เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 544 หายนะที่ไม่มีวันสิ้นสุด กลับใจตอนนี้ยังไม่สาย (2)
- Home
- เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค
- ตอนที่ 544 หายนะที่ไม่มีวันสิ้นสุด กลับใจตอนนี้ยังไม่สาย (2)
ตอนที่ 544 หายนะที่ไม่มีวันสิ้นสุด กลับใจตอนนี้ยังไม่สาย (2)
มั่วเชียนเสวี่ยทำข้าวต้มบำรุงสุขภาพที่เหมาะจะบำรุงครรภ์ให้สตรีตั้งครรภ์ และทำอาหารเรียกน้ำย่อยอีกหลายอย่าง
เสียเวลาอยู่พักใหญ่ ก็เป็นเวลาอาหารมื้อเย็น
อาหารเหล่านี้ถูกปากเจี่ยนชิงโยวมาก และเป็นไปได้ว่าหลายวันมานี้ ระหว่างที่นางเร่งเดินทางไม่ได้กินอะไรที่เข้าท่า ทำให้เกิดความอยากอาหารมาก จึงกินไปไม่น้อย
ซินอี้หมิงกินไม่เยอะ แต่เห็นเจี่ยนชิงโยวกินเยอะ ก็มีสีหน้ายิ้มแย้ม และรู้สึกสบายใจมาก
เจี่ยนชิงโยวเมาเรือเล็กน้อย บวกกับมีอาการแพ้ท้อง กินสิ่งใดเข้าไปก็อาเจียนเอาสิ่งนั้นออกมาเกือบตลอดทาง ไม่เคยได้กินอะไรอย่างสบายใจ เฉกเช่นครั้งนี้มาก่อน
กินอาหารเย็นเสร็จ มั่วเชียนเสวี่ยเห็นเจี่ยนชิงโยวสีหน้าดีขึ้นเล็กน้อย ก็สั่งให้คนไปจัดโต๊ะในลานบ้าน นางดื่มชากับเจี่ยนชิงโยว ต่อคำกลอน สนทนาเรื่องชีวิต ระหว่างที่ถามสารทุกข์สุขดิบกัน ก็เอ่ยเรื่องราวและสถานการณ์ในระยะนี้พวกนี้ด้วย
ระหว่างที่สนทนา มั่วเชียนเสวี่ยก็เข้าใจสาเหตุที่พวกเจี่ยนชิงโยวเดินทางมาเมืองหลวงแล้ว ไม่ได้มาเยี่ยมนางเฉยๆ แต่ซินอี้หมิงวางแผนเรียบร้อยมาตั้งแต่แรกแล้ว
ตอนนี้ซินอี้หมิงได้บริจาคเงินแลกกับตำแหน่งเจ้าหน้าที่ดูแลเอกสารและตราประทับของสำนักราชเลขาธิการใหญ่ ซึ่งเป็นขุนนางขั้นเจ็ดผ่านความสัมพันธ์ของตระกูลเซี่ย โดยหลักๆ จะจัดการดูแลในส่วนของบัญชีเงินตราและเสบียงอาหารอะไรพวกนี้ในเมืองหลวง
หากว่าปล่อยเจี่ยนชิงโยวไว้ที่จวน เขาไม่วางใจ จึงต้องพาออกมาด้วยกัน
อีกอย่าง เขาจากจวนนั้นมา เดิมก็เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตที่สงบสุขกับเจี่ยนชิงโยว ส่วนเรื่องกิจการพวกนั้นที่อำเภอเทียนเซียง เดิมก็มีเขาเป็นคนมีอำนาจในการตัดสินใจ แม้ว่าจะออกจากอำเภอเทียนเซียงมาก็ไม่ส่งผลกระทบอันใดแม้แต่น้อย
อี๋เหนียงหลายคนนั้นโหดเหี้ยมราวกับหมาป่าและเสือ ท่านพ่อผู้นั้นของเขา นอกจากเขาที่เป็นบุตรภรรยาเอกแล้ว ก็ยังมีบุตรชายที่เชื่อฟังอีกหลายคน เพียงแต่เกรงว่าจะมีเจตนาไม่ดีเท่านั้น
แต่ก่อนแม้ว่าปากมักจะเอ่ยเรื่องที่เจี่ยนชิงโยวไม่ได้ตั้งครรภ์มาให้เขารับอนุภรรยา คราวนี้ได้ยินว่าเจี่ยนชิงโยวตั้งครรภ์ ก็ฝืนยัดคนมาให้เขาทันที โดยไม่แม้จะถามเจี่ยนชิงโยว
อี๋เหนียงแต่ละคนก็เปลี่ยนแผนโดยการส่งของต่างๆ ให้เจี่ยนชิงโยว
การกระทำอันเสแสร้งที่รบกวนมีมาไม่หยุดไม่หย่อนนั้นอธิบายเรื่องหนึ่งได้ชัดเจนว่า ในบรรดาพวกเขาไม่มีใครคิดจะให้ชิงโยวให้กำเนิดบุตรอย่างปลอดภัย
เรื่องราวในจวนนั้นมีมากมาย ความคิดชั่วร้ายน่าอับอายเช่นนี้ เจี่ยนชิงโยวนั้นรู้ดี ซินอี้หมิงนั้นรู้ดียิ่งกว่า
สองคนสนทนากัน
ซินอี้หมิงก็ไม่ได้เข้ามารบกวน แต่เหินกายขึ้นไปยืนบนกำแพงเรือนเสวี่ยหว่าน แล้วเป่าขลุ่ยกับดวงจันทรา
ค่ำคืนอันเงียบสงัด เมฆาเคลื่อนตัวเอื่อยเฉื่อยอย่างอิสรเสรีบนท้องนภา แสงจันทร์สว่างใสราวกับสายน้ำ บุปผางดงามต้านลมในคืนเดือนหงาย เบ่งบานเพียงลำพังภายใต้สายหมอก เขายืนอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์สลัว เป่าขลุ่ยหยกเป็นท่วงทำนองชวนให้ผู้คนซึ้งใจ
ระหว่างที่เป่าขลุ่ยก็แลกเปลี่ยนสายตาอย่างเข้าใจความในใจกันเป็นครั้งคราว
จำเป็นต้องกล่าวว่า เจี่ยนชิงโยวนั้นมีความสุขนัก
ส่วนมั่วเชียนเสวี่ยที่มีหนิงเซ่าชิงอยู่แล้ว ก็รู้สึกอิจฉาการปฏิสัมพันธ์สบายๆ เช่นนี้ของทั้งสองคนเล็กน้อย นางรู้ว่าระหว่างเจี่ยนชิงโยวกับซินอี้หมิงเริ่มผูกพันกันด้วยการร่ายรำ และเห็นว่าใจของเจี่ยนชิงโยวไม่ได้อยู่ที่นางนานแล้ว ท่าทีคึกคักเหมือนอยากจะลองร่ายรำ ดังนั้นจึงเป็นฝ่ายลุกขึ้น แล้วดึงเจี่ยนชิงโยวให้ร่ายรำตามท่วงทำนองอันแผ่วเบา
คนหนึ่งเป่าขลุ่ย คนหนึ่งร่ายรำใต้แสงจันทรา งดงามมากจริงๆ
น่าเสียดายที่นางดีดพิณไม่เป็น นางจำเป็นต้องอาศัยพิณเพิ่มความสนุกสนาน
ดีดพิณไม่เป็น แต่สามารถขับร้องโคลงกลอนได้
เรื่องสุนทรียะเช่นนี้ จะไม่เข้าร่วมได้เช่นไร
จึงหยุดเดินแล้วกระซิบเสียงเบาตามจังหวะของเซียว
“ชีวิตของคนเราจะสิ้นสุดลงในช่วงเวลาที่จำกัดเอาไว้ การจากลามักทำให้ผู้คนเจ็บปวดรวดร้าวปานจะขาดใจ จงทะนุถนอมช่วงเวลาในปัจจุบัน อย่าได้กล่าววาจาลาจากในงานเลี้ยงร่ำสุรา ใช้สุราแทนเสียงเพลง ร่ำสุราให้เต็มที่ สายตาที่ทอดมองหุบเขาแลสายธารพลันเปี่ยมไปด้วยความคะนึงหาถึงญาติมิตร รอจนพายุฝนพัดบุปผาร่วงโรย ก็เพิ่งจะค้นพบว่าวสันตฤดูได้สิ้นสุดลง จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าเสียใจ มิสู้รักและทะนุถนอมคนที่อยู่ตรงหน้าจะดีกว่า!”
“มิสู้รักและทะนุถนอมคนที่อยู่ตรงหน้าจะดีกว่า! ร้องได้ดี! เชียนเสวี่ยมีผลงานใหม่อีกแล้ว!”
รอจนนางขับร้องจบ ด้านหลังกลับมีเสียงต่ำของเครื่องสายดังขึ้น
มั่วเชียนเสวี่ยหันหน้ากลับไป
หนิงเซ่าชิงกำลังยืนอยู่ด้านหลังนางไม่ไกลนัก ไม่รู้ว่าเขามาตั้งแต่เมื่อใด ไม่ให้สุ้มให้เสียงกันเลยสักนิด
ดึกขนาดนี้แล้ว ยุ่งมาทั้งวัน เขารีบมาหานางอีกแล้ว! มั่วเชียนเสวี่ยอบอุ่นไปทั้งหัวใจ!
ท้องนภาสีดำน้ำเงิน แสงจันทราสุกสว่างราวกับสายน้ำที่ไหลเอื่อยเฉื่อย สาดส่องลงบนไหล่หนิงเซ่าชิง คล้ายกับต้องการปกคลุมร่างเขาด้วยประกายแสงจางๆ เป็นวง
สีฟ้าราวกับความฝัน ดูคล้ายกับจืดชืด แต่เมื่อสวมอยู่บนร่างเขากลับงดงามเป็นอย่างยิ่ง นัยน์ตาคู่งามลึกล้ำคู่หนึ่ง มุมปากโค้งขึ้น เผยให้เห็นรอยยิ้มชวนให้ผู้คนหลงใหลที่อำพรางไม่มิด
บุรุษของนางโดดเด่นไม่ด้อยไปกว่าซินอี้หมิง กลับกัน เมื่อเขาปรากฏตัวขึ้น ท่าทางบริสุทธิ์และมีคุณธรรมสูงส่งเมื่อครู่ของซินอี้หมิงก็ถูกเขาทำให้ด้อยลง หม่นหมองลงไปมาก
หลังจากเหม่อลอยไปเล็กน้อย มั่วเชียนเสวี่ยที่ภูมิใจเล็กน้อยรางๆ ก็ค่อยๆ หัวเราะเบาๆ
ทั้งสองคนไม่เจอกันแค่ไม่กี่วัน ท่ามกลางการสบตาพร้อมแย้มรอยยิ้มให้กันและกัน ก็เปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นและความรักไม่มีที่สิ้นสุด
ซินอี้หมิงเห็นหนิงเซ่าชิงมาถึง ก็หยุดเสียงเซียวไปนานแล้ว พลางลอยตัวลงจากกำแพงมายืนข้างกายเจี่ยนชิงโยว ประคองเจี่ยนชิงโยวเดินเข้ามา
ไม่สู้ทะนุถนอมคนตรงหน้าดีกว่า! วาจานี้กล่าวความในใจของบุรุษทุกคนที่อยู่ตรงนั้นออกมาได้ชัดเจน
กระทั่งกุ่ยซาที่อยู่ด้านนอกก็มองไปทางชูอีอย่างไม่ได้ตั้งใจ สายตาของทั้งสองคนประสานกันเสี้ยววินาทีหนึ่งก็เบนหลบไป
เตาหนูที่อยู่ในมุมมืดก็มองไปทางสืออู่ แต่น่าเสียดายที่ผู้อื่นไม่สนใจเขา
ยื่นมือไปจับมั่วเชียนเสวี่ยแผ่วเบา ต้อนรับการมาของซินอี้หมิง
สายตาพลันจริงจังเป็นอย่างมาก “ความจริงแล้วคุณชายซินไม่ควรจะบุ่มบ่ามมาที่นี่”
มั่วเชียนเสวี่ยมึนงงเล็กน้อย มีใครต้อนรับแขกแบบนี้กัน?! ยังไม่หายโกรธเรื่องผายปอดอีกหรือ
กำลังจะเอ่ยปลอบประโลมสามีภรรยาซินอี้หมิง ซินอี้หมิงกลับตอบด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ผู้น้อยแซ่ซินขาดความระมัดระวังจริงๆ แต่ภรรยาคิดถึงคุณหนูใหญ่มั่วมาก ดังนั้นจึงได้เป็นเช่นนี้”
สองคนนี้มันยังไงกันแน่นะ มั่วเชียนเสวี่ยมองแล้วไม่เข้าใจชั่วคราว แต่กลับไม่สามารถเอ่ยแทรกได้
หนิงเซ่าชิงสีหน้าเฉยชา “เจ้าไม่ต้องตำหนิตนเอง โชคดีที่ไม่มีใครสังเกตเห็นร่องรอยของเจ้า คนในบ้านไร่และคนที่เฝ้าอยู่ข้างนอกล้วนเป็นคนกันเอง ไม่มีทางเปิดเผยออกไป แต่เวลายิ่งยาวนาน อุปสรรคก็ยิ่งมากอย่างเลี่ยงไม่ได้ เจ้าพาฮูหยินไปพักผ่อนสักครู่ รอเข้าสู่ยามราตรีค่อยส่งพวกเจ้าออกไป พรุ่งนี้เจ้าเข้าเมืองหลวงไปเข้ารับตำแหน่งได้เลย ระหว่างนี้ไม่สามารถผิดพลาดได้อีก”
ซินอี้หมิงพยักหน้าตอบได้ มั่วเชียนเสวี่ยกลับทนไม่ไหวแล้ว
“ชิงโยวมาเยี่ยมข้า ท่านมีสิทธิ์อันใดมาไล่คนอื่น” สตรีตั้งครรภ์ผู้นี้เพิ่งจะมาในช่วงกลางวัน ดึกดื่นค่ำคืนยังจะไล่คนออกจากบ้านไร่ จะไม่มีเหตุผลเกินไปแล้ว
หนิงเซ่าชิงกวาดตามองมั่วเชียนเสวี่ยแวบหนึ่ง โดยไม่ได้ตอบกลับ
แต่จ้องซินอี้หมิงครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “เจ้าเสียใจตอนนี้ยังทันนะ”
ซินอี้หมิงไม่เพียงจะไม่รู้สึกหงุดหงิดใจในการกระทำที่ขับไล่คน ในทางกลับกัน เขาคล้ายกับมีความละอายใจอยู่บ้าง พลันมีสีหน้าเคร่งขรึม ตอบกลับอย่างจริงจังว่า “หัวหน้าตระกูลหนิงกล่าวเกินไป แล้ว! แว่นแคว้นจะเจริญรุ่งเรืองหรือเสื่อมสลายนั้น ทุกคนล้วนมีส่วนรับผิดชอบด้วยกันทั้งนั้น ผู้น้อยแซ่ซินสามารถเป็นผู้ที่พยายามใช้สติปัญญาในจำนวนนั้น จิตใจก็รู้สึกสงบยิ่งขึ้น จะเสียใจในภายหลังได้เช่นไร”
หลังจากนั้น บุรุษสองคนก็เอ่ยวาจาที่พวกนางไม่เข้าใจกันต่อไป
มั่วเชียนเสวี่ยกำลังจะถามต้นสายปลายเหตุให้ชัดเจน เจี่ยนชิงโยวกลับลากนางเข้าไปในห้อง ปล่อยพื้นที่ว่างกลางลานบ้านให้บุรุษสองคนนั้นไป
เมื่อเข้าไปในห้อง เจี่ยนชิงโยวก็เอ่ยวาจาจริงใจที่แฝงความหมายลึกซึ้ง “เชียนเสวี่ย เรื่องของบุรุษ พวกเราที่เป็นสตรีไม่ต้องสนใจมากเกินไป อีกอย่าง ภายหลังเจ้าพูดจานุ่มนวลกับหัวหน้าตระกูลหนิงหน่อย อย่าให้เหมือนเมื่อครู่นี้อีกล่ะ”