เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 96 สารภาพรัก ความโกรธเคืองของเชียนเสวี่ย (1)
ตอนที่ 96 สารภาพรัก ความโกรธเคืองของเชียนเสวี่ย (1)
“ข้าไม่ได้มีเจตนาใด ท่านทราบดี ของบางอย่างจำต้องใช้ยาให้ถูกโรค” น้ำเสียงของมั่วเชียนเสวี่ยอ่อนโยน
ท่านผู้เฒ่าถงมองดูนางที่ดูไม่เหมือนจะมีเจตนาร้าย และรู้สึกว่าสิ่งที่นางพูดมีเหตุผล จึงถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เป็นเพราะตระกูลของข้าใช้ชีวิตไม่ระมัดไม่ระวัง เฮ้อ ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องในอดีต”
“ข้าเพียงอยากรู้สาเหตุเท่านั้น หากท่านผู้เฒ่าไม่สะดวกที่เล่า ก็ถือเสียว่าเชียนเสวี่ยไม่ได้ถาม และไม่เคยมาที่นี่ เชียนเสวี่ยรบกวนท่านแล้ว”
“ข้าไม่มีเจตนาจะตำหนิเจ้า ในเมื่อเชิญเจ้ามาที่นี่แล้ว แน่นอนว่าควรจะบอกต้นสายปลายเหตุทั้งหมดให้เจ้ารู้ ตระกูลของข้ามีทายาทเพียงคนเดียวมาสามรุ่นแล้ว จนกระทั่งถึงรุ่นข้า ยิ่งยากที่จะมีบุตร ข้าอายุสามสิบกว่ายังไม่มีบุตรชายแม้แต่คนเดียว มีเพียงอนุภรรยาที่มีบุตรีให้ข้า ทว่าบุตรีกับเป็นหญิงใบ้ นับตั้งแต่แต่งงานและคลอดบุตรีใบ้มีภรรยาหลายคนตั้งท้อง ทว่าสุดท้ายกลับโชคร้ายแท้งลูก เดิมทีคิดว่าชีวิตนี้คงไม่มีวาสนาได้บุตรชาย ตระกูลถงคงจบสิ้นที่ข้า ทว่าผู้ใดจะล่วงรู้ตอนที่ข้าอายุสี่สิบ ฮูหยินกลับตั้งครรภ์ สิบเดือนหลังจากนั้นนางได้คลอดจิ้งเอ๋อร์ออกมา จิ้งเอ๋อร์ร่างกายอ่อนแอแต่กำเนิด ทั้งยังเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของข้า แน่นอนว่าข้าย่อมรักใคร่และตามใจทุกอย่าง”
ท่านผู้เฒ่าถงพูดด้วยความเศร้าโศก มั่วเชียนเสวี่ยรู้สึกสงสารจับใจ พ่อบ้านลูบหลังท่านผู้เฒ่าถงด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า
“ฮูหยินอายุมาก จึงเลี่ยงไม่ได้ที่สุขภาพร่างกายจะไม่ค่อยดีเท่าใดนัก ข้ารับอนุภรรยาเข้ามาในตระกูลมาก หนึ่งเพื่อมีบุตร สองเพื่อช่วยฮูหยินดูแลงานในเรือน ช่วยดูแลจิ้งเอ๋อร์ ทว่า ผู้ใดจะคาดคิด สตรีพวกนั้นจิตวิปริต ภายใต้ความอิจฉาริษยา ลอบวางยาภรรยาและบุตรชายของข้า ภรรยาล้มป่วยและสิ้นใจ ส่วนจิ้งเอ๋อร์โดนวางยาพิษ หลังจากถอนพิษ จิ้งเอ๋อร์ก็กลายเป็นเช่นนี้ เชิญหมอที่มีชื่อเสียงมามากมาย ล้วนวินิจฉัยว่าจิ้งเอ๋อร์ไม่เป็นอะไร เพียงแค่ตกใจ จึงทำให้โง่เขลา จะค่อยๆ ดีขึ้น ข้าเชื่อเช่นนั้น คิดว่ารอให้เขาเติบโต อาการก็จะดีขึ้น แต่ว่าผ่านไปแล้วหนึ่งปี ผ่านไปแล้วสองปี ตอนที่เขาอายุสิบห้า เขายังคงเป็นเช่นนี้ ข้าสิ้นหวังยิ่งนักหลังจากฝากฝังบุตรีใบ้ จึงพาจิ้งเอ๋อร์มาซ่อนตัวอยู่ที่นี่ พ่อลูกใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันจนกระทั่งตอนนี้ก็เจ็ดแปดปีแล้ว”
เป็นเพียงเครื่องสังเวยการชิงดีชิงเด่นในเรือนเท่านั้น
คนที่น่าสงสารย่อมมีเรื่องให้แค้นเคือง ภรรยาสุขภาพร่างกายอ่อนแออยู่แล้ว แต่เขากลับรับอนุภรรยาเข้ามา ทั้งยังพูดด้วยถ้อยคำงดงาม ‘ช่วยฮูหยินดูแลงานในเรือน ดูแลลูก’
สำหรับท่านผู้เฒ่าถง ความรู้สึกสงสารในตอนแรกลดหย่อนไป
นางคิดว่า การที่ท่านผู้เฒ่าถงมีชีวิตเช่นนี้ สมควรยิ่งนัก แค่ว่า สงสารคุณชายถงนามจิ้งเอ๋อร์คนนี้จริงๆ
ถ้าหาก ตอนนั้นรักษาทันท่วงที คุณชายถงคนนี้น่าจะเป็นคนที่ฉลาดปราดเปรื่อง
แค่ว่า ตอนนี้สายไปแล้ว นางเองก็ไม่มีความรู้ด้านนี้ ต้องกลับเรือนไปคิดให้ถี่ถ้วน
มั่วเชียนเสวี่ยแสดงความคิดของตนอ้อมๆ บอกเพียงว่าจะกลับเรือนไปคิดให้ดี กำหนดวิธีการรักษา สำหรับเรื่องที่ว่ารักษาได้หรือไม่นั่น ตอนนี้นางยังไม่มั่นใจเท่าใดนัก
เพียงคำพูดแค่นี้ ก็ทำให้ท่านผู้เฒ่าถงดีใจยิ่งนัก รีบสั่งพ่อบ้านที่อยู่ด้านหลัง ให้นำรถม้าออกมาส่งมั่วเชียนเสวี่ยกลับเรือน
……
ณ เรือนตระกูลถง ภายในห้องโถงใหญ่ ท่านผู้เฒ่าถงนั่งอยู่บนเก้าอี้ ถัดจากนั้นคือชายชุดดำคุกเข่าข้างเดียวบนพื้น
“เจ้าไปสืบมาให้แน่ชัด หนิงเหนียงจื่อคนนั้นเป็นใครมาจากไหนกันแน่” ชีวิตนี้เขาผ่านเรื่องราวต่างๆ มามากมาย กลายเป็นคนเจ้าวางแผน ความรู้สึกก็ส่วนความรู้สึก ความเชื่อก็ส่วนความเชื่อ แต่หากไม่สืบหาให้ชัดเจน เขาจะเอาชีวิตของจิ้งเอ๋อร์ที่แสนสำคัญสำหรับตนไปฝากไว้กับสตรีที่ไม่รู้ที่มาที่ไปได้อย่างไร
ชายชุดดำตอบกลับ “หนิงเหนียงจื่อเป็นใครมาจากที่ใด เรื่องนี้ไม่มีผู้ใดทราบ ข้าน้อยได้ยินเพียงว่าเมื่อสามเดือนก่อนนางหมดสติอยู่ตรงคูน้ำ มีคนช่วยชีวิตเอาไว้แล้วพากลับหมู่บ้านหวังจยา แล้วให้นางแต่งงานเพื่อเป็นการแก้เคล็ดให้กับอาจารย์ในหมู่บ้านขอรับ”
ท่านผู้เฒ่าถงเงียบครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยถาม “อาจารย์นั่นเล่าเป็นผู้ใด”
“ว่ากันว่าเขาแซ่หนิง ทว่าไม่ใช่คนธรรมดา ข้าน้อยเพียงแค่เข้าใกล้เล็กน้อยก็ถูกจับได้ จึงทำได้เพียงถอยออกมาขอรับ”
“มีคนระแวดระวังมากขนาดนี้เชียวหรือ แม้กระทั่งหัวหน้าองครักษ์ตระกูลถงเยี่ยงเจ้าก็ยังถูกจับได้?”
ชายชุดดำก้มหน้าลง รู้สึกละอายใจเล็กน้อย “ข้าน้อยไม่กล้าพูดปดแม้เพียงคำเดียว ข้าน้อยเห็นว่าทำให้เขาตกใจนอกจากนี้เขายังติดตามข้าน้อยมาตลอดทาง สุดท้ายข้าน้อยเดินวนไปมาอยู่นานกว่าจะสลัดทิ้งได้ ดูจากรูปร่างแล้ว ผู้นั้น…น่าจะเป็นองครักษ์เงา?”
“องครักษ์เงา…ตระกูลหนิง? คุณชายหนิงแห่งเมืองหลวง?”
“ได้ยินว่าเมื่อหนึ่งปีก่อน เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในเมืองหลวง คุณชายใหญ่หนิงหายตัวไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ”
“หายไปอย่างไม่ทราบสาเหตุหรือว่าเจ้าไร้ความสามารถในการสืบ” แววตาของท่านผู้เฒ่าถงแหลมคม
หัวหน้าองครักษ์ตระกูลถงเหยียดเหยียดตัวตรง ตอบกลับ “ข้าน้อยเคยส่งคนไปสืบ มารดาเลี้ยงของเขาและน้องชายที่เป็นบุตรีอนุภรรยาร่วมมือกันวางยาพิษทำร้าย จนกระทั่งเวลานี้มารดาเลี้ยงของคุณชายหนิงก็ยังไม่ปล่อยให้มีเบาะแสเล็ดลอดแม้แต่น้อย แค่ว่า ถูกข่าวเท็จลวงให้สับสน”
“ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องที่สตรีสร้างขึ้น! ตอนนี้ข้าออกมาจากเมืองหลวงแล้ว หวังว่าชีวิตที่เหลือจะได้อยู่กับจิ้งเอ๋อร์…เรื่องของคุณชายหนิง เจ้าอย่าไปยุ่งให้มาก”
“ขอรับ”
“หนิงเหนียงจื่อคนนั้น มีพิษภัยอะไรหรือไม่”
“เท่าที่สืบมานั้น คล้ายว่าหลังจากหนิงเหนียงจื่อเป็นไข้สูงหนึ่งครั้ง นางก็ลืมเรื่องในอดีตทั้งหมด ดูเหมือนว่า ไม่มีภัยต่อตระกูลถงขอรับ”
“ลืมแล้ว? หึ! นี่นะหรือคำตอบที่เจ้าให้ข้า”
“นายท่านได้โปรดอย่าเคืองขุ่น หนิงเหนียงจื่อไร้วรยุทธ์ หมอหวังเองก็พบเพียงว่าในกายของนางมีลมปราณอ่อนๆ ที่ถูกปิดผนึกไว้ ข้าน้อยคิดว่านางมีฐานันดรศักดิ์ไม่ธรรม ทว่าไม่รู้จะเริ่มสืบที่ใดขอรับ”
“สืบต่อไป”
“ขอรับ”
……
เรือนตระกูลหนิงหมู่บ้านหวังจยา
ขณะที่มั่วเชียนเสวี่ยกำลังนอนเคลิ้ม เสียงนกกาเหว่าด้านนอกร้องดังขึ้นเบาๆ หนิงเซ่าชิงลืมตา จับจ้องไปที่นางด้วยแววตาลุ่มลึก สวมเสื้อแล้วเดินออกไปเงียบๆ
“เขากลับไปแล้ว?”
“กลับไปแล้วขอรับ บ่าวจงใจสะกดรอยตามเขาไม่ทัน เขาวนไปมาสองครั้งแล้วกลับเรือนตระกูลถง”
“ดูเหมือนว่า ตัวตนของเจ้าเปิดเผยแล้ว” หนิงเซ่าชิงเคาะโต๊ะเบาๆ
“บ่าวสมควรตาย” ตัวตนองครักษ์เงาของเขาเปิดเผยแล้ว เท่ากับว่าตัวตนของเจ้านายก็เปิดเผยแล้วเช่นเดียวกัน ใบหน้าของอิ่งซาปรากฏรังสีสังหาร ตอนนั้นเขาควรที่จะจัดการขั้นเด็ดขาด ฆ่าองครักษ์ตระกูลถงคนนั้นเสีย
“ไม่เป็นไร ในเมื่อถงเหล่าออกนอกเมืองหลวงแล้ว เช่นนั้นคงไม่ยื่นมือเข้ามาข้องเกี่ยวกับเรื่องในเมืองหลวงอีก… หลังจากนี้ ระวังให้มากก็พอ”
“ขอรับ”
“หากมีคนร้ายบุกรุกเข้ามา ปกป้องฮูหยินแล้วหนีไปก่อน…”
หิมะด้านนอกโปรยปราย ลมยามค่ำคืนพัดมาเป็นระลอกๆ เหน็บหนาวยิ่งนัก ทว่าใบหน้าของอิ่งซาเยือกเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งด้านนอก กำหมัดวางไว้ตรงหน้าอกพร้อมกับกล่าวคำสาบาน “โปรดอภัยที่อิ่งซาไม่อาจทำตามคำสั่ง แม้อิ่งซาต้องตายก็ไม่มีวันไปจากเจ้านาย”
หนิงเซ่าชิงมองอิ่งซาที่กล่าวคำสาบานหนักแน่น หลับตาลง ถอนหายใจเบาๆ นานครู่หนึ่ง “เจ้าคิดว่าหากเกิดอะไรขึ้นกับฮูหยิน ข้าจะมีชีวิตเพียงลำพังได้หรือ…”
“เจ้านาย…”
ตั้งแต่กลับมาจากเรือนตระกูลถงเมื่อหลายวันก่อน มั่วเชียนเสวี่ยไม่ออกจากเรือนอีกเลย นางขีดๆ เขียนๆ ในเรือน จนสร้างความสงสัยให้กับหนิงเซ่าชิงอย่างมาก