เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 601 บทสรุป (12)
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว สภาผู้อาวุโสไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้ว
ยังดีที่หัวหน้าตระกูลเห็นแก่ที่ว่าครอบครัวแม้จะไม่มีผลงาน แต่ก็ทำงานเพื่อจวนหนิง จึงไม่ได้ตัดสินโทษตายให้กับจงเหล่าใหญ่ แต่เนรเทศครอบครัวจงเหล่าใหญ่ไปยังที่ดินศักดินาแทน
ทว่า ในใจทุกคนรู้ดีว่า จงเหล่าใหญ่อาจจะไม่มีโอกาสได้ออกมาอีกแล้ว
เพราะว่า ขอแค่เป็นครอบครัวสายตรงที่ถูกเนรเทศไปยังที่ดินศักดินา โดยพื้นฐานแล้วล้วนไม่มีความหวังที่จะได้กลับมาเมืองหลวงอีก บุตรหลานต้องแก่ตายในสถานที่อันห่างไกล สภาพแวดล้อมย่ำแย่ และปราศจากผู้คนอย่างที่ดินศักดินา
การลงโทษแบบนี้ ก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยมี เหล่าคนในตระกูลล้วนทอดถอนใจไม่มีที่สิ้นสุด แต่กลับไม่มีใครสักคนที่สงสัย
เบื้องหน้าจงเหล่าใหญ่รู้สึกเสียใจในการกระทำของตนยิ่งนัก ได้ยินว่ากลับไปแล้วก็ลงมือตบหน้าตนเองอย่างแรงไปหลายครั้ง
ทั้งยังประกาศอีกว่า ผู้ใดในครอบครัวที่ยินยอมจะจากไป ไม่ว่าจะเป็นอนุภรรยา หรือว่าข้ารับใช้ล้วนสามารถรับเงินช่วยเหลือครอบครัวก้อนหนึ่งได้ นับจากนี้ก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเขาอีก
ผู้ที่ไม่ยินยอมจากไป ก็เก็บสัมภาระเดินทาง และออกเดินทางด้วยกันในสามวันให้หลัง
ดังนั้น อนุภรรยาที่ไร้บุตรกับข้ารับใช้ที่ไม่ค่อยซื่อสัตย์กลุ่มหนึ่งล้วนไปรับเงินช่วยเหลือครอบครัวแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว ใครจะยินยอมติดตามครอบครัวที่มีความผิดติดตัวนี้กัน เมื่อไปถึงเป่ยต้าฮวง ตั้งแต่นี้ไปก็ไม่มีวันได้เงยหน้าอ้าปากอีก
เดิมครอบครัวจงเหล่าใหญ่รวมกับข้ารับใช้มีจำนวนสามร้อยชีวิต ผ่านการคัดเลือกคนในครั้งนี้ สุดท้ายก็เหลือไม่ถึงร้อยคน ในบรรดานั้นครึ่งหนึ่งล้วนเป็นเจ้านาย
ทว่า กลับไม่มีใครค้นพบว่า ขบวนของครอบครัวจงเหล่าใหญ่ที่ถูกเนรเทศ นอกจากบุตรหลาน ภรรยา อนุภรรยา และข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ที่ไม่ยอมจากไปแล้ว ยังมีคนที่เชี่ยวชาญเรื่องการเพาะปลูกสองสามคนที่หวังเทียนซงพามา กับกลุ่มมือสังหารของหอลับแห่งตระกูลหนิงอยู่ด้วย
นี่เป็นเพียงแค่คนกลุ่มแรก ในภายหลังยังจัดเตรียมกำลังคนอีกกลุ่มหนึ่ง ล้วนเป็นหน่วยกล้าตายของตระกูลหนิง แบ่งออกเป็นห้าหกกลุ่ม รวมทั้งหมดพันกว่าคนที่มุ่งหน้าไปยังเป่ยต้าฮวง
แน่นอนว่านั่นล้วนเป็นเรื่องราวที่ต้องทำในภายหลัง หนิงเซ่าชิงจัดการเรื่องจงเหล่าใหญ่เรียบร้อยแล้ว ก็ตรงไปยังจวนกั๋วกงอย่างรวดเร็ว
หลังจากถงจื่อจิ้งกลับมา ก็ยืนอยู่นอกประตู เล่าในสิ่งที่ตนเองได้ยินและได้เห็นมาให้มั่วเชียนเสวี่ยฟังรวดเดียว โดยไม่สนใจว่ามั่วเชียนเสวี่ยจะฟังหรือไม่
มีคนเป็นพยานว่าหนิงเซ่าชิงไม่ได้ไปที่ท้ายเรือนถี่ขนาดนั้น
ตอนนี้มั่วเชียนเสวี่ยมีสติขึ้นมาบ้างแล้ว ระลึกได้ว่าแต่ไหนแต่ไรท้ายเรือนหลังล้วนเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยเรื่องสกปรกโสมมมากมาย จึงรู้สึกมีความหวังต่อหนิงเซ่าชิงหลายส่วน
รอจนถึงตอนที่หนิงเซ่าชิงมาถึง มั่วเชียนเสวี่ยก็สงบลงมาพอสมควรแล้ว
แต่นางกลับไม่ให้หนิงเซ่าชิงเข้ามาในห้อง
เดิมสืออู่ยังอยากจะต่อว่าต่อขานกูเหยียของนางสักหน่อย แต่กลับถูกกุ่ยซาบังคับลากจากไป
ระหว่างที่หนิงเซ่าชิงประชุม เขาก็ตรวจสอบต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวชัดเจนเรียบร้อยแล้ว
กุ่ยซาเล่าความจริงของเรื่องนี้ให้สืออู่ฟังที่นอกเรือน หนิงเซ่าชิงก็อธิบายข้อเท็จจริงอยู่ในเรือนเช่นกัน
เมื่อวานวั่นจื่ออิ๋งได้ไปที่เรือนหน้าในช่วงเวลาเที่ยงคืนจริงๆ
ฮูหยินผู้เฒ่าให้นางนำน้ำแกงไปให้เขากับหัวหน้าตระกูลรุ่นก่อนและจงเหล่าทุกคน
และให้นางบอกกับตนเองว่า ผู้เฒ่าเช่นนางคิดได้แล้ว
จงเหล่าที่อยู่ในห้องโถงโมโหตระกูลอวี่เหวินนานแล้ว แต่ก็ให้ความเคารพต่อฮูหยินผู้เฒ่าหลายส่วน เมื่อเห็นฮูหยินผู้เฒ่าบอกว่าจะไม่ไปมาหาสู่กับตระกูลอวี่เหวินอีก ก็ดื่มน้ำแกงลงไปด้วยท่าทีที่สงบนิ่ง
วั่นจื่ออิ๋งควรจะจากไปเมื่อเก็บชามน้ำแกงเสร็จ แต่นางกลับไม่ได้จากไป แล้วหาข้ออ้างไปยังท้ายเรือน
นางเป็นอี๋เหนียงของหนิงเซ่าชิง หากว่าหนิงเต๋ออยู่ที่ท้ายเรือน ย่อมไม่มีทางให้นางเข้าไป แต่ว่าหนิงเต๋อติดตามปรนนิบัติข้างกายเขาตลอด ข้ารับใช้สองคนที่เฝ้าเรือนเห็นนางเข้ามาในเรือน ก็นึกว่านางได้รับอนุญาตจากหัวหน้าตระกูล และฮูหยินเป็นคนส่งนางมาอุ่นเตียงให้หัวหน้าตระกูล ย่อมไม่เข้าไปขัดขวาง เรือนหน้า หากนางไม่ได้มาส่งน้ำแกงแทนฮูหยินผู้เฒ่า ไม่ได้รับคำสั่งจากฮูหยินผู้เฒ่า อย่างไรก็เข้าไปไม่ได้ ดังนั้นจึงทำให้เกิดความเข้าใจผิดนี้ขึ้นมา
หนิงเซ่าชิงจะไม่รู้ได้อย่างไรว่า นี่เป็นแผนการที่ฮูหยินผู้เฒ่าวางเอาไว้ ทว่าเขาไม่อาจกล่าววาจาใดกับฮูหยินผู้เฒ่าได้อีกแล้ว
หนิงเซ่าชิงอธิบายเรื่องราวจนชัดเจนแล้ว แต่ในห้องกลับเงียบกริบ การถูกคนรักไม่เชื่อใจเช่นนี้ ทำให้หนิงเซ่าชิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกท้อแท้ใจ “เชียนเสวี่ย เจ้ายุติธรรมหน่อยได้หรือไม่”
หนิงเซ่าชิงเข้าไปใกล้ประตูเรือนของมั่วเชียนเสวี่ย คล้ายกับเอ่ยวาจาต่อมั่วเชียนเสวี่ยที่อยู่ข้างใน แต่ก็คล้ายกับเอ่ยวาจากับตนเอง
“แม้ว่าจะลงโทษข้า ก็ต้องให้ข้าได้พบก่อน แล้วฟังคำอธิบายของข้า จะเชื่อความด้านเดียว แล้วถูกสตรีชั่วช้าพวกนั้นทำร้าย หลอกให้เข้าใจผิดได้อย่างไร…”
“เชียนเสวี่ย เจ้ารู้ไหมว่า หากบนโลกนี้ไม่มีใคร สิ่งใดก็ไม่สำคัญสำหรับข้า ข้าจะต้องการตำแหน่งหัวหน้าตระกูลหนิงไปทำไม ต้องการสตรีไม่รู้ความพวกนั้นไปทำไม ไม่มีเจ้า โลกนี้ก็เหมือนบ่อน้ำที่แห้งขอด ข้าก็ทำได้เพียงแค่ใช้ชีวิตอย่างไร้ความหมายในบ่อน้ำบ่อนี้…”
“เชียนเสวี่ย เจ้ายังจำได้หรือไม่…”
หนิงเซ่าชิงเริ่มเอ่ยจากตอนที่ตนเองเห็นมั่วเชียนเสวี่ยครั้งแรก
เริ่มเอ่ยจากหมู่บ้านหวังจยา เมืองหลวง จวนหนิง ทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยว และเอ่ยถึงอนาคตของพวกเขา
สุดท้าย หนิงเซ่าชิงก็เอ่ยเสียงเบาว่า “เชียนเสวี่ย หากเจ้าไม่ชอบให้ใครเข้าใกล้ข้าจริงๆ อย่างมากหลังจากนี้ข้าก็ทำเหมือนถงจื่อจิ้ง ขอแค่มีสตรีเข้ามาใกล้ในระยะสามฉื่อ ก็ให้คนโยนนางออกไป…”
หนิงเซ่าชิงเอ่ยถึงตรงนี้ ก็พลันรู้สึกว่านี่เป็นความคิดที่ดีมาก
นับตั้งแต่นี้ไป ก็จะไม่มีสตรีหน้าไหนกล้าคิดจะเข้าหาเขาอีก
มั่วเชียนเสวี่ยที่อยู่ภายในห้องกลับฟังจนหน่วยตาเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาอุ่นร้อน นางรู้สึกว่าตนเองผิดไปแล้วจริงๆ
กระทั่งสิทธิ์ที่จะสนทนากับสตรี เขาก็ไม่มีหรือ
เขาไม่ใช่ทรัพย์สินส่วนตัว เขาสามารถยอมให้ตนเองสนทนากับบุรุษอื่นได้ ตนเองกลับไม่ยอมให้เขาสนทนาและเข้าใกล้สตรีอื่น
คนผู้นั้นคือท่านย่าของเขา เขาไม่สามารถทำเพื่อนางถึงขั้นที่กระทั่งท่านย่าของตนเองก็ไม่ต้องการได้
ความริษยานั้นน่ากลัวมาก มันเป็นเหล้าพิษแก้วหนึ่ง ทำให้คนอยากจะหยุดก็หยุดไม่ได้
มั่วเชียนเสวี่ยพลันเปิดประตูเมื่อคิดถึงตรงนี้ “ไม่! ไม่ต้องแล้ว”
“เพียงแค่เป็นสิ่งที่ท่านเอ่ยมา ข้าก็เชื่อ หลังจากนี้ แม้ว่าข้าจะเห็นด้วยตาตนเอง ขอแค่ท่านบอกว่าไม่ใช่ ข้าก็จะเชื่อว่านั่นไม่ใช่เรื่องจริง ข้าจะรอคำอธิบายที่ท่านจะเอ่ยให้ข้าฟัง!”
หนิงเซ่าชิงออกแรงกอดนางไว้ในอ้อมแขน
เขารู้ว่า การจะให้นางเอ่ยวาจาเช่นนี้ออกมานั้นยากเพียงใด!
หนิงเซ่าชิงกอดมั่วเชียนเสวี่ยแล้วก็คิดจะจุมพิต ทว่านางกลับปิดปาก อยากจะอาเจียน
ระหว่างที่ยุ่งวุ่นวาย ท่านหมอก็มั่นใจแล้วว่า มั่วเชียนเสวี่ยตั้งครรภ์
มั่วเชียนเสวี่ยยังคงไม่อยากจะเชื่ออยู่บ้าง แต่หนิงเซ่าชิงกลับดีใจยิ่ง
วันที่เขารอคอย รอคอยมานานแสนนาน…
คลอเคลียด้วยความรักความอ่อนโยนอยู่นานสองนาน
หนิงเซ่าชิงเอาใจใส่ทุกอย่าง ระมัดระวังทุกฝีก้าวในการรับมั่วเชียนเสวี่ยกลับจวนหนิง
เพียงแต่มั่วเชียนเสวี่ยคาดไม่ถึงว่า เรื่องแรกที่หนิงเซ่าชิงทำเมื่อกลับถึงจวนหนิงก็คือ หย่าอนุภรรยา
ทันทีที่กลับถึงจวน เขาก็เรียกสวี่หยวนหยวน วั่นจื่ออิ๋ง และยังมีอนุภรรยาตระกูลอวี่เหวินอีกสองนางมาที่เรือนจื่อจู๋หว่าน แล้วหย่าขาดพวกนางทั้งหมด
นี่เป็นครั้งแรกของราชสำนักเทียนฉี
ในตระกูลขุนนางมีการหย่าภรรยา แต่กลับไม่เคยมีการกล่าวถึงการหย่าอนุภรรยา
เพียงแค่คุมขังผู้ที่มีความผิดติดตัว หรือส่งไปวัด ไม่ก็ประทานความตายให้ลับๆ และส่งอนุภรรยากลับไปยังบ้านเดิม
สำหรับบุรุษแล้ว เรื่องการหย่าอนุภรรยานี้อับอายขายขี้หน้ายิ่ง