เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 621 ตอนพิเศษ หิมะโปรยปรายทั่วผืนดิน สองซูพบหน้า (7)
นเกอหมายมั่นปั้นมือว่า ถึงแม้ต้องสังหารนังเด็กนี่ทิ้ง ก็ไม่มีทางปล่อยให้นางหนีออกไปได้!
“พวกเจ้ามันขยะไร้ค่า! เร่งฝีเท้ากันให้เร็วกว่านี้หน่อย! หากนังเด็กนั่นหนีไป พวกเจ้าก็ต้องแบกรับผลที่ตามมาเช่นกัน!”
ทุกคนย่อมรู้ว่าวาจาของซุนเกอหมายความว่าอะไร จึงพากันกลัว ฝีเท้าก็เร็วขึ้นราวกับติดจรวด!
ซูซูเห็นว่าคนกลุ่มนี้จะตามตนเองทันแล้ว ก็กัดฟันออกแรงห้อตะบึงครั้งสุดท้าย
ในที่สุดก็เข้าใกล้ม้าได้
“แฮ่ก…” ซูซูไม่กล้าหยุดแม้แต่น้อย นางพลิกตัวขึ้นม้า แล้วควบม้ากุบกับๆ จากไป
“พวกเจ้าจำเอาไว้เลยว่าข้าจะต้องชำระแค้นนี้แน่นอน! พวกเจ้าต้องถูกฝังไปพร้อมกับท่านผู้เฒ่า!” ซูซูน้ำตารินไหลในตอนท้ายก่อนจากไป
แม้ว่าข้าจะไม่ได้เป็นผู้ลงมือสังหารเขา แต่การที่เขาต้องตายนั้นมีข้าเป็นสาเหตุ ที่กล่าวถึงในข้างต้น ก็คือสถานการณ์ของขอทานชราผู้นี้สินะ!
พละกำลังที่ซูซูยืนหยัดในการต่อยตีกันชุลมุนเมื่อครู่นี้ ถูกใช้ไปจนหมดหลังจากขึ้นไปขี่บนหลังจุยเฟิง
สองขาจะวิ่งชนะสี่ขาได้อย่างไร ครู่หนึ่ง ด้านหลังก็ไร้เงาร่างคนพวกนั้น
ซูซูพาดตัวอยู่บนหลังม้า นางรู้ว่ากลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังพวกนั้นตามตนเองไม่ทันแล้ว จึงผ่อนม้าให้วิ่งช้าลง
นึกถึงสภาพอันน่าเวทนาก่อนตายของขอทานชรา ใจก็รู้สึกแย่
“จุยเฟิง…วันนี้ข้าทำร้ายคนตายไปคนหนึ่ง คนผู้นี้ยังเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตข้าด้วย เจ้าว่าข้าควรจะทำเช่นไรไรดี”
“จุยเฟิง เจ้ารู้มั้ยว่า ข้ารู้สึกแย่มาก ยากจนไม่สามารถหายใจได้แล้ว นั่นเป็นชีวิตคนคนหนึ่งเลยนะ! แต่ทำไมคนกลุ่มนั้นถึงใจดำลงมือได้ลงคอ?”
“จุยเฟิง…”
“ท่านหญิง!”
ทันใดนั้นนางพลันได้ยินเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นเหนือศีรษะ
ซูซูหัวใจเต้นระรัว ถูกเหตุการณ์ในหลายวันมานี้ทรมานจนสติฟั่นเฟือนเล็กน้อย
“ใคร! ออกมานะ!”
พรึ่บ!
คนออกมาแล้ว
คนผู้นั้นสวมชุดสีดำ ชายแขนเสื้อรวบมัดไว้กับข้อมือ เพื่อเน้นความคล่องตัว เครื่องหน้าทั้งห้าหล่อเหลา เรือนผมพริ้วไหวยามสายลมพัดมา ให้กลิ่นอายจอมยุทธ์ผู้มากความสามารถ เปี่ยมไปด้วยอิสรเสรี
เพียงแต่ ใบหน้าเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางไกลนั้นกลับปิดบังคลื่นความรู้สึกหยอกล้อในแววตาไม่มิด
“เจ้าเป็นใคร” ซูซูหรี่ตา กระชับบังเหียนม้าเตรียมป้องกัน และฝืนทำตัวกระปรี้กระเปร่า มองคนที่ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้ากะทันหัน
“ท่านหญิงซูซู ข้ามีนามว่าจ้าวเฟยลู่ เป็นคนที่จิ่งซื่อจื่อส่งมาคุ้มครองท่าน”
เมื่อประชาชนพบกับเชื้อพระวงศ์ ก็จำเป็นต้องแสดงความเคารพ
เดิมจ้าวเฟยลู่เป็นคนในยุทธภพ แม้ว่าจะมีนิสัยไม่อยู่ในกฎเกณฑ์ แต่ก็ยังกำหมัดแสดงความเคารพซูซูด้วยความเกรงใจเล็กน้อย
“จิ่งซื่อจื่อ? เสด็จพี่ของข้า?” เดิมก็มีจิตใจระแวดระวังในตัวคนผู้นี้ ตอนนี้เมื่อได้ยินว่า เขาเป็นคนที่จิ่งซื่อจื่อส่งมา ซูซูก็ไม่ได้คลายความระแวดระวังลง แต่กลับเคร่งเครียดขึ้นกว่าเดิม!
ฮี้…
เป็นเพราะนางตึงเครียด ดังนั้นจึงออกแรงดึงบังเหียนม้าแน่น บีบให้จุยเฟิงหายใจไม่คล่องไปชั่วขณะ มันจึงส่งเสียงร้องออกมาอย่างไม่พอใจ
“ขอโทษ! ข้าขอโทษจุยเฟิง!”
ซูซูรีบคลายบังเหียนม้า แล้วปลอบประโลมจุยเฟิง มือเล็กๆ ลูบปลอบไปตามแผงคอของจุยเฟิงเบาๆ พลางกล่าววาจาอ่อนโยน
“ขอโทษนะ! จุยเฟิง ข้ารู้ว่าครั้งนี้ให้เจ้าออกมาได้รับความไม่เป็นธรรมกับข้า แต่เจ้าวางใจได้ รอข้าหาซูชีพบ ข้าจะต้องดูแลเจ้าเหมือนกับบรรพบุรุษแน่นอน! เพราะว่าเจ้าเป็นผู้สร้างคุณูปการอันยิ่งใหญ่ให้กับข้า!”
จ้าวเฟยลู่ได้ยินวาจาของซูซูแล้ว ก็เงียบกริบ…
แม่นางผู้นี้โง่ใช่หรือไม่
เห็นม้าตัวหนึ่งเป็นบรรพบุรุษ? นางเคยคิดไหมว่า บิดามารดาของนาง กับโอรสสวรรค์ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรผู้นั้นจะคิดเช่นไร?
เชื่อเลยว่านางจะคิดมันออกมาได้!
“ท่านหญิงซูซู จิ่งซื่อจื่อส่งจดหมายหาข้า บอกว่า…”
“ข้าไม่มีทางกลับเมืองหลวงกับเจ้า! ถึงตายก็ไม่กลับไป!” ถึงอย่างไร ก่อนที่จะหาซูซูพบ นางไม่มีทางกลับไปเด็ดขาด!
เอ่อะ…
จ้าวเฟยลู่รับงานลูกค้ามามากมายขนาดนี้ แต่ก็ไม่เคยพบเจอคนแบบท่านหญิงซูซูผู้นี้เลยจริงๆ
นี่เป็นการไม่ฟังวาจาของตนเองเลยสักนิดเดียว
ชั่วขณะหนึ่ง เขาพลันเกิดความคิดที่จะหยอกเล่นขึ้นมา
“ท่านหญิงซูซู จิ่งซื่อจื่อบอกว่า ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีการก็ตาม ให้ข้าน้อยพาท่านกลับไปเมืองหลวงให้ได้!”
จ้าวเฟยลู่ยอมรับว่า ระยะนี้ตนเองใช้ชีวิตสบายเกินไป จึงเบื่อหน่ายเล็กน้อย ดังนั้นถึงได้หยอกสตรีตรงหน้าเล่น เขาอยากจะเห็นว่า หลังจากท่านหญิงซูซูได้ยินวาจานี้แล้ว จะมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างไร!
ซูซูที่ได้ยิน ก็เพียงแค่เงยหน้ามองเขาแวบหนึ่ง แววตาเต็มไปด้วยความระแวดระวัง
“กูไหน่ไน[1]บอกแล้วว่า! ไม่มีทางกลับไปเมืองหลวงกับเจ้า เจ้าล้มเลิกความตั้งใจนี้เสียเถอะ!” เสียงของนางดังมาก ราวกับว่าขอแค่เสียงดังเล็กน้อย นางก็สามารถจัดการความไม่มั่นใจในตนเองของนางได้!
จ้าวเฟยลู่เลิกคิ้ว นัยน์ตาคู่งามจับจ้องซูซูเขม็ง โดยไม่กล่าวอันใดให้มากความ
สิ่งที่ซูซูกลัวมากที่สุดก็คือการเผชิญหน้ากันอย่างเงียบงันเช่นนี้!
ในใจนางสับสนวุ่นวายยิ่ง! หรือว่าตนเองจะหนีเสือปะจรเข้จริงๆ?
นางไม่ต้องการ!
นางไม่ต้องการที่จะเชื่อฟังอย่างว่าง่าย! นางยังหาซูชีไม่เจอ ยังจับซูชีเอาไว้ไม่ได้เลย!
“เจ้าฝันไปเถอะ! ย่าห์!” ซูซูตะคอกเสียงดังใส่จ้าวเฟยลู่ แล้วเฆี่ยนบังเหียนม้า ขี่ม้ามุ่งหน้าหลบหนีไป!
จ้าวเฟยลู่มองเงาร่างที่จากไปของซูซู โดยไม่ได้รู้สึกประหลาดใจเลยสักนิดเดียว!
เขารู้ว่าในใจของท่านหญิงผู้นี้ จะต้องไม่สนใจแนวคิดความเคยชินและประเพณีในสังคมแน่นอน! มิเช่นนั้นจะกระทำเรื่องเช่นการเดินทางพันลี้ตามจีบสามีแบบนี้ออกมาได้อย่างไร?
แต่เขาก็ไม่กังวลว่า ซูซูหนีไป แล้วตนเองจะหาไม่พบ!
อย่าลืมเสียล่ะว่า เขาสะกดรอยตามคน ตามหาร่องรอยคนคนหนึ่งเก่งที่สุด สำหรับเขาแล้ว นั่นมันเป็นเรื่องง่ายๆ เท่านั้นเอง!
จ้าวเฟยลู่มองทิศทางที่ซูซูขี่ม้าจากไปนิ่ง แล้วยิ้มออกมา
ท่านหญิงซูซู ท่านหนีไปเถอะ! หนีไป! อย่างไรก็หนีไม่พ้นเงื้อมมือข้าหรอก!
ข้า จ้าวเฟยลู่ หากกระทั่งท่านที่เป็นไก่อ่อนยังเฝ้าเอาไว้ไม่ได้ ยังจะเรียกว่าเป็นอันดับหนึ่งอะไรอีก?!
ซูซูไหนเลยจะรู้เรื่องพวกนี้?
นางนึกว่าขอแค่ตนเองสลัดคนคนนั้นทิ้งได้ ทุกอย่างก็จะราบรื่น!
“ท่านหญิงซูซู ดูท่าทางม้าวิ่งพันลี้ของท่านตัวนี้จะกินไม่อิ่มนะ ถึงได้วิ่งช้ากว่าข้า”
ซูซูตกใจ หันกลับไปมอง ก็เห็นจ้าวเฟยลู่ที่ไม่รู้ว่ามาวิ่งขนานกับตนเองตั้งแต่เมื่อไร!
และที่น่าโมโหที่สุดก็คือ เขาใช้เพียงแค่วิชาตัวเบาในการเหาะเหินเท่านั้น!
ไม่เพียงเหาะเหิน แต่ยังกล่าววาจา ไม่เพียงกล่าววาจา แต่ยังดูท่าทางสบายๆ อีกด้วย
นี่มันปีศาจอะไรกันแน่?
“เจ้าจะทำอะไรกันแน่” ซูซูถูกทำให้โมโหแทบบ้า!
เดิมนึกว่าสลัดคนทิ้งไปได้แล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงว่า คนผู้นี้จะตามติดตนเองเป็นวิญญาณ ถึงขั้นที่นางอยู่ที่ไหน เขาก็แทบจะอยู่ที่นั่นด้วยเลย!
น่ากลัวเกินไปแล้ว?
เดิมจ้าวเฟยลู่ยังคิดจะแหย่อีกหน่อย แต่เป็นเพราะเขาค้นพบว่าท่านหญิงซูซูผู้นี้เล่นด้วยสนุกมาก! ทว่าเมื่อเห็นความตระหนก หวาดกลัว รวมไปถึงความไม่ยินยอมในสายตาของซูซู ก็พลันใจอ่อนขึ้นมา
[1] กูไหน่ไน เป็นคำเรียกสตรีในครอบครัวที่ออกเรือนไปแล้ว