานแล้ว เพียงแต่ผู้อาวุโสใหญ่ควบคุมดูแลเรื่องต่างๆ ในตระกูลมานานหลายปี ปกติกระทำสิ่งใดล้วนไร้ช่องโหว่ รากฐานในตระกูลหนิงมั่นคงจนยากจะสั่นคลอน หากมีหลักฐานไม่เพียงพอ ก็ยากที่จะล้มได้
เขาเรียกคนมาอีกหลายคน แล้วกำชับเรื่องที่ต้องจัดการเล็กน้อย หนิงเต๋อที่ปรนนิบัติข้างกายมาตลอดยกชาเข้ามา
หนิงเซ่าชิงยืนครุ่นคิดเรื่องต่างๆ อยู่ในสถานที่เกิดเหตุ มั่วเชียนเสวี่ยก็จิบชาโดยไม่ส่งเสียงอะไรเช่นกัน