เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 563 ความกลัวก่อนแต่งงาน (1)
มั่วเชียนเสวี่ยเปลี่ยนคำเรียกขานซูชีอันคุ้นเคยเป็นคุณชายซูที่แสดงถึงความห่างเหิน
ซูชีนิ่งอึ้ง
การที่เขามาในวันนี้ ก็แค่อยากเห็นมั่วเชียนเสวี่ยปลาบปลื้มใจที่สมปรารถนาอย่างสุดจิตสุดใจ ไม่เคยคิดถึงเรื่องอื่นเลย
หรือไม่ก็ ในใจของเขา ทุกสิ่งล้วนไม่สำคัญ
“คุณชายซูกระทำทุกอย่างนี้เพื่อใส่ร้ายจวนกั๋วกงของข้าว่ากระทำการไม่เหมาะสมเช่นนั้นหรือ?!”
“เชียนเสวี่ย เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้น…”
“ข้าไม่สนใจว่าท่านจะหมายความว่าอย่างไร ข้าขอบคุณสำหรับความชื่นชมยกย่องของท่านแทนท่านพ่อผู้ล่วงลับ ตอนนี้นักโทษประหารชีวิตผู้นั้นได้ประกอบพิธีเซ่นไหว้ดวงวิญญาณของบิดาผู้ล่วงลับในลานฝึกซ้อมของทหารเรียบร้อยแล้ว เชียนเสวี่ยรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่ง”
สีหน้ามั่วเชียนเสวี่ยเย็นเยียบราวน้ำแข็ง ประโยคที่เอ่ยนั้นห่างเหินยิ่งกว่า
การที่เขามาเพราะเจ้าคนสารเลวหลูเจิ้งหยางนั้นทำให้เชียนเสวี่ยกังวลใจ ซูชีรู้สึกโมโหจากก้นบึ้งของหัวใจ แต่กลับไม่อาจระบายความโมโหนี้กับมั่วเชียนเสวี่ยได้
จึงหันหน้าไปตวาดเสียงดังทางป่าไผ่
“ทหาร ตัดลิ้นของเขาก่อน ค่อยคุมตัวเขาไป!” ถึงจะสับเจ้าหมอนี่เป็นหมื่นท่อน ก็ไม่อาจบรรเทาความแค้นใจได้
“ขอรับ”
มีคนทะยานตัวออกมาจากป่าไผ่ ท่าร่างไม่ด้อยเลย
บีบปากของหลูเจิ้งหยาง โลหิตแดงฉานพุ่งออกจากปากหลูเจิ้งหยาง
ซูชีหมุนตัวเดินออกไปด้านนอกโดยไม่กล่าวคำลา
หัวใจของเขาถูกฉีกเป็นชิ้นๆ จนไม่รู้ว่าจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร
มั่วเชียนเสวี่ยเอ่ยขอโทษซูชีในใจเป็นหมื่นครั้ง ทว่าตอนนี้กลับต้องทำใจแข็งตะโกนเสียงดังตามหลังเขา
“เป็นมนุษย์ต้องเรียนรู้ที่จะปล่อยวาง มีบางคนที่ไม่มีวันเป็นของตนเองตลอดกาล เช่นนั้นก็ตัดสินใจเลือกปล่อยมือเสียเถอะ อย่าได้อืดอาดยืดยาด แบบนั้นจะเป็นการทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนเท่านั้น…” และทำให้ตนเองเหนื่อยล้าเช่นกัน
นางจำเป็นต้องแทงกระบี่แหลมคมเข้าสู่หัวใจเขา
หลังจากได้รับบาดเจ็บ ใส่ยาเรียบร้อย เขาถึงจะดีขึ้นอย่างสมบูรณ์
เท้าที่ยกขึ้นของซูชีผู้ถูกด่าจนอายแทบแทรกแผ่นดินหนีชะงัก
ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน? นางกำลังโทษเขาหรือ
นางรู้สึกว่าเขาทำให้นางเดือดร้อน ทำให้นางถูกหนิงเซ่าชิงเข้าใจผิด?!
ฝีเท้าแตะพื้นแล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
เงาร่างนั้นลนลานโซเซ ตรงข้ามกับตอนที่มาเยือนอย่างองอาจผึ่งผาย
มั่วเชียนเสวี่ยเจ็บปวดหัวใจ!
เงยหน้าขึ้นโดยไม่มองเงาร่างที่โงนเงนนั้นอีก…
ในเมื่อมีเซ่าชิงแล้ว หัวใจของนางก็ไม่อาจมีเงาร่างบุรุษอื่นใดอีก
แม้ว่าจะเพียงแค่น้อยนิด ก็ต้องออกแรงลบมันออกไป…ลบมันทิ้งไป…
ซูซูตามหาซูชีในงานเลี้ยงฉลองรอบแล้วรอบเล่า ก็หาไม่เจอแม้แต่เงาของเขา จึงรู้ว่าเขาต้องไปที่จวนกั๋วกงแน่ๆ
ดังนั้นจึงแอบออกจากวังเงียบๆ เช่นกัน
ซูชีรีบซอยเท้าออกจากจวนกั๋วกง แต่กลับพบกับซูซูที่เดินทางมาพอดี
“ซูชี ท่านมาเยี่ยมเชียนเสวี่ย เหตุใดจึงไม่เรียกข้าด้วยเล่า?”
ซูชีเดิมก็รู้สึกทุกข์ใจจะแย่ เมื่อเห็นดวงหน้าโง่งมที่ขัดตาเขาของกูเสี่ยวซู โทสะในใจก็ค่อยๆ พุ่งสูงขึ้น ชั่วพริบตาก็แผดเผาไปทั่วทั้งร่าง ยากจะทานทน
คนตรงข้าม เขาก็ไม่อยากจะทนแล้วเช่นกัน
“กูเสี่ยวซู เจ้าจะพอได้หรือยัง เจ้าจะตามข้าไปถึงเมื่อไรกันแน่ เจ้ารู้ไหมว่า ทุกครั้งที่ข้าเห็นเจ้า ก็รู้สึกคลื่นไส้ยิ่งนัก…ไสหัวไป! ไสหัวไปได้ยิ่งไกลยิ่งดี!”
“เจ้า…”
ซูซูมึนงง
แม้ว่าตลอดมา ซูชีจะเย็นชาต่อนาง แต่กลับไม่เคยตะคอกนางเช่นวันนี้ และไม่เคยเอ่ยว่าจะทำร้ายคนแบบนี้ออกมาเช่นกัน
ซูชีเอ่ยวาจาเป็นพรวน แต่ฝีเท้ายังคงรวดเร็ว โดยไม่ได้หยุด
ซูซูกระทืบเท้าด่าตามหลัง “ซูชี เจ้ามันคนโง่ไร้หัวใจ เจ้าไปตายเสียเถอะ!”
ด่าซูชีจบ เดิมคิดจะเตรียมตามไป แต่กลับเห็นทหารสองนายคุมตัวหลูเจิ้งหยางที่เลือดกลบปากเดินออกมาจากจวนกั๋วกง
ซูซูคล้ายกับเข้าใจอะไรขึ้นมา
นางไม่ได้ตามซูชีไป แต่วกกลับไปยังจวนกั๋วกง
นางบุกเข้าไปโดยไม่รอให้คนไปรายงาน
ผู้คุมกันที่เฝ้าประตูของจวนกั๋วกงเห็นคนสวมเครื่องแบบทหารบุกเข้าไปในจวน ย่อมตามไปด้วย
พวกเขาเห็นแค่นางทักทายแม่ทัพซูที่ประตูใหญ่ คิดว่าเกรงว่าจะเป็นคนรู้จักของแม่ทัพซู ถึงไม่ได้ลงมืออย่างโหดเหี้ยม แต่กลับจับนางเอาไว้แล้วเตรียมจะโยนออกไปอย่างไม่เกรงใจ
ตอนนี้พ่อบ้านมั่วกลับออกมาพอดี
เขาจำท่านหญิงซูซูได้ ดังนั้นจึงโบกมือให้ทหารเฝ้าประตูปล่อยมือ
ไม่รอให้เขาทักทาย ซูซูก็พุ่งตัวไปทางเรือนเสวี่ยหว่านของมั่วเชียนเสวี่ยราวกับลมหอบหนึ่ง
นางคุ้นเคยกับจวนกั๋วกงเป็นอย่างดี
ในเมื่อเป็นการซ่อมแซมครั้งใหญ่ ตำแหน่งทิศทางจึงยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง
องครักษ์หลายคนไม่วางใจ คิดจะตามไป แต่พ่อบ้านมั่วกลับโบกมือให้พวกเขาถอยออกไป
อาศัยฝีมือของท่านหญิงซูซู คิดจะสร้างภัยต่อคุณหนูใหญ่นั้นเป็นเรื่องน่าขัน
ความสามารถของคุณหนูใหญ่ คนอื่นไม่รู้ เขายังไม่รู้ด้วยหรือวิชาฝังเข็มอันลึกลับที่ทำร้ายผู้คนได้อย่างไร้ร่องรอย
ตอนที่ซูซูบุกไปถึงเรือนเสวี่ยหว่าน มั่วเชียนเสวี่ยก็มาถึงประตูเรือนเสวี่ยหว่านพอดี
เห็นทหารมาเยือนด้วยความโมโห ก็รวมกำลังภายใน เตรียมเข็มไว้ในมือ
เพียงแต่รอคนเข้ามาใกล้ ก็เห็นว่าเป็นซูซู เพิ่งส่งซูชีที่เป็นทุกข์จนหมดเรี่ยวแรงอยู่บ้างจากไป
เพื่อนสนิท เพื่อนสาวคนสนิท เพิ่งกลับเมืองหลวงก็มาเยี่ยมนางแล้ว
เมื่อครู่ที่นางจัดการอย่างเฉียบขาด ทำร้ายผู้อื่นจนเศร้าสลดนั้นคุ้มค่าแล้ว
มั่วเชียนเสวี่ยเค้นรอยยิ้มออกมาบางๆ เก็บเข็มเงินเอาไว้เงียบๆ
เดิมซูซูก็ไม่ใช่คนพาลไร้เหตุผล เมื่อเห็นมั่วเชียนเสวี่ยก็ก้าวเข้าไปคว้าหมับเข้าที่แขนนาง โดยไม่สนใจสิ่งใด
“เจ้ารู้หรือไม่ว่า เขาสิ้นเปลืองสติปัญญาและพละกำลังไปเท่าใด เพื่อที่จะแก้แค้นให้เจ้า เพื่อจับหลูเจิ้งหยางผู้นั้น”
ซูซูเอ่ยวาจาไม่คิดด้วยความรู้สึกสะเทือนใจ มั่วเชียนเสวี่ยกลับรู้ดีอยู่แก่ใจ ความเจ็บปวดที่ข่มกลั้นเอาไว้ทะลักออกมาอีกครั้ง
นางจะไม่รู้ได้อย่างไร
หลูเจิ้งหยางหนีออกจากวงล้อมแน่หนาของจวนหนิงซึ่งเป็นถิ่นของหนิงเซ่าชิงไปได้ ทั้งยังหลบหนีจากการตามจับด้วยวิธีการต่างๆ ของฮ่องเต้และตระกูลหนิงไปได้ ย่อมต้องเป็นผู้ที่มีบทบาทไม่ธรรมดาผู้หนึ่ง
คิดจะจับเป็นเขา เหยียบเขาเอาไว้ใต้เท้า ให้เหมือนกับสุนัขที่ดิ้นรนเฮือกสุดท้าย จำเป็นต้องจ่ายค่าตอบแทนที่ไม่ธรรมดาแน่นอน!
แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ นางก็ไม่อาจลากเรื่องนี้เข้าหาตนเองได้
ขอเพียงแค่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตนเองเพียงน้อยนิด ผู้อื่นก็จะถามว่า หากไม่มีความสัมพันธ์ส่วนตัวกันเล็กน้อย ซูชีมีสิทธิ์อันใดที่ทำเช่นนี้เพื่อเจ้า มั่วเชียนเสวี่ย
แม้นางจะรู้สึกละอายใจต่อซูชีอยู่บ้าง แต่เมื่อลองถามตนเอง ก็มีเพียงแค่วิธีนี้ที่สามารถขจัดความสับสนวุ่นวายให้ฟื้นคืนสู่ความปกติได้ และทำทุกสิ่งให้กลับสู่เส้นทางที่ถูกต้อง
ซูซูยังคงถามซ้ำต่อไป…
“เจ้ารู้หรือไม่ว่า เพื่อที่จะจับคนสารเลวนั่น เขาได้รับบาดเจ็บภายในสาหัสเพียงใด เขาเกือบจะตายแล้ว…”
“เจ้ารู้หรือไม่ว่า ทุกวันเขา…”
ซูซูหน่วยตาแดงระเรื่อ วาจาด้านหลังไม่ต้องเอ่ยออกมาก็เข้าใจได้
มั่วเชียนเสวี่ยตะลึง ถลึงตาใส่ซูซู พลางเอ่ยเสียงสูงตัดบทนาง “เรื่องของซูชี ข้าไม่รู้ และไม่จำเป็นต้องรู้!”
นางย่อมรู้แน่นอน
ในใจนางก็มีเขาอยู่ในพื้นที่เล็กๆ แห่งหนึ่ง
แต่นางไม่อาจบอกเขา และไม่อาจบอกใครได้เช่นกัน
จนถึงขั้นที่กระทั่งตัวนางเองก็ไม่มีทางยอมรับ!