เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 545 สิ่งล้ำค่าที่สุดบนโลกคือสิ่งใด (1)
ตอนที่ 545 สิ่งล้ำค่าที่สุดบนโลกคือสิ่งใด (1)
“เจ้า…” เจ้าถูกคุณธรรมสตรีและเตือนสตรีในยุคโบราณล้างสมองแล้ว ถึงได้มีแนวความคิดเห็นบุรุษเป็นใหญ่ สตรีต่ำต้อยไปเสียทั้งหมด
เจี่ยนชิงโยวยื่นมือแตะริมฝีปากมั่วเชียนเสวี่ยแล้วส่ายหน้า ไม่ให้นางเอ่ยต่อ พลางเอ่ยเสียงนุ่มนวล “ข้ารู้ว่าระหว่างเจ้ากับหัวหน้าตระกูลหนิงผ่านเรื่องราวต่างๆ มามาก ความรู้สึกที่มีให้กันก็มิอาจดูแคลนได้ แต่แม้ว่าความรู้สึกระหว่างสามีภรรยาจะดีเพียงใด แต่เมื่ออยู่ข้างนอกก็ต้องไว้หน้าบุรุษบ้าง เห็นอกเห็นใจกันเช่นนี้ ความรู้สึกระหว่างสามีภรรยาจะได้ยืนยาว”
วาจาห่วงใยเช่นนี้ หากไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก ไม่มีทางเอ่ยออกมาแน่นอน มั่วเชียนเสวี่ยรู้ว่าเจี่ยนชิงโยวหวังดี จึงสงบใจ ตรึกตรองอย่างละเอียด ก็รู้สึกว่าวาจาเหล่านี้มีเหตุผลยิ่ง
วันเวลาในช่วงนี้ผ่านไปอย่างสบายใจเกินไป ข้างกายไม่มีใครเตือน? หรือว่าหนิงเซ่าชิงตามใจนางเกินไป ทำให้นางดีใจจนลืมทุกสิ่งทุกอย่างไป?
ระหว่างสามีภรรยา เดิมก็ต้องบริหารวางแผนกันมาก ในปัจจุบันยังมีหนังสือจัดการความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา ความรู้สึกลึกซึ้งเพียงใด ทนได้มากเพียงใด หากไม่รู้จักทะนุถนอม ไม่รู้จักปกป้อง ก็จะถูกใช้ไปจนหมดได้เช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้น หนิงเซ่าชิงก็ยังมีฐานะแบบนั้น อยู่ข้างนอก ยิ่งไม่อาจยั่วยุ แม้ว่าเขาจะไม่สนใจ ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะมีคนกล่าวให้ร้าย พอคนเขาพูดบ่อยครั้งเข้า ในใจก็ย่อมรู้สึกไม่พอใจ
มั่วเชียนเสวี่ยพิจารณาอย่างละเอียด เจี่ยนชิงโยวที่อยู่ในห้องสงบใจ อ่อนโยนคิดเล็กคิดน้อย เหมือนกับบุปผาที่รู้ภาษาคนดอกหนึ่ง สามารถทำให้หัวใจบุรุษอบอุ่น มิน่าซินอี้หมิงถึงรักนางมากเพียงนั้น
หันกลับมามองทุกการกระทำของตนเองในระยะนี้ ก็ล้ำเส้นเกินไปหน่อยจริงๆ แม้ว่ามั่วเชียนเสวี่ยไม่ได้วางแผนจะแก้ไขเท่าไร แต่ก็ตัดสินใจว่าในภายภาคหน้าจะอ่อนโยนกับหนิงเซ่าชิงเล็กน้อย อย่างน้อยก็ระมัดระวังตอนอยู่ต่อหน้าคนนอก
ในใจเข้าใจแล้ว มั่วเชียนเสวี่ยก็ไม่ใช่คนที่ไม่รู้ดีชั่ว จ้องมองเจี่ยนชิงโยวแล้วเอ่ยอย่างจริงใจว่า “ชิงโยว ขอบใจนะ!”
เจี่ยนชิงโยวเห็นนางเข้าใจแล้ว ก็ตบมือนางเบาๆ ยิ้มหวานให้นาง
“ขอบใจอันใด ระหว่างพี่น้องไม่จำเป็นต้องพูดคำนี้ ข้าเพียงแค่หวังว่าจะได้เห็นรอยยิ้มงดงามของเจ้า ก็เหมือนกับที่เจ้าหวังจะเห็นข้ามีความสุข”
ทุกการกระทำแสดงออกชัดเจนอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเอ่ยอันใดให้มากความ หากขอบคุณก็เท่ากับแบ่งแยกความสัมพันธ์คนสนิทหรือคนแปลกหน้าแล้ว
ได้อยู่ด้วยกันแค่ระยะเวลาสั้นๆ ก็ต้องแยกจากกัน มั่วเชียนเสวี่ยจึงรู้สึกเศร้าอย่างอดไม่ได้
เจี่ยนชิงโยวหน่วยตาแดงระเรื่อ ความรู้สึกระหว่างพี่สาวน้องสาวนั้น นางได้รับมันจากที่นี่เท่านั้น น้องสาวต่างแม่หรือลูกพี่ลูกน้องในตระกูล มีคนไหนบ้างที่ไร้แผนการ แต่งงานมา อี๋เหนียงพวกนั้นก็เตรียมพี่สาวน้องสาวอะไรนั้นให้กับซินอี้หมิง จะมีคนไหนที่เป็นมิตรที่ดีต่อกัน?
สุดท้ายมั่วเชียนเสวี่ยก็เข้มแข็งกว่าเจี่ยนชิงโยวเล็กน้อย แตะมือปลอบใจเจี่ยนชิงโยว “หลังจากนี้มีโอกาสได้เจอกันอีกมาก ไม่ต้องสนใจเรื่องในตอนนี้หรอก
“อืม เจ้าต้องดูแลตนเองให้ดี”
“เจ้าก็ต้องระวังเรื่องสุขภาพด้วย ตั้งครรภ์อยู่ ต้องระวังทุกเรื่องถึงจะถูก ไม่สามารถเดินว่อนไปทั่วได้อีก…อีกอย่าง ตอนที่คลอดบุตรก็ต้องหาหมอตำแยที่อาวุโสหน่อย…”
“รู้แล้ว ที่แท้เชียนเสวี่ยก็เป็นคนพูดมากเช่นกัน”
นึกถึงอีกครู่หนึ่งที่เจี่ยนชิงโยวต้องนั่งรถม้า มั่วเชียนเสวี่ยก็รู้สึกสงสาร “พักผ่อนตรงนี้สักครู่หนึ่งเถอะ อีกประเดี๋ยวยังต้องนั่งรถม้าอีก”
เจี่ยนชิงโยวพยักหน้าอย่างไม่เกรงใจอีก พลางรับคำ “ได้”
ระหว่างที่สนทนา มั่วเชียนเสวี่ยก็ประคองเจี่ยนชิงโยวให้นั่งลงบนตั่ง
สตรีตั้งครรภ์ง่วงนอนง่าย ยิ่งไปกว่านั้นก็เหนื่อยเล็กน้อย เจี่ยนชิงโยวพิงตัวบนตั่งครู่หนึ่งก็หลับไป
มั่วเชียนเสวี่ยย่องออกไปบอกชูอีที่เฝ้าประตู ผ่านไปครึ่งชั่วยามซินอี้หมิงก็เข้ามาอุ้มเจี่ยนชิงโยวที่หลับสนิทขึ้นรถม้า แล้วจากไปอย่างรวดเร็ว
ส่งทั้งคู่จากไปแล้ว หนิงเซ่าชิงก็จูงมือมั่วเชียนเสวี่ยเข้าไปในห้อง
ดึกขนาดนี้แล้ว ยากที่หนิงเซ่าชิงจะมา มั่วเชียนเสวี่ยก็ไม่สามารถไล่เขาไปได้อีก
มั่วเชียนเสวี่ยเพิ่งจะนั่งนิ่งบนเตียง ก็ถามขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ว่า “ท่านให้ซินอี้หมิงทำงานให้ท่าน” แสดงท่าทีว่าไร้หนทางให้หลบหนี?
ซินอี้หมิงเป็นคนของตระกูลเซี่ย แต่ระหว่างการสนทนาก็ฟังออกได้ไม่ยากว่าใจเขาเอียงมาทางหนิงเซ่าชิง
มั่วเชียนเสวี่ยยังจำได้ว่า วันนั้นตอนที่หลูเจิ้งหยางคลุ้มคลั่ง และกลัวว่าใต้หล้าจะไร้ความวุ่นวายเคยเอ่ยประโยคหนึ่งว่า ทุกสิ่งที่เขาทำ ตระกูลเซี่ยล้วนมีส่วนร่วมด้วย
ในเมื่อล้วนมีส่วนร่วม นั่นก็หมายความว่า…ตระกูลเซี่ยเกี่ยวข้องกับแผนร้ายที่ทำให้ท่านพ่อสิ้นชีพในสงครามทางอ้อมใช่หรือไม่ หรือจะกล่าวว่ามีความน่าสงสัยว่าจะเป็นกบฏ
หากมองตามเช่นนี้…หนิงเซ่าชิงจะลงมือกับตระกูลเซี่ยแล้ว ตัดผู้ช่วยที่มีความสามารถของราชวงศ์ตระกูลกู?
“ไม่เจอกันหลายวัน เสวี่ยเสวี่ยไม่ค่อยคิดถึงสามีหรือ ถามถึงแต่บุรุษอื่น สามีเจ้าจะหึงแล้วนะ…”
หนิงเซ่าชิงไม่พอใจท่าทีจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวของมั่วเชียนเสวี่ยมาก
เขาจะมาทีหนึ่งนั้นง่ายดายนักหรือ
ถูกสองคนนั้นครอบครองเวลาไปจนดึกดื่นก็ช่างเถอะ ตอนนี้ยังจะเหม่อลอยอีก
“รู้จักแต่หึง…อุ๊บ…”
ยังเอ่ยไม่จบ ก็ถูกคนปิดปากเสียแล้ว
ไม่ง่ายเลยที่จะได้หอบหายใจ มั่วเชียนเสวี่ยทำตาขวางในความมืด บ่นอย่างแง่งอนว่า “จะตายแล้วๆ ชอบใช้วิธีนี้ไม่ให้คนเอ่ยวาจาอยู่เรื่อยเลย…”
นางเอ่ยวาจาตามที่ใจคิด บริสุทธิ์ใจและเป็นธรรมชาติ ไม่ได้มีความหมายยั่วยวนใดๆ
แต่หนิงเซ่าชิงที่ได้ยินในหูกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น
ดังนั้นจึงจุมพิตลึกซึ้งอีกครั้ง
ลมหนาวพัดแผ่วเบานอกหน้าต่าง ความอบอุ่นกระจายไปทั่วห้อง…
เตาหนูที่อยู่นอกห้องกลับมองฟ้าอย่างทุกข์ใจ
ทำไมลูกไม้นี้ของนายท่านถึงจัดการฮูหยินได้หมอบราบคาบ รอจนถึงคราวเขาใช้ กลับได้ฝ่ามือคืนมาแทนกัน
นึกถึงฝ่ามือนั้น ตอนนี้ใบหน้าของเตาหนูยังคงเจ็บอยู่
วันนั้นเขาใช้ปากปิดปากสืออู่ ตอนเริ่มต้นรู้สึกได้ชัดเจนว่าคนในอ้อมแขนอ่อนลง
แต่ไม่ถึงครู่หนึ่ง ปากเขากลับถูกกัดเสียเจ็บ ต่อมาก็มีเสียงดัง ‘เพี๊ยะ’ ใบหน้าเขาถูกตบไปครั้งหนึ่ง จากนั้นสืออู่ก็ด่าเขาว่าคนสารเลว แล้ววิ่งร้องไห้จากไป…
เพื่อเรื่องนี้ เขาไม่ได้ถูกกุ่ยซาหัวเราะเยาะใส่เพียงแค่ครั้งเดียว
ถูกหัวเราะเยาะนั้นเป็นเรื่องเล็ก แต่ที่ทำให้เขากลุ้มใจคือ ถึงตอนนี้ ผ่านไปหลายเดือนแล้ว สืออู่ยังไม่แม้กระทั่งมองเขาตรงๆ สักนิด ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงคุยกับเขาเลย
เห็นเขามาแต่ไกลๆ ก็หลบไปอยู่ในห้อง ไม่ก็ลากสาวใช้นางอื่นไปทำงาน โดยไม่ให้โอกาสเขาเลยแม้แต่น้อย
เรื่องการซ่อมบำรุงจวนกั๋วกง ผ่านการพยายามจัดการดำเนินการอย่างเร่งรีบมาหลายเดือน ท้องพระคลังออกทุนทรัพย์ มีตระกูลหนิงให้การสนับสนุนเบื้องหลัง ฐานะของมั่วเชียนเสวี่ยก็ละเอียดอ่อน ย่อมมิมีผู้ใดกล้าเฉื่อยชา ความคืบหน้าจึงรุดหน้าไปเร็วมาก
เทศกาลไหว้พระจันทร์เพิ่งผ่านพ้นไป จวนกั๋วกงก็ซ่อมบำรุงไปได้พอสมควรแล้ว
แต่ยังมีรายละเอียดบางส่วนที่ต้องเก็บงานช่วงท้าย โดยเฉพาะการประดับตกแต่งภายในเรือนเสวี่ยหว่านที่จำเป็นต้องให้มั่วเชียนเสวี่ยตัดสินใจในตอนท้ายสุด
พ่อบ้านมั่วย่อมเชิญให้มั่วเชียนเสวี่ยมาที่จวน ตรวจสอบอย่างละเอียด มีเพียงแค่มั่วเชียนเสวี่ยพยักหน้า จวนแห่งนี้ถึงจะนับว่าซ่อมบำรุงเสร็จเรียบร้อย
มั่วเชียนเสวี่ยเดินตรวจสอบทั่วจวนกั๋วกงรอบหนึ่งภายใต้การนำทางของพ่อบ้านมั่ว และชี้ไปทางนั้นทีเพื่อแนะนำ มองไปทางนี้ที มีบางเรื่องที่คนอื่นอยากทำแทนก็ทำไม่ได้
ฟ้ามืดแล้ว นางก็เหนื่อยอยู่บ้าง จึงไม่คิดจะกลับไปที่บ้านไร่ เดินไปยังข้างสระบัวข้างในจวนแล้วนั่งลงอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ลมวสันตฤดูที่มาพร้อมกับกลิ่นหอมของดอกบัวและไอชื้นของสายน้ำทำให้จิตใจผู้คนแจ่มใส