เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 588 ความรู้สึกมีความสุข (5)
นางไอ พลางเอ่ยเสียงเบาว่า “ลำบากฉือหมัวมัวแล้ว รบกวนท่านวิ่งมาถึงที่นี่รอบหนึ่ง เดิมก็เป็นความผิดของข้าที่ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าต้องรอนาน รบกวนท่านช่วยตอบกลับฮูหยินผู้เฒ่าว่า หลานสะใภ้เตรียมตัวสักครู่แล้วจะไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่ายามเช้า”
ฉือหมัวมัวสีหน้าเปลี่ยน แต่ก็เลือกที่จะฟังมั่วเชียนเสวี่ย แล้วหมุนตัวกลับไป
ซุนหมัวมัวกับเยวี่ยเซี่ยและคนอื่นๆ รีบเข้าไปปรนนิบัติอย่างใกล้ชิด อาศัยความเร็วสูงสุดในการแต่งตัวให้มั่วเชียนเสวี่ย
ประการแรกฮูหยินสวมอาภรณ์ซับซ้อน ถึงจะเร็วเพียงใด ก็เร็วไม่ได้เท่าใดนัก
เห็นเวลาไม่เช้าแล้ว หากยื้อต่อไป ก็น่าจะถึงเวลาพักผ่อนยามบ่ายของฮูหยินผู้เฒ่าแล้ว จึงไม่มีเวลากินอะไรรองท้อง มั่วเชียนเสวี่ยรีบร้อนตรงไปยังเรือนฉือหย่าง
ตอนที่มาถึงในห้องของฮูหยินผู้เฒ่า ฮูหยินผู้เฒ่าก็กินอาหารกลางวันเสร็จแล้ว กลางห้องโถงมีสตรีชราผู้หนึ่งคุกเข่าอยู่
นี่คือแพะรับบาป มั่วเชียนเสวี่ยรู้ดีอยู่แก่ใจ
คารวะฮูหยินผู้เฒ่ายามเช้าแล้ว ก็ทักทายสองสามประโยค ฮูหยินผู้เฒ่าแสร้งทำเป็นถามถึงสุขภาพของนางอย่างเลี่ยงไม่ได้ นางก็ขอบคุณอย่างเกรงใจ
หลังจากสนทนากันไปมา หัวข้อสนทนาก็ย้ายไปยังร่างคนที่คุกเข่าอยู่กลางห้องโถง
ไม่ต้องให้นางถาม คนผู้นั้นก็สารภาพว่า เป็นนางที่ใส่ยาลงในน้ำแกง และนำห่อยาไปไว้ในห้องของฉือหมัวมัว โยนความผิดให้ฉือหมัวมัว เพราะมีเรื่องขัดแย้งกับฉือหมัวมัว…
นี่คือคำอธิบายที่ฮูหยินผู้เฒ่ามีให้นางอย่างนั้นหรือ
เห็นนางเป็นคนโง่ที่หลอกได้ง่ายๆ เช่นนั้นหรือ!
มั่วเชียนเสวี่ยหิวยิ่ง คนก็ไร้กำลังวังชา แต่ว่าตอนนี้ กระทั่งน้ำชาในเรือนฮูหยินผู้เฒ่า นางก็ไม่กล้าดื่ม
สำหรับแผนการเช่นนี้ของฮูหยินผู้เฒ่า มั่วเชียนเสวี่ยไม่ได้แสดงความเห็นใด
รอคนผู้นั้นสารภาพจบแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าก็สั่งให้คนนำตัวนางไปโบยให้ตาย เป็นการเตือนว่าไม่ให้ใครเอาเยี่ยงอย่าง!
ละครตลกจบลงแล้ว ไม่รอให้ฮูหยินผู้เฒ่าหาเหตุผลมา มั่วเชียนเสวี่ยก็อาศัยเหตุผลว่าตนเองสุขภาพไม่ดี จำเป็นต้องพักผ่อน ขอร้องให้ฮูหยินผู้เฒ่าระงับเรื่องการเรียนรู้งานในเรือนของนางไปชั่วคราว
ผ่านความยุ่งวุ่นวายสามวันนี้มา มั่วเชียนเสวี่ยก็รู้ว่าการเคลื่อนย้ายตระกูลหนิงทั้งตระกูลเป็นเรื่องเร่งด่วนมาก ตอนนี้เรื่องที่นางต้องทำมีเยอะมาก
นางต้องจัดการเรื่องในบ้านไร่ให้เรียบร้อยก่อน รอหนิงเซ่าชิงขนส่งดินและน้ำจากเป่ยต้าฮวงมา ก็สามารถเริ่มต้นแผนการสังเกตและการเพาะปลูกพืชได้ทันที โดยไม่ต้องล่าช้าสักวันเดียว
การขอร้องของมั่วเชียนเสวี่ยตรงกับความปรารถนาของฮูหยินผู้เฒ่า
เดิมนางก็อยากให้มั่วเชียนเสวี่ยถอดใจ
เช่นนี้ ก็ไม่ใช่ว่านางไม่ปล่อยมือจากอำนาจ แต่มีคนไม่เอาไหน ส่งเสริมไม่ขึ้น
อีกอย่าง นางก็มองออกว่า วันนี้สภาพจิตใจของมั่วเชียนเสวี่ยไม่ดีจริงๆ กระทั่งเอ่ยวาจายังปวกเปียกไร้เรี่ยวแรง
หรือว่าข่าวลือข้างนอกจะเป็นความจริง?
แต่จากความเข้าใจที่นางมีต่อมั่วเชียนเสวี่ย ก็คล้ายจะผิดปกติอยู่บ้าง
ถึงอย่างไรก็ตรงกับความปรารถนาของตนเอง ส่วนที่ว่ามั่วเชียนเสวี่ยขี้ขลาดจริงๆ หรือว่าแกล้งทำเป็นขี้ขลาด ฮูหยินผู้เฒ่าก็ไม่ไปสนใจอีก
นางพลันยิ้มตาหยี ดึงมือมั่วเชียนเสวี่ย พลางเอ่ยว่า “เจ้าน่ะ อะไรก็ดีหมด แต่สุขภาพอ่อนแอเกินไป สมควรจะบำรุงสุขภาพให้ดีสักหน่อย ปีหน้าจะได้คลอดหลานชายตัวขาวอวบๆ ให้ย่าคนหนึ่ง…”
มั่วเชียนเสวี่ยรีบลุกขึ้นขอบคุณ
ฮูหยินผู้เฒ่าจูงมือนางเดินไปข้างนอก
พื้นด้านนอกล้วนเต็มไปด้วยหิมะ แต่หิมะกลับหยุดแล้ว
ทัศนียภาพในจวนหนิงมีเอกลักษณ์ งดงามเป็นพิเศษ
ฮูหยินผู้เฒ่าจับมือนาง เดินไป พลางเอ่ยว่า “สุขภาพไม่ดี ก็บำรุงเสีย อย่าขังตนเองไว้ในเรือน ทั้งยังไม่สามารถกักขังบุรุษไว้ข้างกายได้ ไม่อย่างนั้น ผู้อื่นจะหัวเราะได้ หากสาวใช้ผัวจื่อใช้แล้วไม่สบายใจ ย่าจะส่งคนไปให้เจ้าสักหน่อย…”
วาจานี้เอ่ยด้วยสีหน้าเปี่ยมรอยยิ้ม แต่กลับกระแทกใจมั่วเชียนเสวี่ยเล็กน้อย
ฮูหยินผู้เฒ่าไม่พอใจที่หนิงเซ่าชิงใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่เป็นเพื่อนนางในห้อง
จึงคิดจะแทรกคนของสนิทของตนเองมาไว้ข้างกายนางในตำแหน่งที่เหมาะสม
ไม่พอใจก็ช่าง มั่วเชียนเสวี่ยตอบยิ้มๆ “ท่านย่าสั่งสอนได้ถูกต้องเจ้าค่ะ หลังจากนี้หลานสะใภ้จะเกลี้ยกล่อมหัวหน้าตระกูล ไม่ให้เขาว่างๆ ไม่มีอะไรทำ ก็หมกตัวอยู่เป็นเพื่อนหลานสะใภ้ในเรือน แม้ว่าจะเพิ่งแต่งงานก็ไม่ได้…”
นางหน้าแดงระเรื่อขณะเอ่ย “ส่วนเรื่องกำลังคน ซุนหมัวมัว จื่อจิง และเยวี่ยเซี่ยล้วนเป็นคนเก่าแก่ข้างกายหัวหน้าตระกูล หลานสะใภ้ก็นำสาวใช้ติดตัวมาด้วยเล็กน้อย ไหนเลยจะกล้ารบกวนให้ท่านย่าหนักใจ”
คนเก่าแก่อะไร? สาวใช้ที่เป็นสินเดิมอันใด ล้วนเป็นคำที่น่าเชื่อถือในยุคโบราณ ความหมายโดยนัยในวาจาของมั่วเชียนเสวี่ยชัดเจนเช่นนี้ ฮูหยินผู้เฒ่ามีสีหน้าไม่สบอารมณ์ แต่ดันหาความผิดไม่พบ ดังนั้นจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“ย่ายังคงต้องแบกภาระเช่นนี้ต่อไปอีกระยะเวลาหนึ่ง ไม่รู้ว่าเมื่อใดถึงจะสามารถปลดภาระหนักบนบ่านี้ลงได้”
“ท่านย่าดูแลจวนหนิงแห่งนี้ด้วยความระมัดระวัง และทุ่มเทสติปัญญาทั้งหมดที่มีเพื่อจัดการเรื่องต่างๆ ท่านพ่อสามีกับหัวหน้าตระกูลล้วนเห็นอยู่ในสายตา จะโทษก็ต้องโทษหลานสะใภ้ที่สุขภาพไม่สู้ดี ไม่อาจแบ่งเบาภาระของท่านย่าได้ ในอนาคต เมื่อบำรุงสุขภาพจนแข็งแรงดีแล้ว จะต้องมาคอยปรนนิบัติอยู่ข้างกายท่านย่าแน่นอนเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินว่า บำรุงสุขภาพจนแข็งแรงดีแล้วจะมาอีก ก็เอ่ยยิ้มๆ ว่า “เจ้าก็ไม่ต้องรีบร้อน บำรุงสุขภาพให้แข็งแรงถึงจะเป็นเรื่องสำคัญ”
มั่วเชียนเสวี่ยลอบด่าว่ายัยจิ้งจอกเฒ่า!
ทั้งสองคนประคองกันชมทัศนียภาพหิมะขาวโพลนในเรือนทั้งอย่างนี้ ไม่มีผู้ใดเอ่ยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับฉือหมัวมัวในเรือนจื่อจู่หว่านก่อนหน้านี้ และไม่มีผู้ใดเอ่ยถึงเรื่องน้ำแกงไร้บุตรเช่นกัน
ราวกับว่า ทั้งสองเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
คนนอกที่ไม่รู้เรื่องเห็นแล้ว ก็นึกว่าความสัมพันธ์ของย่ากับหลานสะใภ้คู่นี้สนิทสนมกันมาก แต่ความจริงมีแค่ตัวพวกนางเองที่รู้ว่า วาจาของฝ่ายตรงข้ามมีความจริงใจกี่ส่วน
ผ่านการวิเคราะห์ตลอดช่วงเช้า หัวหน้าตระกูลหนิงรุ่นก่อนกับจงเหล่าใหญ่ รวมไปถึงผู้อาวุโสอีกสองคนล้วนเห็นพ้องต้องกันว่าต้องเสนอเงื่อนไขกับตระกูลซู หนิงเซ่าชิงก็คิดเช่นเดียวกัน
ดังนั้นในช่วงบ่ายวันเดียวกัน หัวหน้าตระกูล หัวหน้าตระกูลรุ่นก่อน รวมไปถึงผู้อาวุโสหลายคนของทั้งสองตระกูลล้วนนั่งอยู่ในห้องส่วนตัวชั้นสามของภัตตาคารอวี่จี้
บนชั้นสามนี้มีห้องส่วนตัวเพียงแค่สองห้อง ตอนนี้ในห้องหนึ่งใช้ในการเจรจาหารือ อีกห้องหนึ่งล้วนเป็นองครักษ์ทั้งหมด บนระเบียงทางเดินก็มีการป้องกันอย่างเข้มงวด
หนิงเซ่าชิงนำสมุดเล่มเล็กที่ด้านในมีภาพอ่างเก็บน้ำ ประตูน้ำ และยังมีเส้นทางการระบายน้ำที่มั่วเชียนเสวี่ยวาดเรียบร้อย รวมไปถึงคำแนะนำในการบริหารจัดการน้ำเต็มหน้ากระดาษหลายหน้ามอบให้จงเหล่าใหญ่
จงเหล่าใหญ่เปิดให้ซูจิ่นอวี้ผู้เป็นหัวหน้าตระกูลซู หัวหน้าตระกูลซูรุ่นก่อน และผู้อาวุโสใหญ่ของตระกูลซูที่นั่งอยู่ในที่นี้ดูด้วยความระมัดระวัง
พลิกเปิดเพียงแค่ไม่กี่หน้า ซูจิ่นอวี้ก็จ้องตาไม่กระพริบแล้ว หัวหน้าตระกูลซูรุ่นก่อน และผู้อาวุโสอีกหลายคนนั้นมีท่าทางเกินจริงยิ่งกว่า
เพื่อที่จะจัดการควบคุมพื้นที่รัฐศักดินาแห่งนั้นให้เรียบร้อย วิธีการใด พวกเขาล้วนเคยคิดมาหมดแล้ว
เรื่องแรกที่หัวหน้าตระกูลทุกรุ่นเข้ารับตำแหน่งทำก็คือโครงการชลประทาน
แต่ในปีที่สอง ปีที่สาม ก็ยอมแพ้
เป็นเช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมา กำลังคน กำลังทรัพยากรล้วนเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ การจัดการน้ำยังคงไม่ได้ผลมาเป็นเวลานานหลายปี
คนที่ตระกูลซูส่งไปจัดการน้ำย่อมไม่โง่เขลา และคิดจะสร้างอ่างเก็บน้ำ และยิ่งรู้ว่าต้องสร้างเขื่อนกั้นน้ำ
หลายปีมานี้ ตระกูลซูส่งคนไปจัดการเรื่องน้ำท่วมหลากอย่างต่อเนื่อง เขื่อนนั่นซ่อมไปซ่อมมา ตอนที่น้ำท่วมหลากมาก็ไม่ใช่ว่าไหลออกจากเขื่อนช้าๆ แต่มักจะมีหลายจุดที่พังทลาย ทำให้ทั้งเขื่อนพังทลายตามไปด้วย
อ่างเก็บน้ำก็ขุดไม่ลึก ขุดจนได้ความลึกประมาณหนึ่ง ด้านในเต็มไปด้วยน้ำ แล้วจะระบายน้ำหรือเก็บน้ำได้อย่างไร
อ่างเก็บน้ำในภาพนี้อาศัยวิธีการระบายน้ำพิเศษ ทั้งยังมีวิธีการเปิดช่องทางชักนำน้ำที่ยอดเยี่ยม ยิ่งกว่านั้นยังมีประตูน้ำ เมื่อระดับน้ำถึงจุดที่กำหนด ก็ยังสามารถสละพื้นที่เล็กๆ ไปใช้ระบายน้ำที่ท่วมได้อีกด้วย