เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 569 แต่งงาน การเริ่มต้นใหม่อีกบทหนึ่ง (3)
จูบของหนิงเซ่าชิงร้อนแรงยิ่ง ส่วนมั่วเชียนเสวี่ยก็ตอบสนองกลับอย่างดุเดือดยิ่งกว่า
หนิงเซ่าชิงที่ไม่เคยรู้สึกถึงการตอบสนองที่ร้อนแรงเช่นนี้มาก่อน จึงมีความต้องการมากขึ้นกว่าเดิม
เขายื่นมือออกไปอุ้มมั่วเชียนเสวี่ยขึ้นมา โดยไม่ได้ผละจากริมฝีปากนาง
ระหว่างที่เดินไปริมเตียง ก็จูบดูดดื่มไปด้วย
หลังมั่วเชียนเสวี่ยถูกวางลงบนเตียง ก็คว้ามือที่คิดจะปลดเปลื้องอาภรณ์นางเอาไว้
“เซ่าชิง ท่านรอก่อน ข้ามีเรื่องจะเอ่ยกับท่าน”
“เสวี่ยเสวี่ย…” หนิงเซ่าชิงออดอ้อน น้ำเสียงเต็มไปด้วยความมีเสน่ห์เย้ายวน ค่ำคืนแรกของคู่บ่าวสาวมีค่าดุจพันตำลึงทอง มีวาจาใดถึงไม่สามารถรอถึงพรุ่งนี้ค่อยเอ่ยได้กัน
“เซ่าชิง…เด็กดี ข้ามีของขวัญจะให้ท่าน! รอท่านรับของขวัญไปแล้ว ข้ารับรองว่าจะจัดให้ท่านอิ่มหนำสำราญ เป็นอย่างไร”
หนิงเซ่าชิงได้ยินว่ามีของขวัญ ทั้งได้ยินเงื่อนไขที่เอ่ยสำทับมา ก็หยุดเคลื่อนไหว ทว่ากลับไม่อยากผละออกจากความนุ่มนิ่มตรงหน้า
มั่วเชียนเสวี่ยประคองใบหน้าที่ไม่ยอมเงยขึ้นมา แต่ซุกอยู่กลางทรวงอกให้เงยขึ้น แล้วจุมพิต “รีบร้อนอันใด”
“เสวี่ยเสวี่ยบอกว่าสามีรีบร้อนอันใดหรือ” หนิงเซ่าชิงยิ้มเจ้าเล่ห์ แววตาเปี่ยมไปด้วยความนัยอันลึกซึ้ง
มั่วเชียนเสวี่ยหัวเราะพรืด แล้วหยิบแหวนที่ตั้งใจเตรียมเอาไว้วงนั้นออกมาจากแขนเสื้อ
นางเอ่ยกับหนิงเซ่าชิงอย่างจริงจัง “หากท่านสวมแหวนวงนี้ของข้า เช่นนั้นชีวิตนี้เป็นได้แค่คนของข้า มั่วเชียนเสวี่ยเท่านั้น”
หนิงเซ่าชิงยิ้มเอาใจ เขารักท่าทางที่เหมือนสตรีขี้หึงของมั่วเชียนเสวี่ยจะตายแล้ว “รู้แล้ว”
หนิงเซ่าชิงยื่นมือออกไป มั่วเชียนเสวี่ยกลับพลิกแหวน ชี้ไปยังตัวอักษรด้านในที่เต็มไปด้วยความรู้สึกลึกซึ้ง
“L เป็นตัวแทนท่าน M แทนตัวข้า ข้าสลักตัวอักษรทั้งสองตัวนี้ไว้ด้านใน เพื่อเป็นตัวแทนว่าพวกเราสองคนจะอยู่ด้วยกันตลอดไป และไม่แยกจากกันตลอดกาล”
“ได้ พวกเราจะไม่แยกจากกันตลอดกาล!”
มั่วเชียนเสวี่ยได้ยินคำตอบของหนิงเซ่าชิงแล้ว ถึงได้คลายปมผ้ามัดผมบนข้อมือ และสวมแหวนเข้ากับนิ้วของเขา
นางแอบวัดรอบนิ้วของหนิงเซ่าชิงก่อนที่จะทำแหวน ดังนั้นแหวนวงนิ้วจึงสวมได้พอดี
สวมแหวนแล้ว ก็อดที่จะแนบมือเข้ากับริมฝีปากเพื่อจุมพิตลึกซึ้งไม่ได้
ตอนที่มั่วเชียนเสวี่ยทำสิ่งเหล่านี้เพื่อหนิงเซ่าชิง ในใจหนิงเซ่าชิงเหมือนมีคลื่นโหมซัดสาด เขาโน้มตัวลงไปจุมพิตเรือนผมนางอย่างอดไม่อยู่
จากนั้นก็ยืดตัวขึ้น เดินไปยังชั้นวางวัตถุโบราณ เปิดช่องลับแล้วหยิบของออกมาอย่างหนึ่ง
เสวี่ยเสวี่ยเตรียมของขวัญให้เขาในคืนวันแต่งงาน เขาไม่ให้ของขวัญตอบไม่ได้
เดิมของขวัญชิ้นนี้กะว่าจะรอให้ผ่านไปสักสองสามวันค่อยเอ่ยถึง แต่นำออกมาวันนี้เลยก็ไม่เป็นไรเช่นกัน
มั่วเชียนเสวี่ยสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย
ดูจากบรรยากาศเมื่อครู่นี้ เดิมนางสวมแหวนให้เขาแล้ว ต่อมาอารมณ์ของทั้งคู่ควรจะพลุ่งพล่านราวกับคลื่นโหมซัดสาด คลอเคลียกันอย่างนุ่มนวลอ่อนโยน แสดงความรักลึกซึ้งต่อกัน แล้วเล่นผีผ้าห่ม ร่วมหอกันอย่างร้อนแรงสิ!
หนิงเซ่าชิงยิ้มบางๆ พลางไล้สันจมูกมั่วเชียนเสวี่ย แล้วเอ่ยวาจาก่อนหน้านี้คืนกลับให้นางไป “เหนียงจื่อรีบร้อนอันใดหรือ”
“ท่านน่ะสิรีบร้อน!”
เปิดกล่องออก ด้านในคือยาเม็ดหนึ่ง
“ยาวิเศษเม็ดนี้เป็นยาบัวหิมะเสริมพลังเปลี่ยนเส้นเอ็น ตระกูลอู่หลินแห่งหุบเขาเทียนซานเป็นผู้มอบให้ เพื่อแสดงความยินดีกับการแต่งงานของพวกเรา กินยาเม็ดนี้ลงไปแล้ว สามารถเพิ่มกำลังภายในถึงยี่สิบปี ในปีนั้นข้าก็เคยกินยาวิเศษแบบนี้ไปเม็ดหนึ่ง พลังถึงได้รุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว”
“จริงหรือ” ผลลัพธ์มหัศจรรย์ขนาดนี้ มิน่านางถึงได้กลิ่นหอมละมุนในตอนเปิดกล่อง
“ตอนนี้ข้าจะมอบยานี้ให้กับเจ้า”
เขาไม่มีทางบอกเด็ดขาดว่า บิดาเขาผู้เป็นหัวหน้าตระกูลหนิงรุ่นก่อนขอร้องครั้งแล้วครั้งเล่า และถึงกับแลกศักดิ์ศรีเพื่อให้ได้ยามา เพียงเพราะหวังว่าพลังของเขาจะสามารถเลื่อนขั้นได้อีกครั้ง
หากหัวหน้าตระกูลหนิงรุ่นก่อนรู้ว่า เขามอบยาเม็ดนี้ให้มั่วเชียนเสวี่ย ก็ไม่รู้ว่าจะคิดเช่นไร
“จริงหรือ!” วาจาเดียวกัน แต่คราวนี้มั่วเชียนเสวี่ยตอบด้วยความยินดียิ่ง
ยาเม็ดหนึ่งมอบพลังภายในถึงยี่สิบปีนั้นเยี่ยมไปเลย
สูงส่งมาก!
หลังจากนี้วิชาตัวเบาของนางจะดียิ่งขึ้น ไม่ต้องพึ่งพาโชคที่ทำได้เพียงแค่แตะเท้ากระโดดข้ามกำแพงเท่านั้น เกรงว่าจะสามารถทำแบบหนิงเซ่าชิงได้เลยที่แค่แตะปลายเท้า คนก็อยู่กลางอากาศ
จากนั้นตอนที่ข้ามแม่น้ำ ยังสามารถเคลื่อนไหวได้ราวกับแมลงปอแตะผิวน้ำ…งดงามเกินไปแล้ว!
แค่คิดถึงภาพเหตุการณ์นั้นก็ทำให้คนปรารถนาอย่างยิ่ง
ต่อมา นางก็โยนยาเม็ดนั้นเข้าปากอย่างไม่ลังเล
“เจ้า…” หนิงเซ่าชิงพลันโมโหเล็กน้อย “รีบคายออกมาเดี๋ยวนี้”
แต่ทว่า ยานั่นเข้าปากก็ละลายเป็นไอร้อนลงคอไปแล้ว จะคายออกมาได้เสียที่ไหน
มั่วเชียนเสวี่ยเห็นหนิงเซ่าชิงมีสีหน้าย่ำแย่ ก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย “กลืนลงไปแล้ว…”
ยังเอ่ยไม่ทันจบ รอยยิ้มก็แข็งค้างอยู่บนใบหน้า
“อา…ไม่ได้การ ร้อนไปทั้งกายเลย…เหมือนกับมีเพลิงไหม้บนร่างอย่างไรอย่างนั้น…”
ขณะที่เอ่ย มั่วเชียนเสวี่ยก็คลายสาบเสื้อด้วยตนเองแล้ว
“รีบถอดชุด แล้วนั่งลงเคลื่อนไหวลมปราณเร็วเข้า”
ตอนนี้หนิงเซ่าชิงรู้สึกเสียใจในภายหลังยิ่งนัก
เขาต้องโง่เง่าเพียงใด ถึงได้มอบยาเม็ดนี้ให้มั่วเชียนเสวี่ยในวันนี้
เมื่อกินยาแล้ว ก็จำเป็นต้องเคลื่อนลมปราณ ไม่อย่างนั้น ไม่เพียงแต่จะไม่เกิดผลลัพธ์ ยังจะทำให้ถึงแก่ชีวิตด้วย
อีกอย่าง วิธีการกินยาที่ดีที่สุด ก็คือเคลื่อนลมปราณทั่วร่างสามรอบ รอร่างกายอบอุ่น เจินชี่เคลื่อนไหวได้อย่างไม่ติดขัดค่อยกิน
เกลียดที่…
เหตุใดนางถึงได้รีบร้อนเช่นนี้
เสียใจที่…
เหตุใดตนเองไม่อธิบายวิธีการกินให้ชัดเจนก่อน ค่อยมอบให้นาง
เขารู้สึกถึงความหงุดหงิดต่างๆ…
คืนส่งตัวเข้าหอของเขาจะจบลงทั้งแบบนี้หรือ
หนิงเซ่าชิงอยากจะร้องไห้ แต่ไม่มีน้ำตา
แต่ทว่า ตอนนี้ไม่อาจคิดอันใดมากได้แล้ว…
หลังมั่วเชียนเสวี่ยเอ่ย “อ่อ” อย่างซื่อบื้อคำหนึ่ง ก็รู้ว่าท่าไม่ดีแล้ว รีบถอดเสื้อผ้าแล้วเคลื่อนลมปราณทันที หนิงเซ่าชิงทำได้แค่กัดฟันหลับตาลง ยื่นมือแล้วส่งกำลังภายในผ่านแผ่นหลังนาง
ผู้อื่นเข้าหอล้วนมีค่ำคืนวสันต์ คืนเข้าหอของเขาไม่เพียงจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น แต่ยังต้องปกป้องมั่วเชียนเสวี่ยอย่างยากลำบาก และปรับเจินชี่ให้นางอีกด้วย
ไม่เช่นนั้น เกรงว่ามั่วเชียนเสวี่ยจะถูกวิธีการกินยาที่ไม่เหมาะสมทำให้เจินชี่สับสน เส้นเอ็นระเบิดถึงแก่ความตายได้
มั่วเชียนเสวี่ยสวมเพียงแค่เสื้อชั้นในตัวเดียว และเคลื่อนไหวด้วยความยากลำบาก หนิงเซ่าชิงทำได้แค่มอง แต่กินไม่ได้ ทั้งยังต้องปกป้องนางสุดความสามารถอีกด้วย
ยังดีที่จิตใจของทั้งคู่เชื่อมถึงกัน มั่วเชียนเสวี่ยทำตามที่หนิงเซ่าชิงเอ่ยมาทั้งหมด…
ผ่านปรับเจินชี่ตลอดทั้งคืน ในที่สุดนางก็ย่อยยาเม็ดนั้นลงไป พลังเพิ่มขึ้นมาก
เมื่อลองพุ่งตัวขึ้นไปข้างบน ศีรษะก็กระแทกเข้ากับหลังคา นางเจ็บมาก
แม้เจ็บ แต่ความรู้สึกตัวเบาราวกับนกนางแอ่นนั้นทำให้นางสบายไปทั้งตัวจริงๆ
นางสบายใจมาก
แต่กลับมีคนทำสีหน้าทะมึน
เพราะข้างนอกฟ้าสางแล้ว
และยิ่งเป็นเพราะตอนนี้มีผัวจื่อมาเคาะประตู เพื่อรับผ้าที่มีหยดเลือดพรหมจรรย์ของเจ้าสาว ทั้งยังแจ้งว่าฮูหยินผู้เฒ่าตื่นแล้ว กำลังรอดื่มน้ำชาของเจ้าสาวอยู่…
ขณะที่รู้สึกจนปัญญา หนิงเซ่าชิงก็ถอนหายใจแรงๆ ใช้เข็มจิ้มเข้าที่นิ้วตนเอง หยดเลือดหยดหนึ่งลงบนผ้า นำใส่กล่อง แล้วส่งออกไป
ผัวจื่อที่มารับผ้าจากไปด้วยความพึงพอใจแล้ว
มั่วเชียนเสวี่ยถึงได้สติกลับคืนมา นางไม่ได้อยู่ในจวนกั๋วกง แต่แต่งเข้าตระกูลหนิง เป็นสะใภ้ตระกูลหนิงแล้ว นับแต่นี้เป็นต้นไปก็ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบตระกูลหนิง
การแต่งงาน เป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกบทหนึ่งของนาง