เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 615 ตอนพิเศษ หิมะโปรยปรายทั่วผืนดิน สองซูพบหน้า (1)
นาง ซูซูก็ไม่ใช่คนโง่ และรู้เหตุผลว่าไม่ควรโอ้อวดความร่ำรวยต่อคนภายนอก ดังนั้นแม้ว่าตอนนี้จะโมโหขนาดนั้น แต่กลับไม่ได้สูญสิ้นสติสัมปชัญญะเอ่ยกับเจ้าหมอนี่ว่านางมีเงิน
ขอทานชราก็กลัวว่าซูซูที่อายุยังน้อย ยังไม่เจนโลกจะนำเงินที่ขายม้าได้ออกมาโอ้อวด ตอนนี้เห็นนางไม่ได้ทำเช่นนั้น จึงได้วางใจเช่นกัน
เขาพยักหน้า ปล่อยให้ซูซูประคอง ทั้งสองคนเดินกะโผลกกะเผลกไปยังร้านถัดไป
แต่ซูซูกลับไม่เห็นว่า หลังจากที่นางประคองขอทานชราจากไป เสี่ยวเอ้อร์ของร้านเครื่องในแกะได้เงยหน้าขึ้นมาในเสี้ยววินาที ใบหน้าที่เดิมบิดเบี้ยวเพราะถูกน้ำแกงลวก กลับมีความโหดเหี้ยมเพิ่มขึ้นมา!
อาจจะเป็นเพราะเมื่อครู่พวกเขาเพิ่งจะทะเลาะใหญ่โตกับร้านเครื่องในแกะมา ดังนั้นความน่าเกรงขามจึงถูกลือออกไปในทันที สรุปแล้วตอนที่พวกเขาสองคนเดินไปถึงประตูร้านถัดไปที่ขายบะหมี่หยางชุน ก็ไม่ได้ปรากฏภาพเหตุการณ์ที่ถูกคนขับไล่ออกมาอีก!
กลับกัน กลับถูกคนเชิญเข้ามาอย่างเคารพนบนอบ
แม้ว่า ตอนนี้พวกเขาจะสวมเสื้อผ้าโกโรโกโสอยู่ก็ตาม
ขอทานชราเป็นขอทานมาเป็นเวลานานมากเกินไปแล้วจริงๆ ตอนนี้ถูกคนปฏิบัติราวกับเป็นลูกค้าผู้มีเกียรติ ก็ถึงกับไม่คุ้นชินอยู่บ้าง! จึงไปหลบอยู่หลังซูซูทันที
ในใจซูซูทั้งรู้สึกจนปัญญาและปวดใจ
“ท่านผู้เฒ่า ไม่มีอันใดหรอก พวกเรามากินข้าว พวกเขาไม่ทำอะไรพวกเราหรอก พวกเรากินเสร็จแล้วก็จ่ายเงินใช่หรือไม่”
ซูซูอธิบายอย่างละเอียด แต่จนใจที่ตอนนี้ท่านผู้เฒ่าที่อายุหลายสิบปีกลับทำตัวเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง ไม่ว่านางจะเอ่ยอย่างไร ก็ดึงมือนางเอาไว้แล้วหลบอยู่หลังนาง โดยไม่สนใจสิ่งใด
หลังจากซูซูเกลี้ยกล่อมด้วยความยากลำบากแต่ไม่ได้ผล สุดท้ายก็ทำได้แค่จูงมือเขา จากนั้นก็พาเขาไปนั่งบนม้านั่งอีกด้านหนึ่ง
“คุณลูกค้า…คุณลูกค้าทั้งสองท่านจะสั่งอะไรดีขอรับ”
เพิ่งจะนั่งลง เสี่ยวเอ้อร์ก็เดินเข้ามา ยืนอยู่ห่างจากพวกเขามาก ขณะที่เอ่ยวาจาก็ระมัดระวังเช่นกัน คล้ายกับว่ากลัวซูซูมากอย่างไรอย่างนั้น
ซูซูรู้สึกกระอักกระอ่วนใจขึ้นมาถึงที่สุด
ความจริงนางก็รู้สาเหตุนั้้น! ร้านบะหมี่หยางชุนแห่งนี้อยู่ไม่ห่างจากร้านเครื่องในแกะเมื่อครู่ อีกทั้งเมื่อจะกี้ก็เสียงดังมาก พวกเขาจะไม่ได้ยินได้อย่างไร
สิ่งที่ซูซูต้องการก็คือผลลัพธ์ที่ทำให้ตกใจจนหวาดกลัวเช่นนี้!
นางบอกแล้ว! บนโลกใบนี้ นอกจากคนผู้หนึ่งที่สามารถรังแกนางได้ ไม่ว่าใครก็ทำไม่ได้ทั้งนั้น!
นางต้องชดเชยโทสะที่ได้รับเมื่อครู่นี้กลับคืนมา
“เอาบะหมี่หยางชุนมาให้พวกข้าสองชาม จากนั้นก็รีบนำชาร้อนมากาหนึ่ง”
“ได้ขอรับ คุณลูกค้ารอสักครู่!”
ซูซูเอ่ยจบ ขาคู่นั้นของเสี่ยวเอ้อร์ก็พุ่งผ่านตรงหน้าพวกเขาไปราวกับเหยียบวงล้อเพลิง (อาวุธของนาจา) ความเร็วระดับที่ทำให้ซูซูถึงกับตกใจ!
พี่ชายเสี่ยวเอ้อร์ร้านนี้ ท่านก็เรียนวิทยายุทธ์มาเช่นกันใช่หรือไม่ มิเช่นนั้นวรยุทธ์ที่วิ่งได้รวดเร็วปานนี้ ท่านจะใช้ได้อย่างเชี่ยวชาญขนาดนี้ได้อย่างไร
ขอทานชรายังคงระมัดระวังเล็กน้อย ใช้ชีวิตอยู่ในจุดต่ำสุดของห่วงโซ่อาหาร คุ้นชินกับการโขกศีรษะของชีวิตขอทาน จู่ๆ ก็มีวันหนึ่งได้มาที่นี่ ได้จ่ายเงินกินอาหาร จะไม่คุ้นชินก็เป็นเรื่องปกติ
ซูซูกลับไม่สนใจ
นางเจอคนเป็นวรยุทธ์มากมาย เก่งกาจกว่านี้ร้อยเท่าก็เคยเจอ
นึกถึงตอนนั้น ซูชีแตะปลายเท้าเล็กน้อย คนก็สามารถลอยขึ้นไปอยู่กลางอากาศ…สะบัดพัดเล็กๆ ด้ามนั้นเล็กน้อย ดวงหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม น่าลุ่มหลงจริงๆ…
เพียงแต่…
เจ้าคนน่าตายผู้นี้โยนตนเองทิ้งไว้แล้วก็ไม่รู้ว่าหนีหายไปไหนแล้ว รออีกสองวัน รอข้าหาเงินได้มากพอค่อยไปตามหาเจ้า!
ชั่วครู่หนึ่ง ชาร้อนๆ ของพวกเขาก็ถูกนำมาให้
ซูซูแค่นเสียงเบา รินชามหนึ่งส่งให้ขอทานชรา บอกให้เขารีบดื่ม
เขาเดินกับตนเองมานานขนาดนี้ แถมตอนนี้ยังเป็นฤดูหนาว จะต้องหนาวถึงกระดูกแน่ๆ ตอนนี้ดื่มชาร้อนให้ความอบอุ่นร่างกายได้พอดี
จากนั้น ซูซูกินรินให้ตนเองชามหนึ่ง แล้วกระดกลงท้องไป โดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น และไม่คิดเล็กคิดน้อยว่าชามนี้สะอาดหรือไม่ น้ำชานี้อร่อยหรือไม่
บะหมี่หยางชุนยกมาแล้ว! ชามใหญ่มาก
บะหมี่ชามนี้ มีเส้นมากกว่าชามลูกค้าคนอื่นๆ อยู่มาก ขอทานชราไม่เคยรู้ว่าบะหมี่หยางชุนมีปริมาณเท่าใด และไม่รู้ว่าชามหนึ่งราคาเท่าไร ตอนที่ยกขึ้นมา เขาก็หยิบตะเกียบขึ้นมาลงมือกินทันที โดยไม่สนใจอะไร!
“แม่นาง รีบกิน! เร็วเข้า!” เขายังนึกว่าที่นี่คือรังขอทาน มีของกินเล็กน้อย หากกินช้า ก็จะถูกคนแย่งไป ถึงได้กินไป พลางเรียกให้ซูซูรีบกินไป
ซูซูเม้มปาก มองขอทานชราแวบหนึ่ง นางไม่ได้รังเกียจเขา กลับกัน นางรู้สึกสงสารเขา
คนที่อายุเท่านี้ ล้วนพักผ่อนอยู่บ้านเฉยๆ ใช้ชีวิตมีความสุขกับบุตรหลานใช่หรือไม่
ไหนเลยจะเหมือนเขา ที่ต้องคุกเข่าบนพื้นเย็นเยียบเสียดแทงกระดูก เพื่อที่จะกินข้าวให้อิ่มมื้อหนึ่ง พอคุกเข่าก็นานหลายชั่วยาม
ไม่ได้ออกมาข้างนอก ไม่ได้ประสบด้วยตนเอง ก็ไม่เคยรู้ว่าใต้หล้าจะมีคนน่าสงสารเช่นนี้
“เฮ้อ…ท่านผู้เฒ่า ท่านกินช้าหน่อย ไม่เป็นไรหรอก ไม่มีใครมาแย่งพวกเรา ดื่มน้ำแกงหน่อย ดื่มน้ำแกงให้ลื่นคอ”
ทว่าขอทานชราในตอนนี้ ไหนเลยจะมีอารมณ์มาสนใจอะไรมากมาย เมื่อมีอาหารอยู่ตรงหน้า เขาก็แทบจะฟังอะไรไม่เข้าหูแล้ว
ซูซูเห็นเขารีบร้อนกินอาหาร ก็เข้าใจว่าเขาหิวโซ
ไม่ต้องเอ่ยถึงเขา กระทั่งตนเอง ตอนนี้ก็แทบจะกินวัวเข้าไปได้ทั้งตัวแล้ว!
ช่างเถอะ ตอนนี้วัวเป็นสิ่งฟุ่มเฟือย กินบะหมี่หยางชุนแทนแล้วกัน
ซูซูกับขอทานชราไม่เอ่ยอันใดให้มากความอีก ทั้งคู่เริ่มลงมือกินอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้จึงเกิดภาพเหตุการณ์ประหลาดขึ้นในร้านบะหมี่แห่งนี้ นั่นก็คือทุกคนล้วนไม่กินอาหารกันแล้ว แต่พากันมองไปยังคนที่สวมเสื้อผ้าโกโรโกโสสองคนที่กินอาหารเหมือนกับผู้ลี้ภัย
เจ้าของร้านที่อยู่หลังโต๊ะเก็บเงิน อดเงยหน้าขึ้นมองอย่างอยากรู้อยากเห็นไม่ได้ ตอนที่เห็นท่าทางของพวกเขา กลับถอนหายใจด้วยความสงสาร
เป็นคนล้วนลำบาก ไม่อย่างนั้นทำไมถึงได้ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้กัน? น่าสงสารจริงๆ!
เจ้าของร้านกวักมือเรียกเสี่ยวเอ้อร์ที่อยู่ข้างนอกเข้ามา แล้วกระซิบสั่งงานข้างหูเขา “อีกครู่สองคนนี้กินเสร็จแล้ว จำไว้ว่าไม่ต้องเก็บเงิน จากนั้นเจ้าไปโถงข้างหลัง ถามอาสะใภ้ชุนของเจ้าดูสิว่า ยังมีเสื้อผ้าฤดูหนาวเก่าๆ หรือไม่ ถ้ามีก็นำมามอบให้ทั้งสองคนนี้เถอะ”
เสี่ยวเอ้อร์พยักหน้า แล้วมองไปทางสองคนที่กำลังกินมูมมามแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยกับเจ้าของร้านด้วยความจริงใจว่า “เถ้าแก่ ท่านเป็นคนดีมีเมตตาจริงๆ
เจ้าของร้านถอนหายใจ โบกมือไม่ใส่ใจ ให้เสี่ยวเอ้อร์ถอยออกไป
เขาเป็นคนดีมีเมตตาหรือ
เขาไม่ใช่ หากเขาเป็นคนดีมีเมตตา ทำไมหลายปีมาแล้ว ถึงยังไม่มีบุตรหรือบุตรีสักคนกัน
ที่เขาทำแบบนี้ก็ไม่ได้ทำเพื่อให้มีชื่อเสียงดีงาม เพียงแค่อยากทำบุญเท่านั้นเอง
หลังจากซูซูกับขอทานชรากินจนอิ่มดื่มจนพอแล้ว ก็พลันรู้สึกสบายไปทั่วทั้งร่าง!
โดยเฉพาะซูซู ศีรษะที่เดิมปวดจนแทบจะระเบิด ในตอนนี้ก็เป็นเพราะได้กินบะหมี่หยางชุนอุ่นร้อนชามหนึ่ง ถึงได้รู้สึกดีขึ้นมาก