เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 599 บทสรุป (10)
หนิงเซ่าชิงเตรียมจะส่งหัวหน้าตระกูลรุ่นก่อนกลับไป แต่เขากลับส่ายหน้า แล้วชี้ไปยังทิศทางเรือนนอก
ในห้องโถงประชุมของเรือนหน้า ยังมีคนกำลังรอพวกเขาเพื่อหารือเรื่องสำคัญอยู่
ดังนั้น บิดาและบุตรที่ถูกฮูหยินผู้เฒ่ารบกวน ก็ลากสังขารอ่อนล้าไปยังเรือนหน้าอีกครั้ง หลังจากที่ให้คนโยนหัวหน้าตระกูลอวี่เหวินออกไป
สถานการณ์ในตอนนี้เคร่งเครียดขึ้นทุกวัน ช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายอยู่ตรงหน้า
ตระกูลอวี้ฉือไม่ใช่ตระกูลเซี่ย และไม่ใช่ตระกูลหลู
ตระกูลเขาร่ำรวย มีอำนาจ ทั้งยังมีอิทธิพลลับๆ ส่วนหนึ่ง และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลที่เร้นกายหลบซ่อนในแต่ละรุ่น ในบางแง่มุมตระกูลเขาสามารถแทนสองตระกูลซูและหนิงได้อย่างสมบูรณ์เป็นการชั่วคราว
เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว การทำสงครามครั้งหนึ่งจะต้องบาดเจ็บเสียหายด้วยกันทั้งสองฝ่ายแน่นอน
เมื่อได้หารือ ก็หารือกันตลอดทั้งคืน
ตระกูลหนิงกำลังประชุม ตระกูลซูยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเลย พวกเขาเคลื่อนไหวนานแล้ว
คนแต่ละขบวนๆ ถูกส่งไปยังที่ดินศักดินาทางตอนใต้
ฮ่องเต้ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจกับการกระทำเอิกเกริกของตระกูลซู หัวหน้าตระกูลคนไหนที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งแล้วไม่กระทำเรื่องราวเช่นนี้บ้าง
หนิงเซ่าชิงไม่ได้กลับมาทั้งคืน นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แม้มั่วเชียนเสวี่ยจะรู้ว่าเป็นเพราะเขายุ่งเกินไป มีเรื่องให้ปรึกษาหารือจนดึกดื่นจึงไม่กลับมารบกวนนาง ดังนั้นถึงได้ค้างที่ห้องหนังสือ แต่ว่าความเป็นห่วงเป็นเรื่องปกติของมนุษย์
เรือนหน้าเงียบมาก คิดว่ายุ่งตลอดทั้งคืน ถึงได้พักผ่อนที่ท้ายเรือน
มั่วเชียนเสวี่ยเคี่ยวโจ๊กบำรุงสุขภาพ แล้วตรงไปยังท้ายเรือนของเรือนนอก โดยมีสืออู่เป็นผู้ยกชาม
ตอนนี้เขาชอบโจ๊กบำรุงสุขภาพที่นางเป็นคนทำมากที่สุด
นางทำภารกิจของตนเองสำเร็จแล้ว ย่อมกลับมาล้างมือเข้าครัวทำอาหารให้เขาที่จวนทุกวัน
เมื่อผลักประตูเข้าไปด้านใน มั่วเชียนเสวี่ยที่มีสีหน้ายินดีก็เห็นวั่นจื่ออิ๋งที่เปลือยกายนอนอยู่บนตั่งในห้องหนังสือกำลังลุกขึ้น
ภายในห้องเละเทะ บนเตียงมีสภาพเหมือนผ่านการร่วมหอมา ทั้งยังมีเลือดพรหมจรรย์
รอยยิ้มบนใบหน้านางแข็งค้าง
เลือดแต้มนั้นนั้นแทงตามั่วเชียนเสวี่ย
หากว่าเป็นสวี่หยวนหยวนหรืออี๋เหนียงตระกูลอวี่เหวินที่นางเพิ่งรับเข้ามาสองคนนั้น มั่วเชียนเสวี่ยอาจจะไม่เชื่อ
หากว่าเปลี่ยนเป็นสถานที่แห่งอื่น มั่วเชียนเสวี่ยอาจจะไม่เชื่อ
ห้องหนังสือของหนิงเซ่าชิง หากไม่ได้รับอนุญาตจากเขา ใครจะเข้ามาได้
ยังมีสีหน้าแดงระเรื่อระคนเขินอายของวั่นจื่ออิ๋ง ทั้งหมดของทั้งหมดนี้ทำให้มั่วเชียนเสวี่ยพลันหายใจไม่ออก
นางนึกถึง…
ท่าทางดีใจมาก และไม่ได้ต่อต้านอะไรของหนิงเซ่าชิงในตอนที่นางปรนนิบัติเขาขณะกินอาหารช่วงวันปีใหม่
นางนึกถึงตอนที่สวี่หยวนหยวนจะชนนางล้ม เขาก็ประคองนาง
หลังจากนั้น เขาบอกว่าเขาเพียงแค่ยื่นมือไปตามปฏิกิริยาตอบสนองทั่วไป
มีครั้งหนึ่งที่นางกลับมาดึกมาก หนิงเซ่าชิงกำลังดื่มน้ำแกงบำรุงที่วั่นจื่ออิ๋งนำมามอบให้เขา
หลังจากนั้นเขาบอกว่าฮูหยินผู้เฒ่าให้นางนำมา เขาไม่อยากทำให้ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกแย่ถึงได้ดื่ม นางก็เชื่อ!
วั่นจื่ออิ๋งมีชาติกำเนิดและรูปโฉมไม่เลว หนิงเซ่าชิงเคยเอ่ยชมครั้งหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ ตอนนั้นเขาอธิบายจริงจังว่าเขาไม่ได้มีความชอบพอในตัววั่นอี๋เหนียงแม้แต่น้อย นางก็เชื่อ!
และยังมีอีกครั้งหนึ่งที่นางกลับมาจากบ้านไร่ ฮูหยินผู้เฒ่าส่งคนมาแจ้งหนิงเซ่าชิงว่านางอยู่ที่นั่น ให้นางไปกินอาหารเย็นด้วยกัน นางก็ไป แต่กลับเห็นว่าเขากำลังเล่นหมากรุกกับวั่นจื่ออิ๋งด้วยท่าทางมีความสุข
ระหว่างทางกลับมา หนิงเซ่าชิงอธิบายให้นางฟังว่า ฮูหยินผู้เฒ่าบังคับให้เขาเล่นหมากรุกกระดานหนึ่ง ระหว่างนั้นก็ไปถ่ายเบา และให้วั่นอี๋เหนียงช่วยนางเดินหมากสองสามตา นางก็เชื่อ!
วันนี้เล่า?
เมื่อคืน กลางดึกเขาบอกว่าเขายุ่ง ให้คนมาแจ้งข่าว บอกว่ากำลังประชุม
แต่ว่าตอนเช้านางไปหาเขา เพื่อนำอาหารเช้าไปให้ ทว่าเขากลับไม่อยู่ ทิ้งนางไว้กับสาวงามและบรรยากาศที่กระอักกระอ่วนใจยิ่งนัก
หากว่านางไม่มา ก็เตรียมปิดบังนางไปตลอดชีวิตใช่หรือไม่
รักลึกซึ้งเกินไป ก็เสียใจได้ง่าย!
“ฮูหยิน คารวะฮูหยินเจ้าค่ะ!”
วั่นจื่ออิ๋งที่ห่อตัวด้วยผ้าปู คุกเข่าคารวะยามเช้า
วินาทีถัดไป!
มั่วเชียนเสวี่ยกลับโยนชามน้ำแกงนั้นทิ้ง แล้วห้อตะบึงจากไป
สืออู่อยากจะเข้าไปจัดการวั่นจื่ออิ๋ง แต่คุณหนูของตนเองวิ่งเร็วมาก นางจึงทำได้แค่ตามไปก่อนค่อยว่ากัน
เมื่อวิ่งตะบึงออกจากเรือนแล้ว มั่วเชียนเสวี่ยก็น้ำตารินไหลพราก
เจ็บปวดใจเสียจนไร้ความรู้สึกไปแล้ว
ดูเหมือนว่าเรือนจื่อจู๋หว่านจะไม่ใช่บ้านของนาง จวนหนิงก็เหมือนจะไม่ใช่สถานที่ที่นางสมควรจะอยู่เช่นกัน
ตอนนี้นางมีเพียงความคิดเดียวก็คือ…จากไป! ไปยิ่งไกลยิ่งดี! ตอนนี้หยาดน้ำตาเอ่อล้นนัยน์ตานางแล้ว
นางสูญเสียความสามารถในการไตร่ตรองและตัดสินใจไป
มั่วเชียนเสวี่ยซึ่งโอบอุ้มความคิดที่จะจากไปก็ไปถึงลานจอดรถม้าแล้ว
อาอู่ผู้รู้สึกยินดีปรีดาที่ช่วงนี้ว่างงาน กำลังทำความสะอาดรถม้าอยู่ตรงนั้น ทันใดนั้นฮูหยินก็เดินขึ้นไปบนรถม้าราวกับลมหอบหนึ่ง
“ออกรถ”
มั่วเชียนเสวี่ยเพียงแค่อยากหาสถานที่ซ่อนตัว และอยากเร่งรีบจากไป ย่อมตรงเข้าไปในรถม้าด้วยความเร็วเช่นกัน
อาอู่เห็นไม่ชัดว่าฮูหยินตนเองเป็นอันใด
เพียงแค่รู้ว่าผู้ที่นั่งในรถม้าเป็นฮูหยินของตนเองจากรูปร่าง กลิ่นอาย อาภรณ์ น้ำเสียง และความรู้สึกอันคุ้นเคย
“ฮูหยิน? จะไปไหนหรือขอรับ”
มั่วเชียนเสวี่ยที่ซ่อนตัวอยู่ในรถร้องไห้สะอึกสะอื้น
นางไม่รู้จริงๆ ว่านางควรจะไปที่ไหน
แผ่นดินที่กว้างใหญ่คล้ายกับไม่มีสถานที่ให้นางได้พักอาศัย
มือหนึ่งของนางกุมทรวงอก มือหนึ่งค้ำยันกายนั่งอยู่ภายในรถ นางไม่อาจให้ตนเองล้มลงได้
อย่างน้อยก็ต้องไม่ล้มในตอนที่ตนเองยังอยู่ที่จวนตระกูลหนิง
นางยิ่งไม่กล้าไปหาหนิงเซ่าชิง
นางไม่มีความกล้าที่จะถาม
หากไม่ไปถาม นางยังกล้าคิดว่านั่นไม่ใช่เรื่องจริง
หากไม่ไปถาม นางยังสามารถเลือกที่จะหลอกตนเองได้
สืออู่ตามมาแล้ว ทะยานตัวขึ้นมาบนรถม้า ตวาดเสียงดังใส่อาอู่ด้วยความโมโห “กลับจวนกั๋วกง”
มั่วเชียนเสวี่ยมักออกจากจวนด้วยตนเอง
คนในจวนหนิงชินแล้ว อาอู่ก็ชินแล้วเช่นกัน
แต่ฮูหยินไม่เอ่ยวาจา สืออู่ก็มีสีหน้าย่ำแย่ หากว่าชักช้า ก็เกรงว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น
ทว่า ถึงตอนนี้เขาจะร้อนใจ แต่ก็ทำได้แค่ฟังคำสั่งฮูหยิน
โชคดีที่ฮูหยินเพียงแค่ต้องการกลับจวนกั๋วกง อาอู่เร่งบังคับรถม้าจากไปอย่างรวดเร็ว
มั่วเชียนเสวี่ยรีบร้อนกลับจวนกั๋วกง ห้อตะบึงตรงไปยังเรือนเสวี่ยหว่านในจวน และขังตนเองเอาไว้ในนั้น
นี่ทำให้ถงจื่อจิ้งร้อนใจยิ่ง
เขาเคาะประตูอยู่ข้างนอกนานสองนานก็ไม่ได้ผล ถึงได้ฝืนเข้าไปใกล้สืออู่ที่ยืนเฝ้าอยู่ข้างนอกด้วยท่าทางโมโห เพื่อสอบถามข้อมูลจากนาง
สืออู่เป็นคนนิสัยตรงไปตรงมา มีอันใดก็เอ่ยออกมา
ตัวนางก็กำลังโมโห ย่อมไม่สามารถกล่าววาจาน่าฟังออกมาได้
สตรีชั่วช้า กูเหยียทรยศอะไรพวกนี้ล้วนถูกเอ่ยออกมาหมด
สืออู่ยิ่งเอ่ยวาจา มั่วเชียนเสวี่ยที่อยู่ข้างในก็ยิ่งน้ำตาไหลพราก
คราแรก ผู้ใดที่เอ่ยข้างหูนางว่า ‘ชั่วชีวิตนี้จะไม่แตะต้องสตรีอื่น’
คราแรก ผู้ใดที่เอ่ยข้างหูนางว่า ‘ความจริงแล้วเจ้าไม่ต้องเป็นกังวล พวกนางเป็นเพียงแค่ของประดับ ชั่วชีวิตนี้ข้าไม่มีทางไปที่เรือนของพวกนาง’
นางถึงได้ทิ้งปมในใจ ปล่อยวางการป้องกัน เขากลับยอมให้สตรีอื่นปีนขึ้นเตียงเขาแทน!
ถงจื่อจิ้งพอได้ยินวาจาของสืออู่ ก็กระทำเหมือนกับมั่วเชียนเสวี่ย ห้อตะบึงออกไปทันทีเช่นกัน