เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 612 อุปสรรค ซูซูต้มตุ๋นคน (3)
ตอนนี้นางหนาวจะตายอยู่แล้ว สิ่งอุ่นร้อนเล็กน้อยนี้พลันกระตุ้นความกระตือรือร้นทั้งหมดของนาง!
นางเขยิบเข้าไปใกล้แหล่งที่มาของน้ำ แล้วดื่มน้ำลงไปเยอะมาก ถึงได้รู้สึกว่าร่างกายมีความอุ่นร้อนเล็กน้อย
เพราะร่างกายได้รับความอบอุ่น นางจึงมีกำลังวังชาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซูซูรีบลืมตาขึ้น ภาพที่เข้าสู่ครรลองตาก็คือใบหน้าของขอทานชราที่อยู่กับนางผู้นั้น
แม้ว่าตอนนี้บนใบหน้าสกปรกยิ่ง แต่นางกลับมองเห็นความเป็นห่วง
นางพลันอบอุ่นใจ!
“ขอบคุณท่าน ท่านผู้เฒ่า”
ไม่กล่าววาจาก็ไม่รู้ เมื่อเอ่ยออกมา ซูซูถึงได้รู้ว่าเจ็บคอยิ่ง กระทั่งเสียงที่เอ่ยออกมา ก็เปลี่ยนเป็นแหบพร่าไม่น่าฟัง! อีกอย่างศีรษะก็ปวดจะตายแล้ว!
ขอทานชราส่ายหน้าเล็กน้อย ขณะยิ้มมีเมตตาให้กับซูซู
“ไม่เป็นไร ขอแค่เจ้าฟื้นขึ้นมาก็พอแล้ว”
เขาเอ่ยจบก็ลุกขึ้น เดินงกๆ เงิ่นๆ เข้าไปในห้อง แล้ววางชามในมือลงบนโต๊ะ
และในเวลานี้ ซูซูเพิ่งจะค้นพบว่านี่ไม่ใช่สถานที่ที่พวกเขาอยู่ก่อนหน้านี้
แม้ว่าตอนนี้ร่างกายของนางจะยังรู้สึกหนาว แต่กลับรู้สึกได้ว่าอบอุ่นกว่าก่อนหน้านี้มากมายยิ่ง!
ที่นี่ น่าจะเป็นลานหลังบ้านของครอบครัวหนึ่ง
“เอาเถอะๆ! ในเมื่อคนไม่เป็นอะไรแล้ว พวกเจ้าก็รีบไปเสีย ไม่เช่นนั้นอีกครู่หนึ่งถูกเจ้าของร้านพบเข้า ข้าต้องแบกรับผลที่ตามมาแน่ๆ!”
ซูซูหันหน้ามองไปตามที่มาของเสียง ก็เห็นบุรุษวัยกลางคนอายุสี่สิบกว่าปีกำลังเอ่ยวาจากับขอทานชราที่ดื่มน้ำของตนเองอยู่ด้วยความหงุดหงิดตรงหน้าประตู
ที่แท้ก็เป็นลานข้างนอกหลังห้องครัวของภัตตาคารแห่งหนึ่ง มิน่าถึงได้อบอุ่นกว่าบนถนนมากนัก
ไม่รู้ว่าพวกเขากล่าวอันใดอีก อย่างไรหลังจากขอทานชรากล่าวขอบคุณแล้ว ก็เดินกะโผลกกะเผลกกลับมา
“เด็กน้อย เจ้าลุกขึ้นได้ไหม พวกเราไปกันเถอะ”
ซูซูฝืนอาการวิงเวียนศีรษะ และตาลาย พยักหน้าแล้วลุกขึ้นด้วยสภาพอ่อนล้าอย่างยิ่ง
ซูซูจินตนาการได้เลยว่า ตอนที่ตนเองหมดสติไปริมถนน จะต้องเป็นขอทานชราที่มีจิตใจดีงามผู้นี้พยายามคิดหาวิธีพาตนเองมาที่นี่ ตอนนั้นตนเองหมดสติและไม่รู้เรื่องแล้ว
แต่ตอนนี้นางมีสติแล้ว และขยับได้ จึงไม่สามารถให้ท่านผู้เฒ่าประคองหรือแบกตนเองขึ้นหลังอีก
“ท่านผู้เฒ่า…ขอบคุณท่าน”
ล้วนกล่าวกันว่าเมื่อไร้ซึ่งอำนาจและฐานะในกาลก่อน ก็ถูกคนที่อ่อนแอกว่ารังแกเอาได้ นับว่าตอนนี้ซูซูเข้าใจได้อย่างลึกซึ้งแล้ว!
นึกถึงตนเองผู้เป็นสตรีที่มีชะตาชีวิตดีมาตั้งแต่เยาว์วัย เรียกลมได้ลม เรียกฝนได้ฝน มีเรื่องใดที่เคยลำบากเช่นนี้บ้าง
หากไม่ใช่เพราะซูชี หากไม่ใช่ว่าเขาหลบหนีไปราวกับเลี่ยงตัวซวย นางจะตกอยู่ในสภาพนี้ได้อย่างไร
ทว่าเมื่อซูซูคิดถึงซูชี และคิดโยงถึงสภาพของตนเองในตอนนี้ ก็ไม่ได้รู้สึกเกลียดซูชี แต่กลับยิ่งแน่วแน่ในความคิดที่จะตามหาซูชีให้พบ!
ซูชี อย่าให้ข้าหาเจ้าเจอได้ง่ายๆ เด็ดขาด!
ข้าขอสาบานว่าจะต้องแก้แค้นเจ้า แก้แค้นเจ้า…จะทำให้เจ้า…ทำให้เจ้า?
จะทำอย่างไรกับเขาเล่า? ชั่วขณะหนึ่ง ซูซูกลับคิดไม่ออก
นางพลันกระจ่างแจ้ง!
นางจะต้องแต่งงานกับเขา แต่งกับเขา! เป็นตัวหายนะของเขาไปชั่วชีวิต ให้เขาไม่สงบสุขไปตลอดชีวิต
ถูกต้อง! ต้องทำแบบนี้แหละ
ฮี้…ฮี้…
ในตอนที่ซูซูกับขอทานชราเดินออกจากประตูหลังของห้องครัว หูของซูซูกลับได้ยินเสียงแปลกๆ!
นางรีบหยุดเท้า หลับตาสนิทแล้วตั้งใจฟังอย่างรอบคอบ…
“แม่นาง ทำไมหรือ ไปกันเถอะ พวกเราไปขอข้าวในสถานที่คนพลุกพล่านกัน”
ขอทานชรายังเอ่ยไม่จบ ก็ถูกซูซูยกมือขึ้นห้าม!
ขอทานชราเป็นคนซื่อสัตย์จิตใจดี จึงยืนรอซูซูอยู่ตรงนั้นอย่างเชื่อฟัง
ฮี้…ฮี้…
ทันใดนั้น ซูซูก็ลืมตาขึ้น มุมปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มน้อยๆ!
“ท่านผู้เฒ่า ท่านฟังสิ ได้ยินเสียงม้าร้องหรือไม่”
ขอทานชราได้ยินก็หลับตาฟังเสียงอย่างตั้งใจครู่หนึ่ง แล้วก็ได้ยินม้าร้องจริงๆ
“อืม เป็นเสียงม้าจริงๆ แต่ว่านี่มันเกี่ยวข้องอันใดกับพวกเราด้วย?”
แม้ว่าจะมีเสียงม้าร้อง นั่นก็เป็นเสียงม้าของคนอื่นที่ร้อง เกี่ยวข้องอันใดกับพวกเขาด้วย?
ตอนนี้เรื่องหลักๆ ของพวกเขาคือต้องไปขอข้าวมาเติมท้องให้อิ่ม ถึงจะเป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุด!
ซูซูยิ้มบางๆ สายตาที่มองขอทานชรานั้นเปล่งประกายเป็นพิเศษ!
“ท่านผู้เฒ่าก็รู้ ตอนข้ามาถึงเมืองไหลหยาง จำเป็นต้องขายม้าตัวนั้นของข้าอย่างไม่มีทางเลือก เพราะไม่มีเงินติดกาย ตอนนั้นคนผู้นั้นหลอกข้า ซื้อม้าของข้าแต่กลับให้ข้าแค่สองตำลึงเงิน…”
ซูซูเอ่ยถึงตรงนี่แล้ว ก็อดโกรธแค้นไม่ได้!
ความจริงตอนแรกสุด นางก็ไม่รู้ว่าถูกหลอก!
เพียงแต่บนตัวไม่มีเงินแล้ว ตอนจำนำของจึงถือโอกาสถามไป ถึงได้รู้ว่า ม้าปกติธรรมดาที่ใช้ลากรถม้าก็ได้สิบกว่าตำลึงเงินแล้ว ม้าที่สามารถขี่ได้ยิ่งราคาสูง ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงม้าที่วิ่งได้เป็นพันลี้ของนางเลย!
แต่นางรู้ช้าเกินไป รอถึงตอนที่นางคิดจะกลับไปหาคนซื้อม้าของนาง ผู้อื่นก็จากไปไม่เหลือแม้แต่เงาแล้ว!
และในตอนนี้…
เมื่อครู่นางได้ยินเสียงม้าของนางร้องเรียกนางอย่างชัดเจน!
นั่นคือม้าที่อยู่เป็นเพื่อนนางเกือบจะสิบปี นางจะฟังผิดได้อย่างไร
“นังหนูอย่าคิดอีกเลย! หลังจากเจ้าจากไป คนใจดำพวกนั้นก็ขายม้าทิ้งไปแล้ว แม้ว่าเจ้าอยากจะหาก็หาไม่พบหรอก!”
“ไม่! ท่านผู้เฒ่า เมื่อครู่ข้าได้ยินเสียงม้าของข้าร้อง! เป็นม้าของข้า! ข้าไม่ได้ฟังผิดแน่นอน...”
ซูซูกระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้นดีใจ
แต่กลับลืมไปว่าตอนนี้นางเป็นคนป่วย ศีรษะวิงเวียนจนเกือบจะล้มลงไปกองกับพื้น
หากไม่ใช่ขอทานชราผู้นั้นประคองนางเอาไว้ในช่วงเวลาสำคัญ ตอนนี้นางต้องมีสภาพอเนจอนาถแน่นอน
“ขอบคุณท่านผู้เฒ่า!” หลังจากลุกขึ้น ซูซูก็โค้งกายขอบคุณขอทานชรา
ขอทานชราโบกมือไปมา แสดงให้เห็นว่าไม่ต้องถือสา
“เจ้าฟังออกด้วยหรือว่านั่นเป็นม้าของเจ้า”
ขอทานชรารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่เมื่อได้รับสายตายืนยันจากซูซู ก็กลับไม่รู้ว่าจะเอ่ยอันใดอีก
“แต่ว่า…ม้าของเจ้าถูกผู้อื่นขายทิ้งไปแล้ว ถึงตอนนี้ไม่รู้ว่าเปลี่ยนเจ้าของไปกี่คน ตอนนี้เจ้าก็ไม่มีเงินติดกาย ถึงจะอยากไถ่ตัว ก็ไม่มีหนทางอยู่ดี!”
แม้ว่าหาพบแล้วอย่างไร สุดท้ายก็ต้องท้อใจไม่ใช่หรือ
ซูซูกลับไม่คิดเช่นนั้น!
ม้าเป็นของนาง!
นางถูกบีบให้ขายม้าอย่างไม่มีทางเลือก! นางก็ปวดใจมาก และอาลัยอาวรณ์มากเช่นกัน!
โดยเฉพาะหลังจากที่รู้ว่าตนเองถูกคนหลอก นางก็ยิ่งโมโห!
ตอนนั้นนางสาบานว่า ในภายภาคหน้า หากนางได้พบคนที่ซื้อม้า หรือพบกับม้าของตนเอง จะไปสนใจทำไมว่าเป็นใคร! แม้ว่าจะเป็นผู้มีอำนาจ ตนเองก็ต้องจัดการสั่งสอนพวกเขาสักครา!