เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 554 แอบกิน ซูชีจับขโมย (2)
บุตรสาวของนาง นางเข้าใจอย่างถ่องแท้
คิดว่าซูซูคงกลัวพวกเขาคาดโทษ แม้กระทั่งจดหมายยังไม่เขียนถึงพวกเขา
ก็แค่คนที่นางฝากจดหมายไว้…
ในใจเกิดความรู้สึกต่างๆ นานา แต่สุดท้ายก็เป็นคนที่มีการฝึกฝนมีวิถีทางของตนเอง
หันกลับมาดูจดหมายในมือ จดหมายส่วนตัวแบบนี้ยังอยู่ในมือตน ฉะนั้นทำลายเองกับมือเสียจะดีกว่า
จากนั้นเก็บจดหมายลายมือไก่เขี่ยของซูซูไว้ในแขนเสื้ออย่างมิใส่ใจนัก
รอยยิ้มบนใบหน้าชายาจิ่งชินอ๋องแข็งกระด้างเล็กน้อย ก่อนจะคลี่ยิ้มออก
แม้ไม่ถูกชะตา แต่ก็ต้องรักษามารยาท “ซูซูไม่รู้ความ รบกวนคุณหนูใหญ่มั่วมารับรายงานด้วยตัวเองด้วย”
การกระทำเล็กน้อยของชายาอ๋องไม่รอดสายตามั่วเชียนเสวี่ย นางหยิบจดหมายมอบชายาอ๋อง นางไม่เคยคิดที่จะเอาคืนเลย นับประสาอะไรกับการใช้จดหมายนี้เพื่อทำลายชื่อเสียงของซูซู
มารดารักบุตรสาว วางแผนการเพื่อบุตรสาว นางมิอาจถือสาได้
นางจึงยิ้มกล่าว “เชียนเสวี่ยกับท่านหญิงรักใคร่กันฉันท์พี่ฉันท์น้อง เรื่องเล็กแค่นี้ มิต้องกังวลหรอกเจ้าค่ะ”
แม้นชายาอ๋องจะทราบเบาะแสของซูซูและสบายใจขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยิ่งเป็นห่วง หญิงสาวตัวเล็กๆ ปลอดภัยภายใต้สายตาของคมคาบได้อย่างไร
ขณะนี้นางไม่มีแก่ใจตั้งแง่กับมั่วเชียนเสวี่ย จึงพูดอย่างตรงประเด็นว่า “เรื่องของซูซู หวังว่าเจ้าจะตักเตือนนางได้บ้าง”
จากนั้นก็ยกน้ำชาเพื่อส่งแขก
จะให้ตักเตือนซูซูหรือซูชีดีล่ะ
จากสายตาที่มองอย่างมีความหมาย ก็เห็นถึงความแตกต่าง
จะให้นางเตือนอย่างไร! เตือนไปก็ไร้ประโยชน์ และดูเหมือนจะยิ่งแย่กว่าเดิมเสียอีก
มั่วเชียนเสวี่ยแอบสัมผัสได้ถึงความทะแม่งๆ ในนั้น ผู้ใดต่างก็เตือนได้ลวนดีกว่านางทั้งนั้น
นางทำได้เพียงยิ้มเจื่อนๆ “หากมีโอกาสเชียนเสวี่ยจะตักเตือนอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ” แต่จะเตือนซูซูหรือซูชี แน่นอนว่านางไม่พูดอกกมาหรอก
มั่วเชียนเสวี่ยลุกขึ้นกล่าวลา ชายาอ๋องรีบนำเรื่องที่ซูซูหนีตามซูชีไปรายงานจิ่งชิงอ๋องกับซื่อจื่อทันที…
…
ฮองเฮาถูกสั่งขังในตำหนักเย็น แน่นอนว่าอำนาจจงกงถูกแทนที่ด้วยอวี้กุ้ยเฟยชั่วคราว
ดังนั้นความสมดุลของวังหลังจึงถูกทำลายอย่างง่ายดาย
ฝ่าบาทมีพระโอรสสามพระองค์ นอกจากมารดาองค์ชายใหญ่ชิงอ๋องล่วงลับไปแล้ว องค์ชายอีกสองพระองค์…พระสนมมารดาของมู่อ๋องและหลีอ๋อง แม้ว่าจะมิได้รับความโปรดปรานนานหลายปี ตำแหน่งมิได้สูงเทียบเท่าอวี้กุ้ยเฟย แต่ทว่าเพราะเป็นพระมารดาขององค์ชาย ดังนั้นนางจึงมาแรงแซงโค้งภายในชั่วพริบตา
ตระกูลเซี่ยล่มสลาย ตำแหน่งฮองเฮาก็มิได้ตกเป็นของสตรีตระกูลเซี่ยอีกต่อไป
เพราะฉะนั้นพวกนางจึงล้วนมีความหวัง
ทันใดนั้นก็มีกระแสคลื่นซัดเข้ามาในวังหลังอีกครั้ง เหล่านางสนมก็ต่อสู้กันทั้งอย่างเปิดเผยและแบบลับๆ เพื่อชิงตำแหน่งนั้น
ฝ่าบาททรงว่นอยู่กับราชสำนักก่อนหน้านี้ จะเอาเวลาที่ไหนไปคิดเรื่องรักๆ ใคร่ๆ และจัดการผู้หญิงน่าเบื่อพวกนั้นในวังหลังอีก
ท่ามกลางสงครามวุ่นวาย ไม่มีขุนนางบู๊บุ๋นคนใดกล้าแตะต้องเรื่องเสนอฮองเฮาองค์ใหม่ เซี่ยฮองเฮาที่ถูกปลดและเนรเทศไปอยู่ตำหนักแล้ว และเป็นไปไม่ได้ที่จะพลิกโอกาสกลับมาอีกครั้ง
ฐานนางล้มลง คนในตระกูลเซี่ยถูกประหารหมดสิ้น แต่ฝ่าบาทกลับไว้ชีวิตนางเพียงผู้เดียว ไม่ใช่ว่าเขามีความรู้สึกใดๆ กับนาง แต่เขาไม่ต้องการให้คนทั้งโลกสะกิดหลังแล้วบอกว่าเขาเป็นคนไร้ความรู้สึกก็เท่านั้น
จากสูงสุดคืนสู่สามัญ สถานการณ์ปลดฮองเฮา ฆ่าล้างตระกูลเซี่ย แค่จินตนาการก็พอรู้
ผู้ที่ติดตามนางมีเพียงกงหมัวหมัวที่รับใช้นางตั้งแต่เด็ก ญาติคนอื่นๆ บางคนถูกประหาร บางคนถูกเนรเทศ แล้วคนที่ขอไปเองก็มีมากด้วยเช่นกัน
ตั้งแต่ใช้ชีวิตอย่างดีที่สุด ใช้สิ่งที่ดีที่สุด และกินสิ่งที่ดีที่สุด จนถึงตอนนี้ใช้ชีวิตอย่างเลวร้ายที่สุด ใช้ชีวิตแย่ที่สุด ไม่มีอาหารสามมื้อต่อวัน สกปรกรกรุงรังไปทุกที่ ชีวิตของนางตอนนี้เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย
แต่ถึงกระนั้นนางก็ไม่กล้าพอที่จะฆ่าตัวตาย แล้วในวังหลังไม่มีใครต้องการชีวิตนางอีกแล้ว
พวกนางล้วนมองนางเป็นตัวตลก แค่ต้องการเยาะเย้ยให้สาแก่ใจเท่านั้น
ดังนั้น คราวนี้ตำหนักเย็นก็กลายเป็นตำหนักร้อน มีคนมาหานางไม่ขาดสายทุกวัน แต่ในความเป็นจริง คนที่มาเหยียบย่ำซ้ำเติม เป็นกระแสอย่างต่อเนื่อง
หัวข้อที่ร้อนแรงที่สุดในวังคือ “วันนี้พี่สาวไปหานาแพศยานั่นหรือเปล่า”
“แน่นอน ข้าไปหานางแพศยานั่นมาแล้ว…”
คนกลุ่มแรกที่ไป ‘เยี่ยม’ ฮองเฮาสกุลเซี่ยที่โดนปลดจากตำแหน่งเพิ่งเดินออกไป อวี้กุ้ยเฟยก็พาหนีหมัวมัวเหยียบย่ำเข้ามา
แม้นนางสกุลเซี่ยโดนปลดตำแหน่งแล้ว แต่ก็เคยเป็นฮองเฮา พวกสนมขั้นผินที่มาเยี่ยมนาง หลังจากหัวเราะเยาะนางแล้ว ก็ไม่กล้าทำอะไรเกินเลย
ถึงอย่างไร ฝ่าบาททรงไม่ให้นางตาย
ถึงอย่างไร นางยังมีองค์หญิงอีกหนึ่งพระองค์
ถึงอย่างไร นางก็เคยเป็นถึงฮองเฮา และอำนาจบารมีที่สั่งสมมานานยังคงอยู่…
ครั้นเมื่ออวี้กุ้ยเฟยก้าวเข้ามาในตำหนักเย็น นางสกุลเซี่ยที่ถูกปลดจากตำแหน่งกำลังรับ “อาหารกลางวัน” ของนางอย่างไม่รีบร้อน
แม้ว่ามันจะบูดเสียไปบ้าง แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรกิน
ผ่านไปแค่ไม่กี่วันเท่านั้น นางก็เคยชิ้นกับสภาพชีวิตเช่นนี้แล้ว เมื่อพวกสนมคนอื่นมาหัวเราะเยาะนาง นางก็ทำเป็นไม่ได้ยินไปเสีย
แต่ถึงกระนั้น เมื่อนางเงยหน้ามาเห็นอวี้กุ้ยเฟยเดินเข้ามา นางสกุลเซี่ยกลับสะดุ้งตกใจ
นางสามารถโดนดูถูกเหยียดหยามต่อหน้าผู้อื่นได้ แต่ไม่สามารถอับอายเมื่ออยู่ต่อหน้านางแพศยาอวี้…ศัตรูคู่แค้นนับสิบกว่าปีได้
นางจึงลุกขึ้นทันทีด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ราวกับว่านางยังดำรงตำแหน่งฮองเฮาอันสูงส่ง
“เจ้ามาทำไม”
เมื่อหนีหมัวมัวเห็นนางทำตัวไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ก็ตวาดใส่ “นางสารเลว เห็นกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงแล้วยังไม่คุกเข่าคำนับอีกหรือ”
หนีหมัวมัวยังต้องการก้าวเข้าไปกดหัวอดีตฮองเฮาไร้มารยาท แต่อวี้กุ้ยเฟยกลับโบกมือห้ามเสียก่อน
จากนั้นมองนางสกุลเซี่ยด้วยสายตาเหยียดหยาม พร้อมกับหัวเราะเยาะ
“เจ้าว่าเปิ่นกงมาทำอะไรล่ะ มาดูว่าพี่สทาวใช้ชีวิตในตำหนักเย็นอย่างไรกระมัง”
“ก็เห็นแล้วนี่ว่าเปิ่นกงยังอยู่ดีมีสุข เจ้าไปได้แล้ว”
“เปิ่นกงหรือ! เจ้ายังคิดถึงมันอยู่อีกหรือ คิดว่าจะได้มีวันออกไปเชิดหน้าชูตาอีกหรือ”
อวี้กุ้ยเฟยมองสภาพแวดล้อมโดยรอบ นางปัดอากาศที่เข้าจมูกอย่างรังเกียจ
“เจ้าคิดว่ายังจะมีคนตระกูลเซี่ยมาช่วยเจ้าหรือ หรืออยากให้ลูกสาวสุดที่รักของเจ้ามาเยี่ยมเจ้าดีล่ะ” ใบหน้าซูบซีดของนางสกุลเซี่ยฉายแววสิ้นหวังอย่างปิดไม่มิด ตั้งแต่ที่นางเข้ามาอยู่ตำหนักเย็นจนถึงตอนนี้ คนส่วนใหญ่ที่มา “เยี่ยม” นางก็มีแต่พวกสนม มีเพียงพระธิดาองค์เดียวของนางที่ไม่มาเยี่ยมเลย
เมื่อนางสกุลเซี่ยโดนจี้ใจดำ ก็ดิ้นรนตรงนั้น “ตระกูลเซี่ยของข้าหยั่งรากลึกในเทียนฉี ไม่มีทางจบเร็วขนาดนั้น รอวันใดวันหนึ่งกลับมาผงาดอีกครั้ง ฝ่าบาทต้องปล่อยข้าแน่นอน…”
“กลับมาผงาดอีกครั้งงั้นหรือ”
อวี้กุ้ยเฟยหัวเราะจนไหล่สั่น!
“เจ้าหมายถึง…ศักดินาของตระกูลเซี่ยหรือ ก็จริง ตระกูลเซี่ยโกงเสบียงไปไม่น้อย เลี้ยงทหารส่วนตัวในที่ศักดินาไม่น้อย แต่ทว่า เจ้ารู้หรือไม่ ตระกูลเซี่ยของเจ้าถูกฝ่าบาทฆ่าล้างตระกูลหมดแล้ว ไล่ล่าสังหารหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ แม้กระทั่งผินฟ้ายังนองโลหิตแดงฉาน”
เมื่อฉีกหน้านางสกุลเซี่ยสำเร็จ อวี้กุ้ยเฟยก็จ้องตานางสกุลเซี่ย พูดด้วยน้ำเสียงร้ายกาจไร้ที่เปรียบ
“ลูกหลานตระกูลเซี่ยในเมืองหลวง ไม่มีผู้ใดหนีออกจากที่ศักดินาไปส่งข่าวอย่างราบรื่นสักคน ฝ่าบาทใช้กำลังทหาร ให้ทหารตระกูลซูและตระกูลถง แล้วยังมีค่ายทหารเชี่ยวฉี ชนชั้นสูงกลุ่มใหญ่ไล่ฆ่าหลายคืน เพียงแค่เจ็ดวัน ศักดินานั้นก็ตกไปอยู่ในมือของราชวงศ์หมดแล้ว…”
ฟางเส้นสุดท้ายถูกกระชากออกไปอย่างไร้ความปรานี ในที่สุดนางสกุลเซี่ยที่โดนปลดตำแหน่งฮองเฮาก็แตกสลาย
ไม่รู้ว่านางพึมพำคำซ้ำๆ กี่ครั้ง “เป็นไปไม่ได้…เป็นไปไม่ได้…”