เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 598 บทสรุป (9)
แต่ว่าเขากลับไม่อยากทน แต่ไม่จำเป็นต้องทน
เขาดึงบิดามาด้วย เพื่อให้ท่านจัดการปัญหานี้
เตาหนูทะยานเข้ามาจากด้านนอก ดึงหัวหน้าตระกูลอวี่เหวินแล้วจะโยนออกไปข้างนอก
ฮูหยินผู้เฒ่าร้อนใจ
นี่มันอะไรกัน!
นางยังไม่ทันได้เอ่ยวาจาใด ทำไมถึงได้ลงมือเสียแล้วล่ะ
คราวนี้ไม่มีเวลาจะเอ่ยวาจา ก็เร่งรีบไปขวางอยู่ตรงหน้าหัวหน้าตระกูลอวี่เหวิน “ข้าจะดูสิว่า พวกเจ้า ใครกล้าโยนเขาออกไป”
นางเอ่ยด้วยท่าทางราวกับคิดจะโยนเขาออกไป ก็ให้โยนข้าออกไปก่อนค่อยว่ากัน!
หนิงเซ่าชิงหรี่ตามองฮูหยินผู้เฒ่าแวบหนึ่ง แล้วหันหน้าไปสั่งเตาหนูด้วยน้ำเสียงราบเรียบและสงบนิ่ง “เตาหนู โยน!”
ทันทีที่หัวหน้าตระกูลอวี่เหวินพาคนเข้ามาในจวนหนิง เขาก็รู้แล้ว
เขาไม่ขัดขวาง เพราะต้องการดูว่าท่านย่าจะทำอย่างไร
คราวที่แล้ว บิดาเอ่ยได้ชัดเจนมาก และอธิบายโฉมหน้าที่แท้จริงของตาเฒ่าอวี่เหวินให้ท่านย่าฟังอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
ตอนนี้ตาเฒ่าอวี่เหวินไม่เพียงแต่จะไม่ระลึกถึงความดีของตระกูลหนิง แต่ยังสวามิภักดิ์ต่อราชวงศ์ในช่วงเวลาวิกฤตอย่างเปิดเผยด้วย
เขาเชื่อว่า ท่านย่าจะต้องรู้เรื่องที่อวี่เหวินหันเหล่ยเข้าวังเป็นกุ้ยเฟยแน่นอน
เขานึกว่า นางจะเป็นเดือดเป็นร้อนแทนตระกูลหนิง นึกว่านางจะโมโหแล้วไล่คนทั้งหมดออกไปด้วยตนเอง
ผลลัพธ์ ผลลัพธ์ที่ได้มานั้นไม่เพียงแต่จะไม่ไล่คนออกไป แต่ยังมอบสตรีให้กับเขาสองคน สร้างปัญหาให้เชียนเสวี่ย
ทั้งยังให้คนมาเร่งบิดาให้มาที่นี่ครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อคารวะยามเช้าแก่ผู้ที่เรียกได้ว่าเป็นน้าชาย
นางไม่ดูเลยว่าเขามีความประพฤติเช่นไร ไม่ดูเลยว่าเขามีฐานะอะไร
นางสร้างปัญหาวุ่นวายให้กับบุตรชายและหลานชายของตนเองทั้งแบบนี้
เขาเคยบอกไปแล้วว่า หากนางทำเพื่อตระกูลหนิงจริงๆ เขาจะไม่ถือสาเรื่องในอดีต นางยังคงเป็นท่านย่าที่เขาเคารพในใจ
แต่หากนางสร้างความทุกข์ใจให้กับเชียนเสวี่ยเพียงเพื่อตระกูลอวี่เหวิน สร้างความทุกข์ใจให้กับบิดา เขาจะทำให้นางทุกข์ใจเช่นกัน
แน่นอนว่า เขายังคงปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดี และยังคงให้นางได้เสพสุขกับความรุ่งเรืองมั่งคั่งในจวนแห่งนี้
เสียดายที่ครั้งที่แล้ว เขาเป็นเดือดเป็นร้อนแทนนาง ตำหนิเชียนเสวี่ยของเขาในวันปีใหม่
ท่านย่า ไม่สิ! ฮูหยินผู้เฒ่าของตระกูลหนิงทำให้เขาผิดหวังเกินไปแล้วจริงๆ
“ขอรับ”
เตาหนูรับคำเสียงดัง แล้วลงมือทันที
ขอเพียงแค่หัวหน้าตระกูลออกคำสั่ง เขาก็มีวิธีการมากมายที่จะไม่ทำร้ายฮูหยินผู้เฒ่า และสามารถทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าไม่อาจขัดขวางได้
ฮูหยินผู้เฒ่ารับมือไม่ทันจึงถูกสกัดจุดให้ขยับเขยื้อนไม่ได้ ต้องยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
นางทำได้แค่มองเตาหนูโยนหลานชายแท้ๆ ของนางออกไปแบบนั้น
ก่อนหน้านี้นางตวาดว่า “บ่าวมากเล่ห์ เจ้ากล้า!”
ก่อนหน้านั้นนางข่มขู่ “บ่าวชั้นต่ำ เจ้ากล้ามาก ข้าจะต้องจัดการเจ้าแน่นอน…”
สุดท้ายเตาหนูก็หายลับไปจากสายตานาง พร้อมกับเสียงร้องไห้อันน่ารันทดใจของหัวหน้าตระกูลอวี่เหวิน
ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ใส่ใจภาพลักษณ์ และทนรับความไม่เป็นธรรมในใจไม่ได้ จึงด่ากราดออกมา
“หนิงเซ่าชิง เจ้า…เจ้ามันหลานอกตัญญู! เจ้ากล้าได้อย่างไร…”
ด่าหนิงเซ่าชิงเสร็จ ฮูหยินผู้เฒ่าก็ด่าหัวหน้าตระกูลรุ่นก่อน
“เจ้ามันบุตรอกตัญญู ถือเสียงว่าข้าไม่ได้คลอดเจ้ามา ข้าเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวดูแลเจ้าจนเติบใหญ่ เจ้ากลับมองดูบุตรชายเจ้ารังแกข้า…”
คนข้างนอกได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าทั้งด่าทั้งกรีดร้อง ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามา
หัวหน้าตระกูลรุ่นก่อนกับหัวหน้าตระกูลอยู่ตรงหน้า คนที่ฮูหยินผู้เฒ่าด่าก็คือพวกเขา พวกนางเกรงว่าตนเองเข้าไปใกล้ ก็จะกลายเป็นการรนหาที่ตาย
ฮูหยินผู้เฒ่าด่าหัวหน้าตระกูลรุ่นก่อนกับหัวหน้าตระกูล พวกเขาไม่เพียงแต่จะไม่กล้าเข้าไปใกล้ กระทั่งฟังก็ไม่กล้าฟัง
ทั้งหมดล้วนปิดหูตนเองทันที
ในเรือนเงียบสงัดราวกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
ฮูหยินผู้เฒ่าโมโหจนหายใจหอบ ยืนด่ากราดอยู่กลางห้องโถง
หัวหน้าตระกูลทนไม่ไหว ก้าวเข้าไปอย่างคิดจะคลายจุดให้ฮูหยินผู้เฒ่า หนิงเซ่าชิงกลับดึงเขาไปอีกด้านด้วยสีหน้าเย็นชา
เจ็บปวดระยะยาวไม่สู้เจ็บปวดสั้นๆ!
มีเพียงแต่ข้ามขวากหนามนี้ไปได้ ฮูหยินผู้เฒ่าถึงจะรู้ว่าจิตใจของพวกเขาไม่เหลือที่ว่างให้เปลี่ยนแปลงแล้ว ถึงจะเอ่ยขอร้อง ขอเงินให้ตระกูลอวี่เหวินต่อหน้าพวกเขาอีก
ครู่หนึ่ง!
หนิงเซ่าชิงได้ยินเสียงหัวหน้าตระกูลอวี่เหวินไกลออกไปเรื่อยๆ คาดว่าออกประตูรองไปแล้ว
เขาถึงได้ลงมือคลายจุดให้กับฮูหยินผู้เฒ่า
ฮูหยินผู้เฒ่าได้รับอิสระก็สะบัดมือตบลงบนใบหน้าหนิงเซ่าชิงไปครั้งหนึ่ง
การตบในครั้งนี้แรงมาก มุมปากของหนิงเซ่าชิงมีคราบโลหิต ใบหน้าก็บวมแดงขึ้นมาทันที
หัวหน้าตระกูลรุ่นก่อนสงสารบุตรชาย จึงก้าวเข้าไปปลอบประโลม แต่กลับถูกฮูหยินผู้เฒ่าตบไปหลายครั้งคล้ายกับเป็นบ้า
หัวหน้าตระกูลรุ่นก่อนกับหนิงเซ่าชิงล้วนมีวรยุทธ์ยอดเยี่ยม ถูกสตรีในห้องหอตบหน้าได้ ย่อมเป็นเพราะความกตัญญู
ฮูหยินผู้เฒ่าตบไปหลายครั้งก็ยังไม่หายโมโห แต่ว่าตบบุตรชายกับหลานชายตนเอง ย่อมปวดใจเช่นกัน
นางนั่งลงอย่างจนปัญญา
สุดท้ายนางก็ไม่ใช่สตรีในตลาด ตบเสร็จแล้ว ก็ไม่เอ่ยปากด่าอีก เพียงแค่นั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้นเงียบๆ
ในเมื่อเรื่องดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว หัวหน้าตระกูลรุ่นก่อนก็ตัดสินใจดึงหนิงเซ่าชิงให้คุกเข่าลง
ไม่มีคำอธิบาย ไม่มีคำปลอบใจ
การคุกเข่านี้เป็นเพราะความกตัญญู ไม่ได้เป็นการประนีประนอมในเรื่องนี้
ไม่ว่าพวกเขาจะมีเหตุผลหรือไม่ ฮูหยินผู้เฒ่าก็เป็นผู้อาวุโส พวกเขาทำแบบนี้ เป็นการไม่เคารพต่อผู้อาวุโส และอกตัญญูยิ่งนัก
ฮูหยินผู้เฒ่านั่งโมโหเช็ดน้ำตาอยู่บนเก้าอี้ บิดาและบุตรสองคนนั่งคุกเข่ารับโทษอยู่ที่พื้น
ในห้องเงียบเป็นเวลานานมาก
ฮูหยินผู้เฒ่าไม่เอ่ยปาก หนิงเซ่าชิงก็ไม่กล่าวอันใด หัวหน้าตระกูลรุ่นก่อนครุ่นคิดอยู่นาน ก็เอ่ยวาจาที่เต็มไปด้วยความจริงใจและมีนัยลึกซึ้งออกมา
“ลูกรู้ผิดแล้ว แต่เรื่องตระกูลอวี่เหวิน ท่านเข้าใจเรื่องข้างนอกของตระกูลหนิงเท่าใด เรื่องอื่นๆ ลูกไม่อยากเอ่ยให้มากความอีก ลูกรู้เพียงแค่ว่า ท่ามกลางสถานการณ์ในตอนนี้ ตระกูลอวี่เหวินถวายสตรีให้กับฮ่องเต้อย่างเปิดเผย ก็เป็นการประกาศต่อราชวงศ์ว่า ตระกูลอวี่เหวินพึ่งพาอาศัยฮ่องเต้ แค่จุดนี้ท่านก็ยังคิดไม่ได้อีกหรือขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่าฟังวาจาของหัวหน้าตระกูลรุ่นก่อนแล้ว แม้ว่าจะกล้ำกลืนโทสะในใจไม่ลง แต่สุดท้ายก็เป็นบุตรชายของตนเอง และเคยเป็นหัวหน้าตระกูลมาก่อน อายุมากแล้ว สุขภาพก็ไม่ดี ทั้งยังกลั้นไอไม่หยุด คุกเข่าอยู่ตรงนั้น ก็เหมือนคุกเข่าในใจนาง
ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น สองคนนี้เป็นที่พึ่งของตนเองในภายภาคหน้า
ซ้ายก็รู้สึกแย่ ขวาก็สงสาร
ครู่หนึ่ง ฮูหยินผู้เฒ่าถึงได้โบกผ้าเช็ดหน้าในมือ “พวกเจ้าออกไปเถอะ”
ตอนนี้ฮูหยินผู้เฒ่าอ่อนล้าทั้งใจและกาย แต่กลับคิดว่า จะขอโทษหลานชายตนเองอย่างไร คิดว่าจะเปลี่ยนแปลงความคิดบุตรชายกับหลานชายตนเองเช่นไร
เมื่อได้ยินวาจาของฮูหยินผู้เฒ่า หัวหน้าตระกูลรุ่นก่อนก็ยังคงลังเลคุกเข่าอยู่บนพื้น หนิงเซ่าชิงกลับยืดตัวตรงแล้วลุกขึ้นจากพื้น
ขณะเดียวกันกับที่เขาลุกขึ้น ก็ลากหัวหน้าตระกูลรุ่นก่อนให้ลุกขึ้นยืนด้วยเช่นกัน
ฮูหยินผู้เฒ่าไม่สงสารบิดา เขาสงสาร!
แม้ว่าจะเป็นช่วงเดือนสาม แต่สภาพอากาศก็ยังไม่ได้อบอุ่นเสียทีเดียว เขากลัวว่าเข่าของบิดาจะถูกความเย็นจนทำให้ไอหนักขึ้นกว่าเดิม
หนิงเซ่าชิงไม่เอ่ยอันใดให้มากความ ลากหัวหน้าตระกูลรุ่นก่อนออกจากเรือนฉือหย่างไปตลอดทาง