เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 582 จำเป็นต้องกลายเป็นสตรีชั่วร้าย (1)
นางเข้าไปนั่งเงียบๆ อยู่อีกด้านหนึ่ง ตอนนี้เองที่ฉือหมัวมัวยกน้ำแกงเข้ามา หนึ่งหม้อแบ่งเป็นสองส่วน
หลายวันมานี้ล้วนเป็นเช่นนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าปฏิบัติต่อนางด้วยท่าทีที่ดีมาก เห็นนางอยู่ที่นี่ ถึงหลังเที่ยง ตนเองดื่มน้ำแกงโสมก็ให้คนทำเตรียมเพิ่มอีกที่หนึ่ง
“ฮูหยินผู้เฒ่า น้ำแกงโสมมาแล้วเจ้าค่ะ ท่านดื่มสักหน่อย แก้เหนื่อยเจ้าค่ะ”
ฉือหมัวมัวยกน้ำแกงให้ฮูหยินผู้เฒ่าชามหนึ่ง พลางเรียกสาวใช้ที่อยู่ด้านข้างประคองให้ฮูหยินผู้เฒ่าดื่มแล้ว ก็ยกอีกชามหนึ่งมาให้มั่วเชียนเสวี่ย
มั่วเชียนเสวี่ยกำลังจะดื่ม วันนี้นางถูกทำให้เหนื่อยแทบแย่ เมื่อครู่ก็เดินเตร่อยู่ข้างนอกตั้งนานสองนาน เพื่อรอน้ำแกงหลังอาหารชามนี้
นางยกขึ้นมาเตรียมจะดื่ม แต่กลับได้กลิ่นขมปร่าของยาที่คล้ายมีคล้ายไม่มี
นางลองดมอย่างละเอียดอีกรอบ!
นี่คือน้ำแกง…ไร้บุตร!
การรับรู้นี้เหมือนกับสายฟ้าผ่าดังเปรี้ยง ทำให้มั่วเชียนเสวี่ยเกือบจะถือชามน้ำแกงในมือเอาไว้ไม่อยู่
หากไม่ใช่ว่าเมื่อก่อน กุ้ยเสี่ยวซีเคยยกมาให้นางดื่ม นางเกรงว่าจะถูกทำร้าย จึงบังคับให้ตนเองให้จดจำกลิ่นยาที่ส่งผลร้ายแรงต่อสตรีตัวนี้เอาไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะได้พบมันจริงๆ
นึกถึงความเป็นไปได้ของผลที่จะเกิดตามมาในภายหลังแล้ว หัวใจมั่วเชียนเสวี่ยก็ร่วงลงสู่หุบเขาลึก ทั้งยังรู้สึกหนาวยะเยือก!
นางโมโหแล้วจริงๆ!
มีความรู้สึกหุนหันพลันแล่นที่จะปาชามนี้ทิ้ง มีความรู้สึกเดือดดาลจนอยากจะสังหารคน!
แต่ในเวลานี้ นางไม่อาจทำเช่นนี้ได้
โดยพื้นฐานยาตัวนี้ไร้สีไร้กลิ่น แต่มีไม่บ่อย
หลังจากวันนั้น นางก็ได้ยินหนิงเซ่าชิงเอ่ยว่า ยานี้ไม่เพียงแต่มีไม่บ่อย แต่ยังน้อยเสียยิ่งกว่าน้อยด้วย
หากไม่ใช่ว่าทำทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ไม่ใช่ว่ามีเส้นสาย ก็ไม่มีทางนำยาตัวนี้ออกมาได้
ยานี่…ฮูหยินผู้เฒ่าเป็นคนใส่ให้นางหรือ?”
นางไม่เชื่อ!
แม้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะไม่ชอบนาง แต่ก็ยังหวังว่าเซ่าชิงจะมีลูกหลานเยอะ นางจะรับอนุภรรยาให้หนิงเซ่าชิงไม่หยุด ทั้งยังคิดจะให้สตรีตระกูลอวี่เหวินแต่งเข้ามา แสดงสีหน้าไม่พอใจใส่ตนเอง วางกลอุบายกับตนเอง ข่มตนเอง แต่นางไม่มีทางวางยาเช่นนี้กับตนเองเด็ดขาด
แต่ หากไม่ใช่ฮูหยินผู้เฒ่า แล้วยังจะมีใครที่มีความกล้ามากขนาดนี้อีก ใครที่มีความสามารถขนาดที่สามารถใส่ยาลงในชามได้?!
เซี่ยซื่อตายไปแล้ว หนิงเซ่าอวี่ก็ไปเป่ยตาฮวงแล้ว บุตรชายภรรยาเอกของหัวหน้าตระกูลรุ่นก่อนก็มีแค่หนิงเซ่าชิงคนเดียว ยังจะมีใครที่ริษยานางอีก?
นายท่านใหญ่? เขาไร้บุตรชายและบุตรี ทั้งยังถือกำเนิดจากอนุภรรยา แถมยังมีท่าทางเหมือนคนที่หมดแรง ไร้ชีวิตชีวา ฮูหยินใหญ่ก็เป็นคนไม่กล้าทำอะไร…แต่ว่า…
จิ้งฮูหยิน? เหมยฮูหยิน?
ชั่วขณะหนึ่ง มั่วเชียนเสวี่ยครุ่นคิดถึงทุกคนในใจรอบหนึ่ง แต่ก็รู้สึกว่าแต่ละคนล้วนน่าสงสัย ทั้งยังรู้สึกว่าแต่ละคนล้วนไร้เหตุผลและไม่มีความสามารถที่จะทำร้ายนาง
นางคิดไม่ออก จึงนิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้น
ฮูหยินผู้เฒ่าเปลี่ยนจากท่านั่งพิงเป็นนั่งตัวตรง และเตรียมจะดื่มน้ำแกง เมื่อเห็นมั่วเชียนเสวี่ยนิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะหยอกเย้า “ทำไมถึงไม่ดื่ม เมื่อวานยังบอกว่าน้ำแกงโสมคนเคี่ยวได้ดี อยากจะดื่มให้มากหน่อยไม่ใช่หรือ”
น้ำแกงโสมคนของฮูหยินผู้เฒ่านั้นไม่เลวจริงๆ ไม่ได้นำโสมคนมาต้มอย่างเดียว แต่ยังอาศัยน้ำแกงไก่มาเพิ่มรสชาติด้วย และยังเพิ่มสมุนไพรจำพวกพุทราจีน และกาวหนังลาที่บำรุงร่างกายสตรีโดยเฉพาะในนั้นด้วย
ทุกวันดื่มวันละชาม ไม่เพียงแต่จะบำรุงสุขภาพให้อายุยืนยาว ยังสามารถเสริมความงามได้ด้วย
เป็นของบำรุงชั้นดีที่มีไม่มากจริงๆ
ขณะที่มั่วเชียนเสวี่ยนิ่งอึ้ง ฮูหยินผู้เฒ่าก็ดื่มไปอึกหนึ่งแล้ว “เจ้าไม่ดื่ม ย่าดื่มก่อนแล้วกันนะ!”
เห็นฮูหยินผู้เฒ่าเป่าน้ำแกง เตรียมจะดื่มอึกที่สอง มั่วเชียนเสวี่ยก็รีบวางชามน้ำแกงให้มือ พลางยับยั้งไม่ให้ฮูหยินผู้เฒ่าดื่มน้ำแกง
“ท่านย่า น้ำแกงนี้ดื่มไม่ได้นะเจ้าคะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินนางเอ่ยอย่างร้อนรน ในใจก็ตะลึง และสงสัยขึ้นมา หรือว่าน้ำแกงจะมีปัญหาจริงๆ
แต่น้ำแกงนี้ เมื่อครู่นี้นางเพิ่งจะดื่มไป รสชาติของน้ำแกงไม่ได้ต่างจากยามปกติ ร่างกายก็ไม่ได้รู้สึกไม่สบายตรงไหน
จิตใจนางสงบนิ่ง ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มพลันกลายเป็นเย็นเยียบ
“มั่วซื่อ เจ้าบ้าไปแล้ว! เจ้ารู้ไหมว่าตนเองเอ่ยอันใดออกมา ข้าที่เป็นฮูหยินผู้เฒ่ายังต้องวางยาเจ้าที่เป็นคนรุ่นหลังคนหนึ่งเช่นนั้นหรือ” คำเรียกแทนตนเองเปลี่ยนจากย่าเป็นข้าในทันที
น้ำเสียงก็น่าเกรงขามยิ่ง สีหน้าเปี่ยมไปด้วยโทสะ
ทว่า ในใจของนางกลับลอบดีใจไปชั่วครู่ นังหนูนี่อดทนไม่ไหวแล้วหรือ
“เจ้าคุกเข่าเดี๋ยวนี้!”
มั่วเชียนเสวี่ยคุกเข่าตามคำสั่ง
บางเวลา ก็ไม่ใช่ตอนที่จะดื้อดึงหัวแข็ง
บางเรื่องราว มีเพียงแค่ตอนเปิดโปงความจริงออกมา แล้วได้เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปเปลี่ยน ถึงจะทำให้คนมีความสุขมากที่สุด นางรอ!
มั่วเชียนเสวี่ยที่ในใจโอบกอดโอกาสที่จะชนะเอาไว้ กลับมีสีหน้าน้อยใจ “ท่านย่า หลานสะใภ้ทำผิดตรงไหนหรือเจ้าคะ ท่านย่าไม่ชอบหลานสะใภ้ ก็ไม่สามารถทำแบบนี้กับหลานสะใภ้…”
ชักนำให้เข้าใจผิดต่อไป
ฮูหยินผู้เฒ่าตวาดเสียงดัง “บังอาจ! นำน้ำแกงนางมา ข้าจะทดสอบพิษด้วยตนเอง เป็นโชคร้ายของคนในตระกูลจริงๆ ที่มีบุตรหลานอกตัญญูเช่นนี้”
น้ำแกงนี้ออกมาจากหม้อเดียวกัน ชามของนางไม่มีปัญหา นางก็เชื่อว่าชามของมั่วเชียนเสวี่ยก็ไม่มีเช่นกัน
หากวันนี้เรื่องที่นางทดสอบพิษให้มั่วซื่อแพร่ออกไป ไม่ว่าน้ำแกงนี้จะมีปัญหาหรือไม่ มั่วซื่อก็ไม่สามารถยืนหยัดต่อไปได้
มั่วเชียนเสวี่ยย่อมรู้เหตุผลนี้ แม้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะอายุมากแล้ว ทั้งยังเป็นหม้าย สำหรับนางแล้วจะดื่มน้ำแกงชามนี้หรือไม่นั้นก็ไม่ต่างกัน
แต่ยาประเภทนี้ ถึงจะทำอย่างละเอียดรอบคอบเพียงใด ดื่มเข้าไปแล้วก็จะทำให้เป็นโรคที่ร่างกายมีแต่ธาตุเย็น แม้ว่าอาการจะไม่กำเริบทันที แต่ในภายหลังก็จะกลายเป็นปัญหาที่ไม่อาจแก้ได้ มือเท้าเย็นเฉียบ
หากนางรู้ว่าในน้ำแกงมีปัญหาแล้วไม่ห้าม ว่ากันตามตรง ก็เป็นการอกตัญญูยิ่ง
“ฮูหยินผู้เฒ่า ร่างกายท่านบอบบาง จะทดสอบพิษได้เช่นไรเจ้าคะ หากท่านยืนกรานจะให้หลานสะใภ้ดื่มน้ำแกงที่ใส่อะไรบางอย่างในชามนี้ลงไป หลานสะใภ้ดื่มก็ได้”
เอ่ยจบ ก็ยกชามขึ้นมา นัยน์ตาคลอไปด้วยน้ำตา ขณะจะดื่ม
เพียงแต่ การเคลื่อนไหวกลับเชื่องช้ายิ่ง เหมือนกับจะต้องดื่มสารหนูที่อันตรายถึงชีวิตอย่างไรอย่างนั้น
ฉือหมัวมัวก้าวออกมา นางย่อมเชื่อว่าน้ำแกงไม่มีปัญหา “ฮูหยินผู้เฒ่า เชิญท่านหมอมาดูสักหน่อยก็ได้แล้วเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าไม่เอ่ยอันใด ก็หมายความว่าอนุญาตไปโดยปริยาย “เจ้าน่ะ ไปเชิญหมอหลี่มา”
นางเพียงแค่อยากรู้ว่า เหตุใดมั่วเชียนเสวี่ยแค่ดมกลิ่นน้ำแกงชามนี้ก็บอกว่าน้ำแกงมีปัญหา
นางเชื่อใจคนในเรือนของตนเอง แน่นอนว่าเป็นเพราะนางดื่มน้ำแกงไปคำหนึ่ง น้ำแกงไม่ได้มีอันใดผิดปกติ
หากน้ำแกงของตัวมั่วซื่อผิดปกติ ก็หมายความว่านางวางกลอุบายโดยใส่อะไรเข้าไปในชามตนเอง ดูท่า สตรีนางนี้จะอดทนไม่ไหวแล้ว
จากที่นางรู้มา มั่วเชียนเสวี่ยไม่มีความรู้ทางการแพทย์ นางไม่เชื่อว่า มั่วเชียนเสวี่ยแค่มองแวบเดียวก็สามารถรู้ได้ว่าน้ำแกงมีปัญหา
น่าจะเป็นตัวนางเองที่มีปัญหา
คิดจะใส่ร้ายตนเองในเรือนของตนเอง? ช่างไร้เดียงสาเสียจริง!
นางต้องใช้การกระทำมาบอกนางว่า ขิงยิ่งแก่ก็ยิ่งเผ็ด นางยิ่งอายุมากก็ยิ่งมีความรู้ มีประสบการณ์มากขึ้น
หมอหลี่เป็นหมอที่ฮูหยินผู้เฒ่าใช้งานโดยเฉพาะ เขาไว้เคราแพะยาวเหมือนกับหมอจำนวนมาก ใบหน้าก็ซูบตอบ
แต่มั่วเชียนเสวี่ยกลับไม่กล้าดูแคลนเขาแม้แต่น้อย
ความรู้ทางการแพทย์ของเขาอาจสู้ตาเฒ่าประหลาดนั่นไม่ได้ แต่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในตระกูลขุนนางเก่าแก่ได้ กลายเป็นหมอประจำตัวฮูหยินผู้เฒ่าได้ ระดับความรู้ทางการแพทย์จะต้องไม่แย่แน่นอน
หมอหลี่ยกชามน้ำแกงขึ้นมาดมเล็กน้อย สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที!
การที่ยาตัวนี้ปรากฏขึ้นในเรือนฮูหยินผู้เฒ่า ปรากฏขึ้นในชามน้ำแกงของฮูหยินน้อย ไม่ใช่เรื่องเล็กเลยจริงๆ เขาก็ไม่ผลีผลามตัดสินใจเช่นกัน