เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 537 ความโหดร้าย นี่คือสามีภรรยาตระกูลขุนนาง (2)
ตอนที่ 537 ความโหดร้าย นี่คือสามีภรรยาตระกูลขุนนาง (2)
“ฮูหยินผู้เฒ่าชมเกินไปแล้วเจ้าค่ะ” สตรีผู้นี้เมินเฉยต่อวาจายกยอของฮูหยินผู้เฒ่า
ไร้ซึ่งความดีใจ และยิ่งไม่เหลาะแหละ ดูแล้วสง่างาม สุภาพเรียบร้อย นิ่งเงียบอย่างยิ่ง อ่อนโยนอย่างมาก มั่วเชียนเสวี่ยมีความรู้สึกดีๆ ให้นางอย่างอดไม่ได้
แม้ว่าจะเป็นอนุภรรยา แต่กลับมีลำดับขั้น ในหมู่ตระกูลขุนนางจะต้องมีตำแหน่งฐานะแน่นอน มั่วเชียนเสวี่ยลุกขึ้น พยักหน้าทำความเคารพอย่างเกรงใจ
จื่อฮูหยินเอียงกายหลบการแสดงความเคารพของนาง และทำความเคารพกลับเงียบๆ มั่วเชียนเสวี่ยยังไม่ได้แต่งเข้ามา ไม่เหมาะที่จะรับการแสดงความเคารพจากนาง ย่อมต้องเอียงกายหลบเช่นกัน
“ครอบครัวเดียวกัน ต้องมีมารยาทมากขนาดนี้ที่ไหนกัน” ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้า ดึงมั่วเชียนเสวี่ยให้นั่งลง “อีกครู่อาหารเย็นแล้ว ไม่ดีต่อกระเพาะ…”
มั่วเชียนเสวี่ยหันกลับมาในเวลาที่เหมาะ แล้วนั่งลง ยิ้มหวานให้ฮูหยินผู้เฒ่า
“ขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่าที่ดูแลเจ้าค่ะ ข้าวต้มนี่ไม่เลวเลย ย่อยง่าย อุ่นกระเพาะยิ่ง เหมาะกับท่านเช่นกัน ท่านกินเยอะหน่อยนะเจ้าคะ”
ยามกินไม่สนทนา ยามนอนไม่พูดจา
เมื่อเริ่มกินอาหารขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่ได้กล่าวอันใดอีก
แม้ว่ามีสิ่งที่ต้องการพูด แต่ก็เป็นการแลกเปลี่ยนสายตากัน บนโต๊ะอาหารก็สามัคคีกันดี
มั่วเชียนเสวี่ยกินอาหารด้วยท่าทางเกรงใจ สมองก็เริ่มคิดวิเคราะห์นานแล้ว
เมื่อคืนเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ตระกูลหนิงวุ่นวายเช่นนั้น ฮูหยินผู้เฒ่าที่เป็นคนควบคุมดูแลภายในจวนจะไม่ได้ยินข่าวคราวได้อย่างไร คนมากมายถูกลากไปเกี่ยวข้องเช่นนั้น เป็นไปไม่ได้ที่ฮูหยินผู้เฒ่าจะนิ่งเป็นทองไม่รู้ร้อน!
หนิงเซ่าชิงถูกลอบโจมตี หนิงเซ่าอวี่ถูกทำลายวรยุทธ์ แล้วกุมตัวส่งไปดินแดนต้าฮวง กุ้ยเสี่ยวซีที่เป็นหลานสะใภ้ก็สิ้นชีพไปเมื่อคืน ผู้อาวุโสใหญ่ที่เป็นหัวหน้าผู้อาวุโสของตระกูลหนิงเป็นไส้ศึก…
เรื่องราวทั้งหมดของทั้งหมดนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เกิดระลอกคลื่นในใจ
ไม่ว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะรักหรือไม่รักหลานชายคนนี้ แต่เกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้กับหลานชายหลานสะใภ้ในจวน นางไม่มีทางกินข้าวกับนางที่เป็นคนนอกคนหนึ่งด้วยใบหน้ายิ้มแย้มได้เด็ดขาด
แต่ว่า บนใบหน้าฮูหยินผู้เฒ่ากลับไร้ความหงุดหงิด ใจไม่สงบแต่อย่างใด
แค่จุดนี้ มั่วเชียนเสวี่ยก็ยกนิ้วให้นางในใจแล้ว
ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ระดับนี้ ประหลาดมากจริงๆ
สมกับที่เป็นคนจัดการดูแลเรือนต่างๆ ในจวน
แม้จะไม่รู้ว่า วันนี้ฮูหยินผู้เฒ่าให้นางมากินข้าวด้วยเจตนาอะไร แต่นางกล้าฟันธงเลยว่า ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ลงมือก็ไม่ลงมือ พอลงมือจะต้องรุนแรงและฉับไวแน่นอน
นางต้องระวังตัวแล้วจริงๆ
เรื่องในจวน ฮูหยินผู้เฒ่าไม่เอ่ยถึง มั่วเชียนเสวี่ยย่อมไม่เอ่ยถึงเช่นกัน
กินอาหารเช้าเสร็จ จื่อฮูหยินบอกปัดโดยการบอกว่าหัวหน้าตระกูลรุ่นก่อนรอปรนนิบัติอยู่ แล้วกล่าวคำลา
ในใจนางรู้ดีอย่างยิ่งว่าภารกิจของนางเรียบร้อยแล้ว
สาเหตุที่ฮูหยินผู้เฒ่าให้นางยืนปรนนิบัติข้างกาย ไม่ให้จิ้งฮูหยินกับเหมยฮูหยิน สตรีโง่งมสองนางนั้นมา
ประการแรกคือ ไม่อยากให้ตัวโง่งมที่ข่มกลั้นความโมโหไม่ได้สองคนนั้นมาทำเรื่องพัง
ประการที่สองคือ ให้นางส่งข่าวให้กับหนิงเหล่าเหยียว่า…ฮูหยินผู้เฒ่ายอมรับในตัวมั่วเชียนเสวี่ยแล้ว นางดีต่อมั่วเชียนเสวี่ยมาก เพื่อไม่ให้หนิงเหล่าเหยียรู้สึกไม่พอใจอีก
แต่ทว่า นางรู้ยิ่งกว่าว่า ตอนเช้าที่นางมา ภายในห้องหนาวเย็นยะเยือก
ฮูหยินผู้เฒ่ายังจมอยู่กับความเจ็บปวดที่หนิงเซ่าอวี่ถูกทำลายวรยุทธ์ แล้วจิบชาไป พลางให้ฉือหมัวมัวส่งคนขี่ม้าเร็วไปจัดการเรื่องที่ต้องเตรียมให้เรียบร้อยก่อน เพื่อช่วยให้หนิงเซ่าอวี่ได้มีที่พักอาศัยในต้าฮวง
สำหรับกุ้ยเสี่ยวซี ฮูหยินคุณชายรอง แม้ว่าจะบอกกับภายนอกว่าจวนหนิงพบมือสังหาร โชคไม่ดีถูกสังหาร แต่นางที่อยู่ในจวนล้วนสามารถทราบสาเหตุการตายที่แท้จริงของสตรีนางนั้นได้ นับประสาอะไรกับฮูหยินผู้เฒ่า
เกรงว่าฮูหยินผู้เฒ่าไม่เพียงแต่จะเกลียดมั่วเชียนเสวี่ย แต่ยิ่งเหยียดหยามกุ้ยซื่อว่า…ไม่รักษาคุณธรรมของสตรี
แรกเริ่มเอ่ยปากว่าจะแต่งงานกับหัวหน้าตระกูล ในภายหลังแต่งให้กับคุณชายรอง จากนั้นก็กระโดดออกไปขวางกระบี่ จะไม่ให้ผู้อื่นคิดมากนั้นยากนัก
กำชับฉือหมัวมัวเรียบร้อยแล้วก็ให้สาวใช้ข้างกายจัดการเก็บกวาดเรือนหลัง ผู้ใดที่มีการติดต่อกับสตรีในครอบครัวผู้อาวุโสใหญ่ ผู้ใดที่น่าสงสัย สมควรโบยให้ตายก็โบยให้ตาย สมควรขายออกไป ก็ขายออกไป
เรื่องพวกนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้หลบเลี่ยงนาง หลายปีมานี้ นางสามารถมีชีวิตอยู่ได้ ก็เพราะรู้ว่าอะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูด
แต่ ฮูหยินผู้เฒ่าที่มีความคิดมากมายขนาดนั้น เห็นมั่วเชียนเสวี่ยกลับยิ้มได้สงบเยือกเย็น สบายใจยิ่งกว่าใคร ราวกับว่าไม่ได้มีเรื่องอะไรทั้งนั้น
เพียงเพราะตอนนี้ ระหว่างที่สนทนาเรื่องพิธีการต่างๆ ใจของหนิงเหล่าเหยียกับหัวหน้าตระกูลเอียงไปทางมั่วเชียนเสวี่ยผู้นี้
ดังนั้น ฮูหยินผู้เฒ่าจึงต้องวางแผนให้ดีว่าจะทำให้ใจของสองพ่อลูกคู่นี้สงบได้อย่างไร จะมัดใจมั่วเชียนเสวี่ยได้อย่างไรก่อน จากนั้นจะควบคุมอำนาจของเรือนหลังตระกูลหนิงไว้ในกำมือตนเองได้อย่างไร เพื่อวางรากฐานให้กับสตรีที่ตระกูลอวี่เหวินจะส่งมาให้ภายหลัง
แต่สิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องอันใดกับนาง นางใช้ชีวิตของนางไป ไม่เข้าไปยุ่ง
แน่นอนว่า นางจะถ่ายทอดทุกสิ่งที่เห็นในวันนี้ ไม่ได้ทำเพื่อฮูหยินผู้เฒ่า แต่เพื่อที่หนิงเหล่าเหยียจะสามารถเปิดใจให้กว้าง แล้วบำรุงรักษาสุขภาพให้ดี
ผู้อื่นไม่รู้ นางไม่รู้ด้วยหรือ เมื่อวานเขาประชุมถึงดึกดื่นเที่ยงคืนถึงได้กลับมา แถมโมโหจนไอไม่ได้นอนทั้งคืน
จื่อฮูหยินจากไปแล้ว ฉือหมัวมัวก็ยกน้ำชามา
เดิมมั่วเชียนเสวี่ยก็ต้องการจะกล่าวคำลา จนปัญญาที่ฮูหยินผู้เฒ่าจับมือนางไว้แน่น พลางเอ่ยเรื่องหนิงเซ่าชิงในวัยเยาว์เล็กน้อย ทำให้นางอยากจะหยุดก็หยุดไม่ได้
ตั้งแต่นางรู้จักหนิงเซ่าชิงจนถึงตอนนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ฟังเรื่องตอนเขาในวัยเยาว์จากปากคนอื่น แล้วจะปฏิเสธได้อย่างไร
ฮูหยินผู้เฒ่าเป็นคนชมชอบดอกไม้ ภายในห้องประดับตกแต่งด้วยดอกไม้มากมาย เหมือนที่มาในครั้งที่แล้ว มีทั้งที่เสียบไว้ในแจกันดอกไม้ และมีที่เป็นทั้งกระถาง ภายในเรือนก็ยังมีปลูกไม้ดอกไว้ด้วย
ฮูหยินผู้เฒ่าจูงมือนางไปยังหน้ากระถางดอกไม้กระถางหนึ่ง
บุปผาดอกนั้นเบ่งบานอย่างงดงาม ในหนึ่งพุ่มแซมด้วยสีขาวบริสุทธิ์อันงดงาม สีเขียวสด สีชมพูอ่อน สีแสด สีม่วงเข้มรวมไปถึงสีแดงอ่อน กลีบห้ากลีบทรงกลมและดาวบานซ้อนกัน บนกลีบมีสีแดงเข้มอ่อนต่างกันไป ดูงดงามอย่างเห็นได้ชัด
มั่วเชียนเสวี่ยยอมรับว่าตนเองมีความรู้กว้างขวาง แต่กลับไม่เคยพบดอกไม้ชนิดนี้ คาดว่าจะต้องล้ำค่าและมีชื่อเสียงมาก
“ฮูหยินผู้เฒ่าเป็นคนที่รักบุปผาจริงๆ เชียนเสวี่ยรู้จักแค่ความภาคภูมิใจ หยิ่งทระนงในศักดิ์ศรีของดอกเหมย ความสง่างาม สันโดษของดอกเบญจมาศ ความงดงามเยือกเย็นของดอกโบตั๋น และเคยพบเห็นบุปผานานาชนิดที่มีชื่อเสียงและล้ำค่ามาไม่น้อย แต่กลับไม่เคยเห็นบุปผาชนิดนี้ บุปผาชนิดนี้คล้ายกับดอกชา แต่ก็ไม่ใช่ มิรู้ว่าเป็นสายพันธุ์ใด”
ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยน้ำเสียงอบอุ่น “นี่คือชาดพันใบ หาได้ยากยิ่ง เกรงว่าในเทียนฉีจะมีเพียงแค่กระถางเดียว ข้าเลี้ยงมันมาหลายปีแล้ว เซ่าชิงชอบดอกไม้นี้มาก รอพวกเจ้าแต่งงานกันแล้ว ก็จะมอบให้พวกเจ้า…”
“ฮูหยินผู้เฒ่า” มั่วเชียนเสวี่ยแสร้งทำท่าเขินอาย
ความจริงแล้วดอกไม้นี่ประหลาดเกินไป นางไม่กล้ารับไว้
ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้ม ขณะที่กำลังจะเอ่ยวาจา ก็มีเสียงคนดังขึ้นจากข้างนอก
ได้ยินหมัวมัวชรามาขอเข้าพบ แต่กลับถูกสาวใช้ขวางไว้ข้างนอก
ฉือหมัวมัวรู้จักหมัวมัวชราผู้นั้น หลังจากออกไปเงียบๆ แล้วก็เข้ามาอีกด้วยสีหน้าแปลกประหลาดยิ่ง
“มีเรื่องอันใดก็ว่ามาเถอะ เชียนเสวี่ยไม่ใช่คนนอก” ทางมั่วเชียนเสวี่ยนั้นประคองฮูหยินผู้เฒ่าไปนั่งบนตั่ง เพื่อฉือหมัวมัวเข้ามาส่งข่าวนานแล้ว
ฉือหมัวมัวมองมั่วเชียนเสวี่ยแวบหนึ่ง และตอบเสียงเบาอย่างไม่ลังเวลา “ฮูหยินสิ้นแล้วเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าตะลึง!
มั่วเชียนเสวี่ยก็อึ้งเช่นกัน แต่ก็ได้สติกลับมาทันที ผู้ที่สามารถเรียกว่าฮูหยินในจวนหนิงได้ มีเพียงแค่คนเดียว นั่นก็คือเซี่ยซื่อ มารดาของหนิงเซ่าอวี่
หลังจากตะลึงแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าก็ยกถ้วยชาขึ้นมาด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “อยู่ดีๆ ทำไมถึงได้ตายอย่างกะทันหันเล่า”